ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 433 เข้าสู่ส่วนลึก
บทที่ 433 เข้าสู่ส่วนลึก
บทที่ 433 เข้าสู่ส่วนลึก
เหนือตาข่ายกั้นในเขตแดนจิตสำนึก มีดาวตกกระพริบระยิบระยับสาดส่องออกมาอย่างกะทันหัน เมื่อเปรียบเทียบกับเขตแดนจิตสำนึกที่ส่องแสงเปล่งประกายออก ดาวตกนั้นเป็นเพียงเมล็ดข้าวเล็กจ้อยเท่านั้น
มันพุ่งทะยานไปทางกำแพงแห่งความตระหนักรู้ โดยกระจัดกระจายไปตลอดทาง และเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วพุ่งทะยานเข้าสู่ส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก
ระหว่างทาง อสูรบางตนสังเกตเห็นวัตถุแปลกประหลาดคล้ายกับมีอาจารย์อสูรหลายตนเข้ามาหา!
ทั้งหมดพยายามจะหยุดสิ่งนั้น แต่เมื่อพวกมันเข้าใกล้… ปราณกระบี่สีขาวสว่างวาบจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกสับฟันพวกมันจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา!
หลังจากทุบตีอาจารย์อสูรเหล่านั้นแล้ว… ดาวตกนั้นจึงหยุดชั่วคราวและเผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของมัน
เป็นเรือสีเงินเต็มไปด้วยอักขระโบราณส่องแสงแวววาว พลังของอักขระโบราณเหล่านี้ก่อตัวเป็นหางเสือ ในห้วงสายธารแห่งความว่างเปล่า… เปลวเพลิงขนาดใหญ่พวยพุ่งออกจากสิ่งนั้น ก่อนจะผลักให้เรือพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเรือค่อย ๆ ช้าลง บุรุษและสตรีอีกสองคนลงมาจากเรือ ไม่ช้าพวกเขาก็เปิดเผยร่างอาจารย์อสูรของตนเองพร้อมกลืนกินแนวคิดและเศษซากที่กระจัดกระจายอยู่ในความว่างเปล่า จนบริเวณแห่งนี้กลับมาสะอาดดังเดิม
ทั้งสตรีและบุรุษผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไป๋ชิวหราน เจียงหลาน และซูเซียงเสวี่ย พวกเขาไม่คิดพาคนติดตามมามากเกินไป คราวนี้ไป๋ชิวหรานไม่ได้พาถังรั่วเวยมาด้วย… ส่วนหลีจิ่นเหยา แค่เผยแพร่คำสอนไปในโลกวัตถุมากมายนั้นก็เหน็ดเหนื่อยพอแล้ว เขาจึงพาเจียงหลานกับซูเซียงเสวี่ยมาที่นี่แทน
อีกด้านหนึ่ง… การฝึกฝนร่างกายของเจียงหลานนับว่าอยู่ในขั้นสูงสุด แม้ว่านางจะพบอันตรายใด ก็สามารถปกป้องตนเองได้ อีกทั้งนางยังแข็งแกร่งพอที่จะสังหารหกอสูรแห่งความปรารถนาได้ด้วยตนเอง ส่วนซูเซียงเสวี่ยนั้นสงบนิ่ง ฉลาดและไหวพริบยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีความสามารถมากมายคอยช่วยเหลือไป๋ชิวหราน แต่ว่าอาจารย์อสูรของสตรีทั้งสองกลับเป็นเพียงอสูรธรรมดาเมื่ออยู่ในสถานที่เช่นนี้
เป้าหมายสูงสุดของไป๋ชิวหรานในคราวนี้คือใช้ทุกวิถีทางเพื่อยั่วยุให้เกิดการต่อสู้ระหว่างอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหก สำหรับอสูรอย่างพวกมันไม่อาจควบคุมหรือมีสติปัญญามากมายได้ พวกมันคืออสูรที่เกิดมาเพื่อกลืนกินสิ่งมีชีวิตและวิญญาณจากซากศพ ไม่ว่าพวกมันเผชิญหน้ากับผู้ใด… คนเหล่านั้นย่อมเป็นศัตรูทั้งสิ้น
ดังนั้นเหล่าเซียนของโลกเซียนจึงตัดสินใจแล้วว่าควรจะทำลายอสูรทั้งหมดทิ้งให้สิ้นซาก ไม่ให้เหลือรอดแม้แต่ตนเดียวจึงดีที่สุด เช่นนั้นไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ จึงไม่คิดลงมือให้มาก ให้เหล่าอาจารย์อสูรต่อสู้กันเองจนตายตกไปเสียดีกว่า
นอกจากทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ไป๋ชิวหรานยังมีเป้าหมายรองคือการค้นหาร่องรอยของศิษย์และหลานชายผู้ยิ่งใหญ่ของเขา มีสัญญาณต่าง ๆ ภายในอารยธรรมของมนุษย์งู และสามอารยธรรมต่อมาให้เห็นว่าจักรพรรดิเซียนซู่หัวที่หายไปในสนามรบยังคงทำงานอยู่ภายในเขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้ บางทีเขาอาจจะอาศัยอยู่ในส่วนลึกของโลกวัตถุ
ยิ่งกว่านั้น ในฐานะปรมาจารย์ ไป๋ชิวหรานต้องทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ จักรพรรดิเซียนซู่หัวตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็เพื่อกอบกู้สวรรค์และโลก แม้เขาจะตายตกไปอย่างน่าเสียดาย แต่สุดท้ายแล้วไป๋ชิวหรานจะต้องหาทางพากระดูกของเขากลับสู่เก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน
ใบไม้ที่ร่วงหล่นย่อมต้องหวนคืนสู่ราก… กระดูกจะต้องถูกฝังไว้ที่บ้านเกิด ความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีสิ่งใดจะมากไปกว่านี้
แต่เขตแดนจิตสำนึกนี้ยิ่งใหญ่อย่างไม่อาจจินตนาการถึง ขอบเขตของมันไม่น้อยไปกว่าแดนเซียนหรือโลกมนุษย์ที่ถูกปกครองจากเหล่าเซียน เกือบครึ่งปีแล้วที่พวกเขาออกเดินทาง แต่วันนี้พวกเขายังไปไม่ถึงเขตแดนของอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหก
ทั้งสามเดินทางผ่านพื้นที่แห่งนี้… ในทุกย่างก้าวล้วนพบเจอศัตรู และต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของเหล่าอสูรอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานเปิดการโจมตีระดับสูงออกแล้ว ตราบใดที่มีอาจารย์อสูรเข้าใกล้เขาภายในรัศมีสามพันลี้ของเรือลำนี้ เขาจะปลดปล่อยการโจมตีทันที! จากนั้นซูเซียงเสวี่ย และเจียงหลานจะปล่อยอาจารย์อสูรของตนเองออกไปเก็บกวาดเศษซาก แล้วจึงเดินทางต่อ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ระดับพลังของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เทพีแห่งความมั่งคั่ง และราชินีประทานบุตรเพิ่มพูนขึ้นมาก
อาจารย์อสูรเป็นรูปแบบชีวิตที่แปลกประหลาด พวกมันสามารถเสริมสร้างพลังของตนเองได้หลายวิธี มันปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงไม่ว่าจะอยู่ห่างกันมากเพียงใด อีกทั้งอาจารย์อสูรก็ยังมี ‘การสื่อสาร’ ที่พิเศษมากในเขตแดนของตนเอง
เช่นเดียวกับตอนนี้ ภายใต้การนำของจักรพรรดิเซียนเล่อเจิ้นเทียน อาจารย์อสูรทั้งหมดในโลกเซียนนั้นอยู่ภายใต้อำนาจแห่งเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานของไป๋ชิวหราน และพวกเขาได้รวมอาณาเขตของตนเองเข้ากับเขตแดนของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
พวกเขาเผยแพร่ความศรัทธาของตนเองเข้าไปในโลกป้อมปราการตรงด่านหน้าของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ และหลังจากได้รับพลังศรัทธากลับมา ทั้งหมดเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านั้นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาณาเขตของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เทพีแห่งความมั่งคั่ง และราชินีประทานบุตร เพื่อให้พลังของพวกเขาเหล่านั้นเพิ่มไปพร้อมกัน
และเมื่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกลืนกินจิตวิญญาณอสูรคนอื่น ๆ แนวคิดและพลังที่ได้รับมาจะสะท้อนขึ้นในอาณาเขตของตนเอง ดังนั้นอาจารย์อสูรตนอื่น ๆ ภายในอาณาเขตแห่งนี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่าเงินในอนาคตของพวกเรากำลังจะหมด ข้าควรจะใช้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเพื่อพัฒนายกระดับให้เป็นกิจการห้างร้านดีหรือไม่”
ไป๋ชิวหรานเฝ้ามองเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกำลังกลืนกินแนวคิดที่กระจัดกระจายของอสูรใกล้เคียง หลังจากความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกระดับ เขาก็กล่าวคำอย่างสบาย ๆ
“หินวิญญาณหนึ่งร้อยห้าก้อนสำหรับการสร้างรากฐาน โอสถเม็ดทองคำสามร้อยเม็ดสำหรับขั้นปฐมวิญญาณ หรือเงินจำนวนสองพันเพื่อรับประกันว่าจะสามารถก้าวผ่านความทุกข์แห่งห้วงนิพพานแล้วเดินทางสู่เส้นทางเซียน”
“เป็นความคิดที่ดี แต่ท่านก็ยังไม่ได้สร้างรากฐานไม่ใช่หรือ”
ซูเซียงเสวี่ยยิ้มพร้อมกับบีบจมูกของเขาเบา ๆ
“ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นเลย ไม่รู้ว่าหนทางยังอีกไกลเพียงใด เราคงต้องแล่นเรือกันต่อไปเรื่อย ๆ”
“ตกลง แม่สาวน้อยทั้งสอง!”
ไป๋ชิวหรานร่ายเวทและทำให้เรือสีเงินกลายเป็นดาวตกอีกครั้ง มันเดินทางผ่านกระแสความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินทางอีกสองสามเดือน ในที่สุดทั้งสามก็มองเห็นดินแดนของหกอสูรแห่งความปรารถนา
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของหกอสูรแห่งความปรารถนาไม่ได้น้อยไปกว่าจักรพรรดิเซียนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งจักรพรรดิเซียนสวรรค์ที่ดำรงอยู่ในจักรวาลนี้เลย แม้แต่เขตแดนของจิตสำนึกด้านในยังมองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า ก่อนหน้านี้พวกมันจะแต่งแต้มด้วยสีสัน แต่ลานแห่งจิตสำนึกตรงนี้กลายเป็นสีที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
หกสีที่แตกต่างเปรียบเสมือนเส้นแบ่งพื้นที่ขนาดใหญ่ของเขตแดนจิตสำนึก และเป็นอิสระจากกันและกัน บัดนี้มันก่อตัวเป็นแกนกลางของเขตแดนจิตสำนึกอาจารย์อสูร
และเมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ อาจารย์อสูรที่ได้พบก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เผชิญหน้าตามเส้นทาง ในมุมมองของไป๋ชิวหราน ความแข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนไม่มีความหมาย… อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่อาจแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนในขั้นสร้างรากฐานเสมือน แต่เพียงว่าอสูรเหล่านี้ดูเหมือนจะถือกำเนิดขึ้นจากเจตจำนงที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะไม่ใช่เสาหินขนาดใหญ่ แต่หากมีจำนวนมหาศาล พวกมันก็เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย อีกทั้งหากมันหายไปทีละมาก ๆ ในคราวเดียว สิ่งนี้อาจจะไปกระตุ้นการเฝ้าระวังของอาจารย์อสูรระดับสูงได้
“เรามาค้นหาโลกวัตถุกันเถอะ อย่างไรต้องรีบเข้าไปจุดไฟโดยเร็ว!”
เจียงหลานแนะนำ
“อย่าลืมมองหาร่องรอยของซู่หัวด้วย”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานยอมรับคำแนะนำ จากนั้นก็จัดการเรือสีเงินให้พุ่งทะยานออกเป็นลำแสงขาววาบ พร้อมกับพุ่งลงไปในโลกวัตถุอีกครั้งหนึ่ง!