ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 448 หกอสูรแห่งความปรารถนาเริ่มเคลื่อนไหว
บทที่ 448 หกอสูรแห่งความปรารถนาเริ่มเคลื่อนไหว
บทที่ 448 หกอสูรแห่งความปรารถนาเริ่มเคลื่อนไหว
เดิมทีไป๋ชิวหรานมองท่าทางห่างเหินของโหรวเยว่หมิง คิดว่านางจะเป็นสตรีที่ไม่คิดก้มศีรษะให้กับผู้ใดเหมือนกับความงามที่เลอค่านั้น
แต่ผลลัพธ์กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด อีกฝ่ายตรงไปตรงมาเกินกว่าจะคาดเดาได้ นางคืออาจารย์อสูร และสามารถขับวิญญาณที่เหลือของจักรพรรดิเซียนซู่หัวออกจากร่างกายได้โดยสง่างาม แต่กลับเลือกที่จะอาเจียนมันออกมา
เมื่อเห็นนางเช็ดของเหลวใสที่มุมปากของตนเอง ไป๋ชิวหรานก็สามารถจินตนาการถึงเศษวิญญาณที่เหลือได้ มันคงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำย่อยหลังจากถูกคายออกมา…
แม้ว่าจะเป็นอาจารย์อสูรที่เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะและความงาม แต่เมื่ออีกฝ่ายสำรอกเช่นนี้ เขาก็อดคลื่นไส้ตามไม่ได้
“ต่อให้จะน่าสะอิดสะเอียนเพียงใด แต่จะรังเกียจซู่หัวได้ลงคอหรือ?”
ในช่วงเวลาที่ชวนกระอักกระอ่วน เจียงหลานกล่าวเตือนสติออกมา
“เอาล่ะ… หยุดเสียเวลากันเถิด”
“อืม!”
ไป๋ชิวหรานยื่นมือไปรับเศษวิญญาณอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนจะนำวัสดุจากยมโลกออกมาจากมิติเก็บของ ประกอบแท่นบูชาขึ้นแล้วจึงค่อยร่ายคาถา
ไป๋ลี่ ซูเซียงเสวี่ย และเจียงหลานก็หยิบวัสดุบางอย่างออกมาเช่นกัน พวกเขาช่วยเหลือไป๋ชิวหรานในการสร้างแท่นบูชา
แท่นบูชาถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว และไป๋ชิวหรานนำชิ้นส่วนวิญญาณของจักรพรรดิเซียนซู่หัวลงบนแท่น จากนั้นเริ่มร่ายคาถาเพื่อรวบรวมเศษวิญญาณทั้งสามและเจ็ดให้กับเขา
นี่คือสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้ แม้กระทั่งไป๋ชิวหรานในอดีต แต่หลังจากเริ่มศึกษาเรื่องราวของอาจารย์อสูรและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกาย วิญญาณ และจิตสำนึกอย่างลึกซึ้ง ไป๋ชิวหรานจึงประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณทั้งสาม และส่วนประกอบทั้งเจ็ดได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะกลั่นกรองและปรับโครงสร้างวิญญาณที่กระจัดกระจายจนเหลือเพียงเศษเสี้ยว ไป๋ชิวหรานใช้ช่วงเวลากว่าสามสิบปีเพื่อก่อตั้งยมโลกขึ้นมา และเวลานั้นเขาได้วิเคราะห์โครงสร้างของเหล่าวิญญาณจำนวนมาก
ในหมู่พวกเขาเช่น ผู้ทรงเกียรติกุ้ย ทั้งหมดได้สัมผัสถึงแนวคิดต่าง ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจรวบรวมจิตวิญญาณของตนเองขึ้นมาอีกครั้งได้
เพราะทุกคนไม่สามารถเข้าใจกฎแห่งสังสารวัฏได้ และถึงแม้พวกเขาจะได้รับพลังในการหลอมรวมวิญญาณ แต่ก็ไม่อาจทำได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลทั่วไปจะสามารถฟื้นฟูรูปปั้นทรายที่พังถล่มลงมาโดยไม่พลาดแม้สักเสี้ยวเดียวของมัน…
การหลอมรวมจิตวิญญาณก็เหมือนกับการก่อร่างใหม่ขึ้นมาเป็นรูปปั้นทราย อีกทั้งทรายที่ใช้สำหรับก่อใหม่นี้จะต้องเป็นทรายเดียวกันกับก่อนหน้าที่มันจะพังทลายลง
มีเพียงไป๋ชิวหรานเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ ซึ่งภายในจักรวาลกว้างใหญ่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีความสามารถ
ชายหนุ่มไม่เพียงแต่วิเคราะห์โครงสร้างของวิญญาณเท่านั้น แต่ยังดำรงตำแหน่งจักรพรรดิภูตผีแห่งยมโลกอีกด้วย ซึ่งต้องรับผิดชอบอำนาจของสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเข้าใจถึงพลังเวทการย้อนเวลาจากคาถาของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี
ไป๋ชิวหรานเข้าใกล้แท่นบูชา จากนั้นพลังปราณแก่นแท้ในร่างกายจึงเริ่มโคจรเชื่องช้า อำนาจลึกลับปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาภายใต้การควบคุมของเขา
เวลาเริ่มไหลย้อนกลับ ลำแสงเปล่งประกายวูบไหวรอบด้าน และเศษเสี้ยวของสติที่เล็กกว่าเม็ดฝุ่นปรากฏขึ้น นั่นคือชิ้นส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
ภายใต้การควบคุมของไป๋ชิวหราน สสารเหล่านี้ค่อย ๆ ควบแน่นเข้าหากัน เขาเปลี่ยนแปลงดวงจิตทั้งสามและเจ็ด จนก่อเกิดเป็นร่างแสงทารกในครรภ์ วิญญาณที่สดใสกลายเป็นวิญญาณภูตผีที่ซากศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า ก่อนวิญญาณของจักรพรรดิเซียนซู่หัวจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่กลายเป็นวิญญาณของชายที่เปล่งประกาย ร่างนั้นลอยอยู่เหนือแท่นบูชา
“ซู่หัว…”
โหรวเยว่หมิงและจักรพรรดิเซียนองค์แรกก้าวไปทางซ้ายและขวาของแท่นบูชา โหรวเยว่หมิงปิดปากตนเองพร้อมกับมองร่างที่ลอยอยู่เหนือแท่นบูชา น้ำตาอาบนองใบหน้า จักรพรรดิเซียนองค์แรกก็มีน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอาจารย์อสูรทั้งสองตนกำลังร่ำไห้ เจียงหลานก็กล่าวกระซิบกับซูเซียงเสวี่ย
“ข้าไม่คิดมาก่อนว่าจะอาจารย์อสูรจะมีต่อมน้ำตา”
“เอาล่ะ! เปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณสมบูรณ์แล้ว”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับอาจารย์อสูรทั้งสอง
“หยุดร้องไห้เสีย เดี๋ยวเขาก็ฟื้นขึ้นมา”
“ข้าไม่ได้ร้อง”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกเช็ดน้ำตาพร้อมกล่าวโต้ตอบรวดเร็ว ขณะที่โหรวเยว่หมิงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“นี่เรียกว่าการเกิดใหม่งั้นหรือ? แล้วข้าต้องทำอย่างไรต่อ? ต้องใช้ร่างกายของซู่หัวหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก แต่ต้องเก็บศพนั่นไว้ก่อน”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองนาง จักรพรรดิเซียนซู่หัวสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง เวลานี้โหรวเยว่หมิงจึงไม่คิดหวงแหนร่างกายของเขาอีกต่อไป
“การกลับชาติมาเกิดสามารถทำได้หลังจากกลับสู่อีกฝั่งของกำแพงตระหนักรู้เท่านั้น ที่นี่… ยังไม่มีสังสารวัฏเชื่อมต่อเอาไว้”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานยังกล่าวเตือนอีกว่า ในขณะที่อาจารย์อสูรภายในแดนเซียนกำลังก้าวหน้า สังสารวัฏแห่งชีวิตและความตายภายในยมโลกก็ต้องพัฒนาตามให้ทันเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตภายในโลกวัตถุเหล่านี้ถูกเหล่าอสูรเข่นฆ่า มีเพียงสองทางสำหรับวิญญาณที่ตายตก คือตกสู่ส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึกและกลายเป็นอาหารของอสูร หรือจะต้องหลบอยู่ชั่วนิรันดร์ภายในมุมมืดของโลกวัตถุ ก่อนที่จะถูกกาลเวลาลบเลือนหายไป…
การเชื่อมต่อกับสังสารวัฏจะสามารถบรรเทาทุกข์ยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้
“ยังไม่สายเกินไป พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนเถิด”
“ไป๋ชิวหรานหันไปหาโหรวเยว่หมิง”
“แม่นางโหรวก็จะไปกับพวกเราใช่หรือไม่?”
“อืม!”
วิญญาณของจักรพรรดิเซียนซู่หัวกลับมาหลอมรวมอีกครั้ง โหรวเยว่หมิงยินดียิ่งแล้ว นางพยักหน้าพร้อมกล่าวตามตรง
“ข้าจะช่วยพวกท่านเก็บพระราชวังนี้”
“เราต้องรีบหน่อย”
ไป๋ชิวหรานนำแท่นบูชาและวิญญาณของจักรพรรดิเซียนซู่หัวออกไป และยืนอยู่ข้างเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ย ก่อนจะรีบติดตามโหรวเยว่หมิงไปที่ประตูของพระราชวัง
บางทีเมื่อพิจารณาดูให้ดีว่าภรรยาของเขาเป็นอาจารย์อสูร ซึ่งไม่สามารถฝึกฝนพลังปราณแก่นแท้ได้ เมื่อครั้งออกแบบพระราชวังเซียนแห่งนี้ จักรพรรดิเซียนซู่หัวได้สร้างค่ายอาคมที่เรียบง่าย มันไม่ต้องใช้เงินตรา และยังสามารถเปลี่ยนพระราชวังให้กลายเป็นแบบจำลองขนาดเล็กได้
โหรวเยว่หมิงกดลงเบา ๆ บนผนึกของตราตระกูลซู่ตรงหินทางเข้า และพระราชวังทั้งหมดจึงกลายเป็นแบบจำลองขนาดเล็กที่งดงาม อยู่บนฝ่ามือของโหรวเยว่หมิงอย่างมั่นคง
ดูเหมือนว่านางจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ที่มีพลังปราณแก่นแท้ขั้นสร้างรากฐานเสมือน
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว… ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่โหรวเยว่หมิงกำลังจัดการกับพระราชวังเซียน ซึ่งเป็นเพราะการหดตัวลงของพระราชวัง สิ่งที่หลบซ่อนอยู่บริเวณใกล้เคียงจึงถูกเปิดเผยออกมา
มันคือก้อนกลม ๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ มีหนวดหนาทึบ และมีรูม่านตาอยู่รอบ ๆ
โหรวเยว่หมิงมองดูสิ่งนั้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะอุทานด้วยความตื่นตระหนก
“นั่น… ร่างจำแลงของหกอสูรแห่งความปรารถนา!”
นางสะบัดฝ่ามือก่อนจะปรากฏลำแสงสีดำฟุ้งกระจาย ม่านตานั้นหายไปแล้ว แต่มันก็สายเกินไป…
“พวกมันหลบอยู่ด้านหลัง! บัดซบ!”
ความผันผวนของเขตแดนจิตสำนึกที่น่าสะพรึงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และเหนือมิติเงาแห่งนี้ เกิดรอยแตกถูกฉีกออกด้วยหนวดขนาดใหญ่ ความสยดสยองปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่
ฝั่งตรงข้ามของรอยแตกคือก้อนกลมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยอวัยวะต่าง ๆ ทั้งแขน ขา ดวงตา ปากอ้ากว้าง โพรงจมูก หู มือ เท้า และยังมีอวัยวะภายในมากมาย
อวัยวะทั้งหมดบนก้อนกลมนั้นกำลังโคจรไปโดยรอบ ทั้งหมดจับจ้องไปที่ไป๋ชิวหราน และคนอื่น ๆ ภายในมิติเงาแห่งนี้
รอบกายของมันมีอสูรรูปร่างแหลกประหลาดนับไม่ถ้วน เป็นกองกำลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
“โอ้… ข้าคิดไว้ไม่มีผิดจริง ๆ”
ขณะนั้นเอง จิตสำนึกอสูรเข้าปกคลุมไปทั่วมิติเงาแห่งนี้อย่างรุนแรง
“อุกกาบาตที่มาจากเขตแดนนั้นเป็นแค่สิ่งมีชีวิตต่ำต้อย พวกที่ลอบเข้าสู่โลกวัตถุ วันนี้ข้าจะจับพวกเจ้าทั้งหมด!”