ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 441 ละอองวิรุณปิดขุนเขา
บทที่ 441 ละอองวิรุณปิดขุนเขา
บทที่ 441 ละอองวิรุณปิดขุนเขา
เศษเนื้อสับกระจัดกระจายร่วงหล่นจากท้องฟ้า จากนั้นค่อยกลายสภาพอยู่ในรูปเศษเสี้ยวแนวคิดของอาจารย์อสูร
อาจารย์อสูรตนอื่น ๆ เห็นไป๋ชิวหรานชักมือกลับ ทั้งหมดก็ตื่นตระหนกและหวาดกลัวทันที
“อะไรกัน? เดี๋ยว เจ้าเป็นเซียนนี่!”
“ข้าไม่ใช่เซียน…”
ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตัวข้านี้ยังห่างไกลจากการเป็นเซียนนัก”
“บัดซบ ชายที่อยู่กำแพงฝั่งตรงข้ามบุกเข้ามาแล้ว!”
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์อสูรทั้งหมดไม่คิดเชื่อฟังคำพูดของไป๋ชิวหราน และพลังภายในจิตสำนึกของพวกมันเริ่มผันผวนรวดเร็ว
“ต้องรายงานเรื่องนี้แก่หกอสูรแห่งความปรารถนาโดยเร็ว!”
“ช้าก่อน…”
ไป๋ชิวหรานยิ้มอบอุ่นก่อนจะกล่าว
“นับตั้งแต่พวกเจ้าบุกเข้ามาที่นี่ คิดหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้ารอดชีวิตกลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น?”
เขตแดนจิตสำนึกขนาดใหญ่แผ่ขยายออกจากกายเขา มันเข้าแทนที่พลังงานของปราการป้องกันที่พลังลดต่ำลงเกือบถึงขีดสุด และปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมดในโลกวัตถุ จนอาจารย์อสูรหลายตนไม่สามารถรับรู้ถึงตำแหน่งของอาณาเขตจิตสำนึกของตนเองได้อีกต่อไป
“อาจารย์อสูรมักจะต่อสู้กันอยู่เสมอ”
ไป๋ชิวหรานพาร่างของมหาปราชญ์ลงจากกระบี่ ก่อนจะสั่งการให้วารีสารทกระจ่างล้ำกลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง
“วันนี้ข้าจะปิ้งย่างพวกเจ้าให้เกรียม!”
ปลายกระบี่สับฟันออกเป็นเสี้ยววงกลม ไป๋ชิวหรานกระชับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในมือ ก่อนปราณกระบี่จะพุ่งทะยานออกทะลวงผ่านอากาศ จนเกิดเป็นทะเลเพลิงปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด!
ปราณดาบแปรเปลี่ยนเป็นห่าฝนขนาดใหญ่พุ่งทะยานลงสู่พื้นดิน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์อสูร หรือกองทัพอสูรระดับต่ำที่วิ่งพล่านไปทั่วชั้นสองแห่งนี้ ทั้งหมดต่างตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของพลังปราณกระบี่จนหมดสิ้น
สำนักกระบี่ชิงหมิง… เคล็ดวิชากระบี่ลายน้ำ ละอองวิรุณปิดขุนเขา!
ภายในม่านหมอกไร้สิ้นสุด ทุกหยาดฝนคือปราณกระบี่คมปลาบ ไป๋ชิวหรานปลดปล่อยให้พลังเหล่านี้ปกคลุมทั่วทั้งสนามรบ แล้วจึงสังหารพวกมัน!
เสียงกรีดร้องคลาคล่ำในม่านหมอก และเพียงชั่วอึดใจ กองทัพอสูรทั้งหมดที่อยู่ทั่วพื้นที่ก็กลายเป็นเศษเนื้อสับกองอยู่บนพื้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแนวคิดอสูรกระจัดกระจาย
ร่างของอาจารย์อสูรเหล่านั้นถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที
ในช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังแหลกสลาย อาจารย์อสูรตนหนึ่งหันกลับมา… ดวงตาแดงก่ำจับจ้องไป๋ชิวหราน พร้อมคลื่นจิตสำนึกรุนแรงเผยความขุ่นเคืองชัดเจน
“อย่าคิดจะหนีไปได้ พวกเราเป็นอมตะ! เจ้าหมดแรงเมื่อไหร่ เราจะกลืนกินวิญญาณทั้งหมด!”
“พูดได้ดี!”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“ในเมื่อเจ้ากล้าหาญเช่นนั้น… เหตุใดจึงไม่กล่าวมันเมื่ออยู่ในท้องของอาจารย์อสูรของข้าล่ะ?”
เขายกมือขึ้นเหนือศีรษะก่อนร่างของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะปรากฏขึ้น มันพุ่งตรงไปหาอาจารย์อสูรผู้นั้นและเศษซากแนวคิดที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น
“เดี๋ยว! เจ้าเป็นอาจารย์อสูรเหมือนกันรึ? คิดทำสิ่งใด? ไอ้บัดซบ!”
ความตื่นตระหนกผุดเผยบนใบหน้าของฝ่ายกองทัพอาจารย์อสูร แต่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็เพิกเฉยต่อพวกมัน มังกรยักษ์บนบ่ามีขนาดใหญ่ขึ้นในขณะที่มันอ้าปากกว้าง… สูบเอาแนวคิดอสูรทั้งหมดลงท้องไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นมันก็บินลงไปยังพื้นที่โดยรอบ มังกรยักษ์เองก็เริ่มกลืนกินแนวคิดอสูรจำนวนมหาศาลอย่างบ้าคลั่ง
อีกด้าน ไป๋ชิวหรานหันมามองเท่อหมีซื่อผู้กำลังตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ
ทั้งสองมองหน้ากันชั่วขณะหนึ่ง …หลังจากนั้นมหาปราชญ์จึงเปิดปากกล่าวขึ้น
“ข้าคิดว่าตนเองคาดหวังในตัวท่านมากไป… แต่ไม่คิดเลยว่าท่านจะแข็งแกร่งเพียงนี้”
“เป็นเช่นนั้นแหละ”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“วันนี้ข้าทำตามสัญญาแล้ว และไม่สามารถเดินทางออกไปด้านนอกได้… เอาล่ะ สัญญาของเราถือว่าจบสิ้นแล้วใช่หรือไม่?”
“แน่นอน!”
เท่อหมีซื่อสูดลมหายใจลึก
“ไม่จบเพียงเท่านั้น… นับตั้งแต่ที่ท่านช่วยเหลือโลกของเราเอาไว้ ข้าก็ไม่ทราบว่าจะตอบแทนอย่างไร”
“หากไม่ทราบว่าจะตอบแทนอย่างไรก็ไม่จำเป็น”
ไป๋ชิวหรานโบกมือ
“แล้วตอนนี้ท่านคิดจะบอกกล่าวความลับของเทพแห่งยันต์สูงสุดแล้วหรือยัง?”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น…”
เท่อหมีซื่อตอบ
…
ไป๋ชิวหรานไม่รีบร้อนนัก หลังจากคืนวิญญาณให้กับเหล่าภูตและมังกรที่ตายตกไปเสร็จสิ้น เขาก็กลับไปที่เมืองหลวงพร้อมนั่งเงียบ ๆ เพื่อรอคำตอบจากมหาปราชญ์พร้อมกับเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ย
เท่อหมีซื่อไม่ผิดคำสัญญา หลังจากจัดการโลกใบนี้เสร็จสิ้นแล้ว นางส่งคนไปเชิญไป๋ชิวหรานและอีกสองคนมาที่วิหารมหาปราชญ์ในเมืองหลวงของราชาภูต
“เชิญเข้ามา”
มหาปราชญ์มาต้อนรับที่ประตูวิหาร… แต่ไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากปฏิบัติกับทั้งสองด้วยความเคารพยิ่ง
ไป๋ชิวหรานและคนอื่นเดินตามมหาปราชญ์เข้าไปด้านใน หลังจากสักการะรูปปั้นเทพแห่งยันต์สูงสุดทั้งชายหญิงเสร็จสิ้น นางก็เปิดประตูลับออก และเดินนำเข้าไปด้านใน
เปลวเทียนวูบไหว… เท่อหมีซื่อพาไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ เดินไปยังห้องลับที่อยู่ด้านในสุด
ไม่มีการตกแต่งใดภายในห้องลับนี้ มีเพียงโต๊ะตัวหนึ่งที่มีกล่องเล็ก ๆ ประดับลวดลายซับซ้อน และยังมีสัญลักษณ์เทพแห่งยันต์สูงสุดสลักอยู่ด้านบนอีกด้วย
“เผ่าภูตและเผ่ามังกรของพวกเรามีอายุยืนยาว หลังจากที่ฝึกฝนวิถีแห่งยันต์ พวกเราก็สามารถมีอายุขัยเป็นอมตะ …มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และไม่ถูกอสูรภายนอกสังหาร”
เท่อหมีซื่อเดินไปที่กล่อง… เอื้อมมือออกปัดฝุ่นแล้วกล่าวต่อ
“เพราะเมื่อเจ็ดหมื่นปีที่แล้ว หลังจากเทพแห่งยันต์สูงสุดลงมาสู่ผืนแผ่นดินนี้ เหล่าภูตจึงได้รับคำสั่งสอน แม้แต่บางคนอาศัยที่อยู่ในส่วนลึกของโลกอย่างสันโดษก็ได้รับคำสั่งสอนจากเขา พวกเราได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งความลึกลับของเทพแห่งยันต์สูงสุด”
“ในตำนานเล่าขาน เทพแห่งยันต์สูงสุดมาที่โลกใบนี้เพื่อขับไล่อสูร และนำความรุ่งโรจน์มาสู่โลก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่… เทพแห่งยันต์สูงสุดเพียงถูกเหล่าอสูรไล่ล่าและหลบหนีมายังโลกใบนี้”
เท่อหมีซื่อประสานมือก่อนจะสวดภาวนาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
“อย่างไรก็ตาม พวกเรายังคงจดจำความเมตตาและคุณธรรมสูงส่งของเขาได้ดี ก่อนที่เทพแห่งยันต์สูงสุดจะมา พวกเราเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของเหล่าอสูรภายนอกที่วันใดวันหนึ่งจะต้องถูกสังหาร”
“ความจริงตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่…”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเสริม
“อืม… ท่านพูดถูกแล้ว”
เท่อหมีซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“อย่างไรก็ตาม พวกเรายังสามารถพัฒนาอารยธรรมของพวกเราได้ และยังแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตนเองจากเหล่าอสูรภายนอก”
“แล้วอยากจะผลักพวกมันลงไปที่พื้น แล้วทุบตีพวกมันคืนหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานรีบโน้มน้าว
“ลองศรัทธาต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานดูสิ”
“เรื่องนั้น… ข้าขอคิดดูก่อน”
เท่อหมีซื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มอันขมขื่น
ไป๋ชิวหรานจับจ้องนาง อย่างน้อยคราวนี้มหาปราชญ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง ดูเหมือนว่ามหาปราชญ์จะลดทิฐิลงมากแล้ว
“มากล่าวถึงเรื่องของเทพแห่งยันต์สูงสุดกันเถิด!”
ซูเซียงเสวี่ยกล่าวเข้าประเด็น
“อ่า… เทพแห่งยันต์สูงสุดอยู่ในโลกของเราไม่ถึงร้อยปี ร้อยปีเขารับเอาภูตเจ็ดตน และมังกรเจ็ดตัวให้เป็นศิษย์สายตรงสืบทอดวิถียันต์ ภูตทั้งเจ็ดและมังกรทั้งเจ็ดถูกเรียกขานว่า เจ็ดปราชญ์ และเจ็ดเทพมังกร”
เท่อหมีซื่อกล่าวต่อ
“แล้วหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมดแล้ว เทพแห่งยันต์สูงสุดจึงออกจากโลกแห่งนี้ไปเพื่อหลบหนีการไล่ล่าของอสูร แต่เมื่อประมาณห้าหมื่นปีที่แล้ว อาจารย์ของข้า… มหาปราชญ์คนสุดท้ายของเผ่าภูตก็ได้รับการติดต่อจากเทพแห่งยันต์สูงสุด เทพธิดาผู้หนึ่งมอบบางสิ่งให้กับอาจารย์ของข้า นั่นก็คือกล่องใบนี้ และมอบหมายให้ส่งมอบต่อให้ผู้ที่คู่ควรจะเปิดมัน…”