ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 437 ออกมาได้แล้ว เจ้าเครื่องมือช่าง!
บทที่ 437 ออกมาได้แล้ว เจ้าเครื่องมือช่าง!
บทที่ 437 ออกมาได้แล้ว เจ้าเครื่องมือช่าง!
“มหาปราชญ์?”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองภูตผมสีทอง ก่อนจะหันมองโส่วเฟ
“นี่คือผู้นำเผ่าภูตของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ผู้มาเยือนต่างดาวทั้งสาม”
ภูตผมทองโค้งคำนับไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าวว่า
“ข้าคือมหาปราชญ์แห่งเผ่าภูต นามว่าเท่อหมีซื่อ”
“โอ้ ยินดีที่ได้พบ”
ไป๋ชิวหรานโค้งคำนับทำความเคารพ เจียงหลานกับซูเซียงเสวี่ยจึงโค้งคำนับตาม
“ก่อนอื่น ข้าเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของพวกท่านทั้งสามแล้ว เราจึงเชื่อว่าท่านทั้งสามมาที่นี่ด้วยความปรารถนาดีต่อเผ่าภูตของพวกเรา”
เท่อหมีซื่อ… มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวรวบรัด
“แต่ข้าไม่ทราบว่าท่านทั้งสามคือผู้ใด มาจากไหน และจะไปที่ใด อีกทั้งจุดประสงค์ของการมาที่นี่คืออะไร?”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมอง ปราชญ์ผู้นี้ฉลาดไม่น้อย หลังจากไป๋ชิวหรานเอาชนะมังกรยักษ์ด้วยมือเพียงข้างเดียว นางจึงเปรียบเทียบความแตกต่างพลังของทั้งสองอย่างรวดเร็ว และเลือกวิธีพูดอย่างละมุนละม่อมกับไป๋ชิวหราน
“พวกเราคือเซียน…”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“เราต้องการจะออกสำรวจโลกภายนอกแดนเซียนเท่านั้น สำหรับจุดประสงค์ของพวกเรา… ท่านมหาปราชญ์ ข้าอยากจะถามว่าใครในหมู่พวกท่านที่ใกล้ชิดกับเทพแห่งยันต์สูงสุดมากที่สุด?”
“เทพแห่งยันต์สูงสุด?”
มหาปราชญ์ถึงกับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“หากข้าเดาไม่ผิดแล้ว แปลว่าคนที่ท่านกำลังมองหาคือข้า”
หลังจากหยุดชั่วขณะ… จึงกล่าวต่อ
“เช่นนั้นจึงขอถาม พวกท่านสามคนมีจุดประสงค์ใดกันแน่?”
“ข้าต้องการทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับเทพแห่งยันต์สูงสุด”
ไป๋ชิวหรานกล่าวถ้อยคำเคร่งขรึม
“ไม่ว่ารายละเอียดจะเป็นเช่นไร ตราบใดที่ท่านทราบมัน… ข้าคาดหวังว่าท่านจะบอกทุกสิ่งแก่ข้า”
“ต้องขอโทษแล้วที่ไม่อาจกระทำได้…”
เท่อหมีซื่อเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวตอบตามตรง
“เพราะอะไร?”
ไป๋ชิวหรานประหลาดใจ
“เทพแห่งยันต์สูงสุดเป็นเทพเจ้าสูงสุดไม่ใช่หรือ? ในฐานะผู้ติดตามของเขา หากมีคนอยากทราบเรื่องราวของเทพเจ้าที่พวกท่านศรัทธา แต่พวกท่านกลับไม่คิดบอกกล่าวหรือเผยแพร่ความรู้นั้น?”
“ถูกต้องแล้ว เทพแห่งยันต์สูงสุดเป็นเทพเจ้าสูงสุดที่พวกเราเคารพในโลกใบนี้ ในฐานะผู้ศรัทธา พวกเราหวังอย่างยิ่งว่าจะมีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ศรัทธาและเข้าใจในความยิ่งใหญ่ของเขาเช่นกัน”
เท่อหมีซื่อกล่าวจริงจัง
“แต่พวกเราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย พวกเราจึงต้องระวังและคิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร… อ่า ท่านเซียน พลังที่ท่านแสดงออกนั้นเหนือกว่าจินตนาการของพวกเรา ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังว่าท่านจะสร้างอันตรายใดหรือไม่ หากทราบข้อมูลของเทพแห่งยันต์สูงสุดแล้ว”
“ยิ่งแปลกประหลาดมากกว่าเดิม”
ไป๋ชิวหรานยิ่งสับสน
“ในฐานะเทพเจ้า เขาควรจะมีอำนาจเหนือทุกสิ่งและเป็นอมตะไม่ใช่หรือ? แล้วยังหวาดกลัวว่าพวกเราจะเป็นอันตรายต่อเทพเจ้าองค์นั้นงั้นหรือ?”
“ไม่… ในคำสอนของเทพแห่งยันต์สูงสุด เขาไม่เคยกล่าวโอ้อวดว่าตนมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง”
เท่อหมีซื่อเอามือกุมหน้าอกก่อนจะกล่าวเสียงเบา
“เทพแห่งยันต์สูงสุดบอกกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มล้วนแต่อ่อนแอ เขาเคยเป็นผู้อ่อนแอเช่นเดียวกับพวกเรา แต่เขาได้เรียนรู้จากบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ว่าจะสามารถเปลี่ยนความอ่อนแอเป็นความแข็งแกร่งได้อย่างไร แล้วกล่าววิธีการเหล่านั้นกับพวกเรา”
“พวกเขาสั่งสอนการสร้างยันต์ให้พวกเรา และยังสอนวิธีการทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้น อีกทั้งยังสอนให้ระมัดระวังภัย และรู้จักกับความชั่วร้ายที่ออกอาละวาดสร้างความโกลาหลในโลก”
ดวงตาของมหาปราชญ์เต็มไปด้วยความเคารพ
“เทพแห่งยันต์สูงสุดไม่ได้บอกกล่าวให้เราศรัทธาในสิ่งที่ไม่อาจจับต้อง แต่มีบางสิ่งที่มากกว่านั้น พวกเราจึงระลึกถึงเขาเสมอ และมากกว่านั้นคือเขาเป็นผู้ให้คำปรึกษาสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด… ข้าจึงเพียงอยากกล่าวถามว่า หากมีใครบางคนต่อต้านอาจารย์ของท่าน ในฐานะศิษย์แล้ว ท่านคิดจะเก็บความลับของผู้เป็นอาจารย์หรือไม่?”
“กล่าวในฐานะอาจารย์ และในฐานะบิดา แน่นอนว่าข้าจะเก็บมันเป็นความลับ”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าเห็นด้วย
“เป็นเช่นนั้น…”
เท่อหมีซื่อโค้งคำนับ ร่องลึกที่คอเสื้อพลันเผยทรวงอกกลมกลึง ทว่าไป๋ชิวหรานหลบสายตาออกไปด้านข้าง และแสดงท่าทีความเป็นสุภาพบุรุษ
เมื่อเห็นเช่นนี้… เจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยมองหน้ากันด้วยความพึงพอใจ จากนั้นซูเซียงเสวี่ยแห่งสำนักเหอฮวนจึงกล่าวถาม
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าพวกเราควรทำเช่นไรถึงจะได้รับความไว้วางใจจากท่าน?”
“ในโลกนี้ เทพแห่งยันต์สูงสุดสร้างค่ายอาคมให้กับพวกเรา จะมีช่องว่างภายในนั้น ทุก ๆ ยี่สิบปี เมื่อความผันผวนของพลังลดลง อสูรจากนอกโลกจะใช้ประโยชน์จากช่องว่างนั้นลงมาสู่โลกใบนี้และกลืนกินชีวิตวิญญาณ พวกเราจึงเรียกขานวันนั้นว่า …วันออกล่า”
เท่อหมีซื่อทอดสายตาไปไกลโพ้นก่อนจะกล่าวต่อ
“เผ่าภูตของเราสร้างพันธมิตรกับเผ่ามังกรและเป็นสหายร่วมรบ พวกเราต่อต้านการรุกรานจากนอกโลกร่วมกัน แต่คราวนี้มังกรผู้พิทักษ์ของเผ่าภูตพวกเรา ท่านหลัวซาได้ตายตกไปอย่างน่าเสียดาย…”
ภูตผมทองมองเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยด้วยแววตาวูบไหว ทั้งสองรีบหันหน้าหนีด้วยความอับอาย แต่ไป๋ชิวหรานกลับไม่หวั่นไหว เขาชี้นิ้วไปที่ไข่มังกรก่อนจะกล่าวอย่างมีเหตุผล
“เขาเกิดใหม่แล้ว จึงไม่นับว่าถูกทุบตีจนตาย!”
“ข้าได้รับชมพลังวิเศษของท่านแล้ว…”
เท่อหมีซื่อหยุดกล่าวชั่วขณะ
“ใกล้ถึงเวลาที่วันออกล่าจะเกิดขึ้นแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่ท่านหลัวซาจะมีพลังต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้นได้… กล่าวตามตรง พลังของพวกเราไม่เพียงพอ เช่นนั้นหากพวกท่านทั้งสามต้องการได้รับความไว้วางใจจากพวกเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ง่ายดายนัก คือเพียงแค่ร่วมต่อสู้กับพวกเราเมื่อถึงวันออกล่า”
“ให้ข้าช่วยพวกเจ้าสังหารอสูรเหล่านั้น? โอ้ ย่อมได้”
ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยท่าทางสบายมาก
“ไม่มีปัญหาหรอก! เมื่อถึงเวลาเพียงแค่กล่าวบอกเรา… แล้วมหาปราชญ์สามารถพาพวกเราไปที่วิหารนั่นได้หรือไม่?”
เท่อหมีซื่อไม่คิดว่าไป๋ชิวหรานและคนอื่นจะตอบตกลงง่ายดายเช่นนี้ เมื่อได้ยินแล้ว นางตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวตอบอย่างเร่งรีบ
“แน่นอน! พวกท่านสามารถทำได้… แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนบูชาสิ่งของภายในวิหาร ”
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้ต้องการบูชา แต่จะไม่ทำลายทรัพย์สินของพวกท่าน”
ไป๋ชิวหรานโบกมือพร้อมกล่าวตรงไปตรงมา
“ข้าต้องการเพียงรับชม”
…
หลังจากกล่าวคำลากับภูตมหาปราชญ์และภูตสาวโส่วเฟแล้ว ไป๋ชิวหรานและสตรีทั้งสองจึงเดินมาถึงวิหารเทพแห่งยันต์สูงสุด
หลังจากพบมุมมืดใกล้ ๆ ไป๋ชิวหรานก็มองซ้ายขวาพร้อมกล่าวกระซิบ
“ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องเล่นแล้ว ออกมาได้แล้ว เจ้าเครื่องมือช่าง!”
“เรียกขานข้าว่าช่างงั้นหรือท่านอาจารย์!?”
ร่างจำแลงอาจารย์อสูรของไป๋ลี่ จักรพรรดิเซียนองค์แรก ผู้เป็นราชันแห่งสวรรค์ก้าวออกมาจากด้านหลังของไป๋ชิวหราน ก่อนจะค่อย ๆ งอกเงยเนื้อหนังและลอยขึ้นสู่อากาศด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“ก็เจ้าเรียกขานตนเองว่าช่าง!”
ไป๋ชิวหรานเย้ยหยัน
“เหตุใดตัวจักรพรรดิเซียนองค์แรกสามารถเรียกได้ แต่ตัวข้าไป๋ชิวหรานไม่อาจเรียก?”
“ข้าเพียงแค่อึดอัด! ตอนนี้ข้ากำลังอยู่ในมุมมองของเครื่องมือช่างชิ้นนี้…”
ร่างจำแลงราชันแห่งสวรรค์อยู่คิดครู่หนึ่ง
“อ่า… ลืมมันไปเถิด ตามใจท่านแล้วกัน! เครื่องมือช่างก็เครื่องมือช่าง!”
“เอาล่ะ! เลิกพูดพล่ามเรื่องไร้สาระ”
ไป๋ชิวหรานโบกมือพร้อมกล่าวต่อ
“มาดูกันว่าวิหารเทพแห่งยันต์สูงสุดนี้จะเกี่ยวข้องกับซู่หัวหรือไม่”