ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 446 มรดกของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
บทที่ 446 มรดกของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
บทที่ 446 มรดกของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
หลังจากรับฟังเรื่องราวของโหรวเยว่หมิงแล้ว จักรพรรดิเซียนองค์แรกถึงกับเงียบงันอยู่นาน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แตะไหล่ของไป๋ชิวหรานเบา ๆ พร้อมกล่าวกระซิบ
“ท่านอาจารย์ ท่านบอกข้าทีเถิดว่าควรเชื่อถือนางหรือไม่?”
“ข้าจะทราบได้อย่างไร ข้าไม่เคยเจอซู่หัว ไม่รู้จักนิสัยใจคอของเขา และข้าไม่อาจคาดเดาว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้หรือไม่”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองไป๋ลี่พร้อมกล่าวตอบ
“เจ้าเป็นทั้งอาจารย์และบิดาบุญธรรมของเขา ลองไตร่ตรองดูเถิด”
“ซู่หัวผู้นั้นจะตัดสินใจตามสิ่งที่อาจารย์อสูรตนนี้กล่าวคำหรือไม่”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกพลันลังเล
“แล้วข้าควรเชื่อถือในอาจารย์อสูรที่มีความคิดของตนเองได้งั้นหรือ?”
“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเชื่อสิ่งที่ข้ากล่าวหรือไม่…”
โหรวเยว่หมิงพลันกล่าวคำเย็นชาหลังเห็นความลังเลของจักรพรรดิเซียนองค์แรก
“สำหรับข้า นอกจากการทำตามความปรารถนาสุดท้ายของซู่หัว ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญอีกต่อไปแล้ว… เอาล่ะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปรับสิ่งที่เขาทิ้งไว้ ไม่ว่าต้องการจะทำอย่างไรต่อ พวกเจ้าก็ตัดสินใจเอง”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางก็หันหลังกลับมาเล็กน้อย และย่อตัวลงจนเทียบเท่ากับความสูงของสตรีทั่วไป จากนั้นจึงเดินเข้าสู่ส่วนลึก
“จะตามมาหรือไม่ก็แล้วแต่พวกท่าน”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกกัดฟันพร้อมกล่าวตอบ
“ตอนนี้ข้าไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ แต่หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น มาดูเอาเถิดว่าอาจารย์ของข้าจะเอาชนะเจ้าได้หรือไม่”
จากนั้นจึงเดินตามไป
“บุรุษผู้นี้อาจจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่เมื่อก่อนนี้ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหรอก”
ไป๋ชิวหรานชี้ไปที่แผ่นหลังของจักรพรรดิเซียนองค์แรกก่อนจะกล่าวถาม
“ข้าหรือ?”
เจียงหลานพยักหน้าพร้อมพูดต่อ
“ท้ายที่สุดแล้ว ในช่วงเวลาของยุคทวยเทพ ท่านก็ไม่ได้แข็งแกร่งตั้งแต่แรก”
“ลืมไปเสีย! เราตามไปดูกันเถิด”
…
ตามที่โหรวเยว่หมิงนำทาง ไป๋ชิวหรานและพรรคพวกของเขาได้มาถึงส่วนลึกที่สุดภายในมิติแห่งเงานี้
ที่นี่มีพระราชวังเซียน สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่โอ่อ่า สง่างาม ทั้งยังหรูหรา เปี่ยมไปด้วยรสนิยมสูงส่ง
“นั่นคือพระราชวังเซียน ซู่หัวอยู่ในวังเซียนภายใต้เขตอำนาจอาณาจักรเซียนกลาง”
เมื่อเห็นพระราชวังเซียนตรงหน้านี้ แววตาของจักรพรรดิเซียนองค์แรกก็หวนนึกถึงความหลังเล็กน้อย
“ช่วงที่เกิดสงครามระหว่างอาจารย์อสูรกับจักรพรรดิเซียน เขาเปลี่ยนอาณาจักรแห่งนี้ให้กลายเป็นป้อมปราการ แล้วนำมันไปถึงแนวหน้าของเขตแดนจิตสำนึก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกทำลายสิ้น ข้าก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กคนนี้จะสร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง”
ไป๋ชิวหรานจับจ้องสิ่งตรงหน้า สถานที่ทั้งหมดในพระราชวังเซียนแห่งนี้ถูกจารึกด้วยสัญลักษณ์แทนตัวของตระกูลซู ดูเหมือนว่าอย่างน้อย สิ่งหนึ่งที่โหรวเยว่หมิงกล่าวถูกต้องก็คือ จักรพรรดิเซียนซู่หัวอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษมายาวนาน
เมื่อเห็นพระราชวังนี้ จักรพรรดิเซียนองค์แรกเชื่อถืออีกฝ่ายไปแล้วกว่าเก้าในสิบ เขาเร่งฝีเท้าติดตามโหรวเยว่หมิงเข้าไปด้านในของพระราชวังเซียน!
ภายในห้องโถงด้านข้างเป็นหอสมุดที่มีชั้นตำรามากมาย รวมถึงอุปกรณ์สำหรับบันทึกทุกประเภท
“นี่คือสถานที่ที่ซู่หัวเก็บบันทึกผลการค้นคว้าตลอดช่วงชีวิตของเขา”
โหรวเยว่หมิงกล่าว
“โถงด้านข้างนี้ แม้แต่พระราชวังทั้งหมดก็ยังถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นวัตถุเวท ซึ่งสามารถเก็บไว้เป็นแบบจำลอง และยังสามารถพกติดตัวไปได้ ภายในห้องโถงด้านข้างนี้ การฝึกฝนยันต์ที่เขาพัฒนาขึ้นเพื่อสิ่งมีชีวิตภายในโลกวัตถุถูกเก็บไว้ที่นี่ หากว่าซู่หัวสามารถพัฒนาการฝึกฝนได้ถึงระดับสูงสุด มันจะเทียบเท่าพละกำลังของจักรพรรดิเซียน และการฝึกฝนนี้สามารถหลอมรวมเข้ากับขั้นการฝึกฝนก่อนหน้า กล่าวคือสามารถฝึกฝนร่วมกันได้”
ไป๋ชิวหรานหยิบยกข้อมูลส่วนหนึ่งออกจากชั้นวางตำรา ก่อนจะเปิดมันออก ทั้งหมดบันทึกวิธีการฝึกฝนยันต์และยังมีแบบฝึกยันต์ใหม่ ๆ ด้วย เขาเป็นปรมาจารย์แห่งยันต์ในขั้นต้นภายในโลกวัตถุก่อนหน้า จึงเข้าใจการฝึกฝนยันต์ทั้งหมด
แต่บางทีอาจเป็นเพราะพื้นที่แห่งนี้อยู่ห่างไกล การฝึกฝนยันต์ภายในโลกวัตถุจึงด้อยกว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเขามาก
หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว จักรพรรดิเซียนซู่หัวน่าจะสร้างการฝึกฝนยันต์ไว้ภายในเขตแดนจิตสำนึกขณะที่ท่องไปยังโลกวัตถุต่าง ๆ ที่ห่างไกล โลกวัตถุที่จักรพรรดิเซียนซู่หัวไปถึงจึงได้รับการพัฒนา ทว่าไม่อาจเทียบเท่ากับสิ่งที่เขาบ่มเพาะขึ้นมาล่าสุด หลังจากทุกสิ่งเสร็จสมบูรณ์ มันก็เป็นช่วงที่เขาแยกตัวออกจากเขตแดนจิตสำนึกด้านบนไปเสียแล้ว
“การฝึกฝนนี้…”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกหยิบบันทึกออกมาอ่าน พลางรู้สึกหดหู่ในใจ
“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าซู่หัวที่อาศัยอยู่ในต่างแดนจะอุทิศตนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยให้กับแดนเซียน…”
“เขาเก็บบันทึกแห่งยันต์ทั้งหมดไว้ที่นี่”
โหรวเยว่หมิงเห็นไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ดูเสร็จแล้วจึงกล่าวต่อ
“ต่อไป เป็นวิธีจัดการกับอาจารย์อสูร…”
“เขามีวิธีจัดการกับอาจารย์อสูรด้วยงั้นหรือ?”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกเหลือบมองไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าวคำตื่นตระหนก
“มันถูกค้นพบ… และเขาก็ตายเพราะมัน…”
ขณะกล่าวเช่นนั้น โหรวเยว่หมิงก็พาพวกเขาตรงไปที่ห้องโถงอีกด้านหนึ่ง
มันแตกต่างจากห้องโถงก่อนหน้านี้ที่เต็มไปด้วยชั้นตำรา เพราะห้องโถงนี้ว่างเปล่า มีเพียงแท่นหนึ่งตั้งอยู่ ซึ่งบนแท่นนั้นมีบันทึกถูกแขวนเอาไว้
“ทั้งหมดอยู่ในนั้น”
โหรวเยว่หมิงชี้ไปที่แผ่นบันทึก
“ให้ท่านอาจารย์รับชม”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกเหยียดมือออกไปหยิบบันทึกแล้วส่งมันให้กับไป๋ชิวหราน
ไป๋ชิวหรานถือมันเอาไว้ ก่อนจะส่งสัมผัสเทวะแทรกซึมลงไป เขาอ่านเนื้อหาภายในอย่างรวดเร็ว
ในการต่อสู้ครั้งนี้ จักรพรรดิเซียนซู่หัวสรุปทักษะของอาจารย์อสูรไว้ในไม่กี่ประโยค และยังมีเวทคาถาเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
จักรพรรดิเซียนซู่หัวสรุปเรื่องราวของอาจารย์อสูรไว้ดังนี้
ประการที่หนึ่ง อาจารย์อสูรเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะ แต่หลังออกจากเขตแดนแห่งจิตสำนึกแล้ว พลังของพวกมันจะถูกปิดกั้น และมีเพียงพลังในการต่อสู้ทางร่างกาย แต่เมื่ออยู่ในส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก ความแข็งแกร่งของอาจารย์อสูรจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
ประการที่สอง มีเพียงสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันเท่านั้นที่จะสามารถสังหารอาจารย์อสูรได้
ประการที่สาม อาจารย์อสูรสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้ ในการค้นคว้าสุดท้าย เพราะพวกมันมีอาณาเขตของตนเองและสามารถกลืนกินแนวคิดของสิ่งมีชีวิตภายในโลกวัตถุได้ไร้สิ้นสุด จึงทำให้ตัวของมันเป็นอมตะ อาจารย์อสูรกลืนกินแนวคิดของอาจารย์อสูรไม่จบสิ้น และหากสามารถทำลายอาณาเขตที่อยู่ในส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึกได้สำเร็จแล้ว จะต้องกลืนกินร่างอาจารย์อสูรพวกนั้นให้หมดสิ้น อีกทั้งต้องทำขั้นตอนทั้งหมดให้เสร็จก่อนทำลายอาณาเขตจิตสำนึก
ประการที่สี่ อาณาเขตของจิตสำนึกเป็นอาณาเขตที่คล้ายคลึงกับวิถีสวรรค์ ซึ่งสามารถข้ามความว่างเปล่า และเชื่อมโยงไปยังโลกวัตถุอิสระใบอื่น โดยใช้กฎเกณฑ์ร่วมกันได้ ดังนั้นหากควบคุมการมีอยู่ของเขตแดนจิตสำนึกได้เช่นเดียวกับวิถีสวรรค์ ก็อาจจะใช้กฎเกณฑ์ของตนเข้าแทนที่และควบคุมเขตแดนจิตสำนึกทั้งหมดไว้ได้
ไป๋ชิวหรานเป็นผู้นำการออกค้นคว้า แต่ไม่อาจเทียบสิ่งที่ถูกค้นพบโดยจักรพรรดิเซียนซู่หัว ในการสำรวจกว่าเจ็ดหมื่นปีที่ผ่านมา เขายังสำรวจการก่อตัวของเขตแดนจิตสำนึกบางส่วน ทว่าสิ่งที่ไป๋ชิวหรานได้อ่านในมือนี้ล้วนอยู่เหนือความคาดหมาย
ไป๋ชิวหรานหันไปสนใจพลังเหนือธรรมชาติทั้งสามอีกครั้ง
คาถาแรกคือ ใช้สายธารจิตสำนึกของตนเองโจมตีโลกวัตถุให้กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะเขตแดนจิตสำนึก เป็นการสร้างคาถาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยสติปัญญา อีกทั้งยังมีชีวิตอิสระ นี่คือการให้กำเนิดอาจารย์อสูร
คาถาที่สองคือ คาถาที่ใช้เพื่อเสริมสร้างและกำหนดทิศทางการพัฒนาอาจารย์อสูร หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘เสริมพลัง’
คาถาที่สามคือ การใช้คาถาบังคับรูปร่างอาจารย์อสูรและความนึกคิดของมันด้วยการผนึกยันต์ลงในร่างกาย ทำให้มันมีพลังและแนวคิดสูงสุด เพื่อบรรลุการควบคุมร่างกาย สิ่งนี้ถูกจักรพรรดิเซียนซู่หัวเรียกว่า ‘ตรวนพันธนาการ’