ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 442 เงาของจิตสำนึก
บทที่ 442 เงาของจิตสำนึก
บทที่ 442 เงาของจิตสำนึก
“ขอข้ารับชมได้หรือไม่?”
“เชิญ”
เท่อหมีซื่อมอบกล่องให้ ไป๋ชิวหรานหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเพ่งพินิจ กล่องนี้มีค่ายอาคมป้องกันอยู่ หากเปิดอย่างผิดวิธี มันจะระเบิดพร้อมกับทำลายสิ่งของด้านในทันที
เขาถึงกับร้องอุทาน
“ออกมาทำงานได้แล้ว เจ้าเครื่องมือช่าง!”
“ถ้าเรียกนามของข้า มารดาจะเสียหรืออย่างไร? ข้านี้มีนามที่ทราบกันดีว่าจักรพรรดิเซียนองค์แรก!”
สิ้นเสียงที่คล้ายอับจนปัญญานั้น ร่างอาจารย์อสูรของจักรพรรดิเซียนองค์แรกจึงปรากฏขึ้น
ไป๋ชิวหรานไตร่ตรองก่อนจะกล่าวเคร่งขรึม
“พูดตามตรง ข้าไม่คิดว่านามจักรพรรดิเซียนองค์แรกจะโด่งดังเทียบเท่ากับนามเครื่องมือช่างได้!”
“มันยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ทั้งเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ผู้นี้คือใคร?”
เมื่อเท่อหมีซื่อมองเห็นจักรพรรดิเซียนองค์แรก นางถึงกับตื่นตระหนก
“สาวน้อย… อย่าได้กังวลเลย”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกเผยรอยยิ้มให้กับนางพร้อมกล่าวคำ
“เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่ข้าคืออาจารย์ของเทพแห่งยันต์สูงสุด… เอาล่ะ เอากล่องนั้นมาให้ข้าดูหน่อย!”
ไป๋ชิวหรานยื่นกล่องให้จักรพรรดิเซียนองค์แรก อีกฝ่ายพลิกมันไปมาสองสามครั้งก่อนจะกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์ การจะเปิดสิ่งนี้ต้องใช้พลังปราณที่แท้จริง ซึ่งข้าไม่มีพลังนั้นในร่างจำแลงนี้ เช่นนั้นจึงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของท่าน”
“อ่า… งั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า”
ไป๋ชิวหรานโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง
ครั้งหนึ่งชายหนุ่มเคยกล่าวถึงขั้นวิญญาณที่แท้จริงเอาไว้ว่า ‘หากว่าเจ้าทำไม่ได้ ให้ผู้ฝึกตนอื่นที่มีปราณที่แท้จริงมาทำแทน’ แต่เวลานี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป ในที่สุดก็ถึงคราวของไป๋ชิวหรานแล้ว!
เมื่อเห็นสิ่งนี้… เจียงหลานก็สะกิดมือของซูเซียงเสวี่ยพร้อมกล่าวกระซิบ
“ดูนี่สิ เขาเป็นสุดยอดนักสื่อสารอย่างแท้จริง”
ซูเซียงเสวี่ยพยักหน้าเบา ๆ
“คำเยินยอนั้นทำให้ชิวหรานถึงกับผ่อนคลายและยินดี”
จากคำแนะนำของจักรพรรดิเซียนองค์แรก ไป๋ชิวหรานค่อย ๆ ร่ายคาถาเพื่อปลดการป้องกันของกล่องทีละชั้น
“ข้อจำกัดนี้เป็นคำถามที่ข้าเคยใช้ทดสอบซูหัว เพื่อป้องกันไม่ให้ซูหัววิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับเจิ้นเทียนและโม่เฉิน”
ขณะมองดูไป๋ชิวหรานค่อย ๆ ปลดพันธนาการ จักรพรรดิเซียนองค์แรกก็กล่าวต่อ
“การป้องกันนี้ไม่ได้มีผลอะไรนัก มันเหมือนกับแก้ปริศนาเท่านั้น เมื่อทุกคนเล่นมันอย่างสนุกสนาน ซูหัวจึงสร้างการป้องกันแบบใหม่หลายชั้น อย่าลืมว่า… อ๊ะ เปิดได้แล้ว”
ในขณะที่จักรพรรดิเซียนองค์แรกกล่าวเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานก็ยกเลิกการป้องกันและสามารถเปิดกล่องได้สำเร็จ!
“ท่านอาจารย์ ด้านในมีสิ่งใดหรือ?”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกรีบร้องถาม
ไป๋ชิวหรานหยิบกระดาษขาวแผ่นหนึ่งออกมาแล้วเปิดออก มีเพียงประโยคเดียวถูกเขียนเอาไว้ว่า ‘ข้ากำลังรอท่านอยู่ภายในเงาของจิตสำนึก…’
“มันหมายความว่าอย่างไร?”
ทุกคนหันมองเท่อหมีซื่อ และมหาปราชญ์ผู้นี้ก็รีบส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าด้านในมีสิ่งใด! อย่าถามข้าเลย!”
จากนั้นทุกคนจึงหันกลับมามองจักรพรรดิเซียนองค์แรกอย่างพร้อมเพรียง
“ซูหัวมักจะชอบทายปัญหากับข้า เขามักจะชอบสร้างปริศนาเล็กน้อยเช่นนี้เสมอ” จักรพรรดิเซียนองค์แรกแตะคางพลางบ่นกระปอดกระแปด “หมดเวลาแล้ว… ปล่อยข้าไปได้หรือยัง?”
ไป๋ชิวหรานเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางหรี่สายตามองเจ้าเครื่องมือช่างของเขา
“หมายความว่าเจ้าไม่ทราบ?”
“อืม…”
มันตอบ
“ไร้ประโยชน์!”
ไป๋ชิวหรานเขย่ากล่องไปมา
“ลืมไปซะ! มาช่วยกันคิด!”
“เงาแห่งจิตสำนึก… เมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ ความคิดแรกของข้าคือภายในส่วนลึกของจิตสำนึก จุดบอดของอาจารย์อสูร หรือสถานที่ที่มีการป้องกันเบาบาง”
ซูเซียงเสวี่ยเสนอความคิดของตนขึ้นมา
“แล้วจุดอ่อนของเหล่าอาจารย์อสูรอยู่ที่ใด?”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“จากการทดลองของเจิ้นเทียนในเวลานี้ ตราบใดที่เป็นเขตแดนจิตสำนึกและมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะ ก็สามารถถือกำเนิดอสูรได้ อสูรเหล่านี้ไม่มีเงื่อนไขใดสำหรับการสร้างอารยธรรม เราจึงจำแนกพวกมันออกเป็นโดยรวมเท่านั้น แต่พื้นฐานแล้วพวกมันทั้งหมดไร้ซึ่งจิตสำนึกสาธารณะ ทุกตนทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น”
“…ก็เป็นเช่นนั้น”
ซูเซียงเสวี่ยเห็นด้วย
“หากจะกล่าวถึงเงา… ข้าจดจำได้สิ่งหนึ่ง”
เจียงหลานกล่าวกับไป๋ชิวหราน
“ชิวหราน จำได้ไหมว่าเมื่อครั้งที่บุตรสาวของเรายังเด็ก นางมักจะชอบซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของพวกเรา”
“แน่นอนว่าข้าจำได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานก็เผยรอยยิ้มเหมือนบิดาเฒ่าออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่เขาก็หวนคืนใบหน้าเดิมอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ! เดี๋ยวนะ เงา… เงาแห่งจิตสำนึก… เป็นไปได้ไหมว่า?”
“ท่านอาจารย์คิดสิ่งใดหรือ?”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกกล่าวถาม
“ใช่! เจ้าทราบหรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วมีมิติแห่งเงา และมันไม่ได้อยู่ภายใต้โลกวัตถุและเขตแดนจิตสำนึกด้วย!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเคร่งขรึม
“ภายในมิติแห่งเงา ทุกสิ่งจะกลับด้าน! เมื่อร่างกายเข้าสู่โลกนั้น เจ้าจะถูกทิ้งไว้ในเงาของโลกวัตถุ บางที… ซูหัวและคนอื่น ๆ อาจจะหลบซ่อนอยู่ในมิติแห่งเงา!”
“มิติแห่งเงา?”
เมื่อจักรพรรดิเซียนองค์แรกได้ยินเช่นนั้น… ก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ
“บังเอิญว่า… ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ท่านอาจารย์ก็ค้นพบอะไรที่ฟังดูฉลาดได้อีกครั้ง! ท่านค้นพบมันได้อย่างไร?”
“พบเพราะถูกบุตรสาวกลั่นแกล้ง!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวหนักแน่น
“…”
ผู้ฟังเงียบงัน
“ไม่ว่าอย่างไรแล้ว เราลองไปที่มิติแห่งเงากันดู”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับพวกเขา
“ข้ารู้วิธีเปิดมิตินั้นแล้ว เพื่อที่จะเล่นซ่อนหากับซวี่เซียง ข้าจึงคิดค้นเวทคาถาเพื่อเปิดประตูมิติขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษน่ะ!!”
อีกสามคนพยักหน้า
“อืม… อืม”
เท่อหมีซื่อรับฟังการสนทนาทั้งหมดอยู่ จึงรีบกล่าวถาม
“อาวุโสไป๋ ท่านจะออกจากที่นี่แล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว! งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เรามีสิ่งสำคัญต้องรีบไปจัดการ”
ไป๋ชิวหรานเห็นว่าเท่อหมีซื่อละล้าละลัง เขาจึงกล่าวต่อ
“อย่ากังวล ข้าสังหารอาจารย์อสูรระดับสูงไปสองสามตน หลังจากนี้สักพักใหญ่ โลกใบนี้จะยังไม่ถูกโจมตีอีกครั้ง เจ้าสามารถวางใจได้ แล้วอีกไม่นานเหล่าอสูรทั้งหมดจะหายไป ข้ารับรอง”
“ประเสริฐแล้ว!”
เท่อหมีซื่อลังเลอยู่นาน และถามอีกครั้ง
“ก่อนที่จะไป อาวุโสไป๋… ท่านช่วยบอกกล่าวรายละเอียดของ ‘เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน’ ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
…
ไป๋ชิวหรานรีบตอบรับคำขอของเท่อหมีซื่ออย่างกระตือรือร้น
เขาไม่เพียงแต่แนะนำถึงเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานให้กับเท่อหมีซื่อ แต่ยังแนะนำเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ให้กับมหาปราชญ์ผู้นี้ด้วย เช่น พระโพธิสัตว์เสริมอก เทพธิดาแห่งความผูกพัน เทพีแห่งความมั่งคั่ง และราชินีประทานบุตร
“เลือกเทพเจ้าที่ท่านต้องการศรัทธาได้ตามใจชอบเหมือนเลือกอาหารเลย!”
เมื่อไป๋ชิวหรานแนะนำเทพเจ้าทั้งหมดให้กับเท่อหมีซื่อแล้ว เขาจึงขอให้นางช่วยเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ในโลกของนางด้วย
สำหรับการกระทำของมหาปราชญ์ในอนาคต… ไม่ใช่สิ่งที่ไป๋ชิวหรานต้องกังวล
สิ่งที่เขาแนะนำให้อีกฝ่ายล้วนแต่เป็นของจริง มีแต่ข้อดีไร้ข้อเสีย เขาไม่กังวลว่ามหาปราชญ์ผู้นี้จะไม่ใช้มัน อย่างไรแล้วเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็ยังอยู่ใกล้ ๆ นี้ และหากมีผู้ใดศรัทธา เขาย่อมได้รับผลลัพธ์ที่ดีเช่นเคย
หลังจากจัดการเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้แล้ว ไป๋ชิวหรานก็พาซูเซียงเสวี่ยและเจียงหลานออกจากโลกวัตถุ เพื่อหาจุดปลอดภัยภายในความว่างเปล่า จากนั้นทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปยังมิติแห่งเงา!