ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 449 หกตายหนึ่ง แล้วจะเรียกว่าอะไรต่อ
บทที่ 449 หกตายหนึ่ง แล้วจะเรียกว่าอะไรต่อ?
บทที่ 449 หกตายหนึ่ง แล้วจะเรียกว่าอะไรต่อ?
“มันคือหนึ่งในอาจารย์อสูรของหกอสูรแห่งความปรารถนา ผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้!”
ทันทีที่เห็นก้อนกลมขนาดใหญ่ โหรวเยว่หมิงก็จดจำตัวตนมันได้อย่างรวดเร็ว
“พวกท่านถูกติดตามมา! ผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ตนนี้มีพลังแห่งการทำนาย และยังมีสายตาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหกอสูรแห่งความปรารถนา มันคงจะพบร่องรอยของพวกท่านในเขตแดนจิตสำนึก!”
“เจ้ารู้จักมัน?”
ไป๋ชิวหรานมองนาง
“ตอนซู่หัวออกจากที่นี่ เขาถูกมันค้นพบ!”
แววตาโหรวเยว่หมิงสะท้อนความเกลียดชัง นางสบฟันแน่น
“กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าก็อยากจะขอบคุณสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยสองสามตัวที่นี่ด้วยเช่นกัน”
ลูกทรงกลมขนาดใหญ่เหยียดหนวดยืดยาว ขยายรอยแตกระหว่างมิติ ปากกว้างใหญ่ของมันมีฟันแหลมคม ทั้งยังเต็มไปด้วยเมือกเหลวน่าขยะแขยง บรรยากาศทั้งหมดถูกพลังจิตสำนึกของมันกดทับไว้ชวนอึดอัดยิ่ง
“หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าออกสำรวจหนทาง ข้าก็คงไม่อาจจะผ่านพ้นปราการป้องกันยากลำบากเหล่านั้นมาได้”
เมื่อเห็นว่าร่างจำแลงอาจารย์อสูรอ่อนแอลงหลังจากเข้าสู่มิติเงาแห่งนี้แล้ว มันจึงไม่สามารถไล่ตามความเร็วของไป๋ชิวหรานได้ มันจึงอาศัยความสามารถในการทำนายของตนเพื่อติดตามรอยเท้าของไป๋ชิวหราน
ดังนั้นจึงไม่เห็นว่าไป๋ชิวหรานทำลายค่ายอาคมสังหารของจักรพรรดิเซียนซู่หัวอย่างไร จากความเข้าใจของมันเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอยู่ตรงข้ามกำแพงแห่งความตระหนักรู้นั้นน่าจะมีความสามารถทำลายค่ายอาคมต่าง ๆ ได้ เช่นนั้นพวกเขาจึงสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างรวดเร็ว
ด้านนอกรอยแยกมิติ มีหนวดมากมายกำลังทะลักเข้ามา ในที่สุดก็เปิดรอยแตกได้มากพอที่จะยัดร่างกายใหญ่โตของมันเข้ามาด้านใน จนเผยให้เห็นร่างกายที่แท้จริงทั้งหมด
ในแง่ของรูปลักษณ์ ผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ตนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากร่างแท้จริงของมัน อย่างไรก็ตาม จำนวนของหนวดมากมายที่ห้อยอยู่ใต้ลูกกลม ๆ นั้นมีขนาดใหญ่และหนามาก ทั้งอวัยวะแขนขาก็เติบโตอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรแล้ว… ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้ มันใหญ่กว่าภูเขา พื้นดิน หรือแม้แต่จักรวาลก็ยังไม่อาจบรรยายถึงร่างกายนี้
ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าขนาดของมันเล็กกว่าจักรวาลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมันก็ใหญ่กว่าเทพเจ้าที่กำเนิดในยุคทวยเทพอีกด้วย
ความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่ต้องกล่าวถึง… ผู้ที่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้มีแต่จักรพรรดิเซียนระดับเหนือเซียนภายในโลกเซียนเท่านั้น!
“ไอ้กบฏ! ไม่อาจให้พวกเจ้าแหวกว่ายอยู่ในทะเลจิตสำนึกอีกต่อไปได้แล้ว ข้าไม่ยินยอม! พวกเจ้าที่เป็นกบฏต้องถูกจัดการให้หมดสิ้น”
เมื่อเห็นรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏ ร่างของผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ก็เผยออกมาให้เห็น ดวงตาใหญ่แดงก่ำกำลังจับจ้องมาอย่างเกรี้ยวกราด
“อย่างไรก็ตาม ถึงเจ้าจะอ่อนแอกว่าพวกเรา แต่ก็อ่อนแอกว่าเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งพวกเจ้ายังรู้จักสิ่งนั้น…”
ความริษยานั้นอยู่ในน้ำเสียงของอาจารย์อสูรร่างใหญ่ตรงหน้า
“ไม่เป็นไร… หากวันนี้ข้าได้กลืนกินพวกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นตราตระกูล หรือมรดกโบราณเหล่านั้น มันก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาทั้งสิ้น”
“เพ้อฝัน!”
โหรวเยว่หมิงกล่าวเย้ยหยัน
“แม้ข้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเจ้า แต่การจะเอาชนะข้ามันไม่ง่ายดายนัก ไม่กลัวว่าหลังกลืนกินข้าเสร็จแล้ว อาจารย์อสูรตนอื่น ๆ จะอยากกลืนกินเจ้าหรือไร?”
“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ได้ฟังเช่นนั้น มันก็หัวเราะลั่นราวกับเปิดเผยความภาคภูมิ
“เจ้ารู้หรือไม่ จักรพรรดิเซียนซู่หัวใช้เหตุผลนี้เพื่อข่มขู่ข้านับครั้งไม่ถ้วน! ข้าไม่ได้คิดสิ่งใดหรือเตรียมการล่วงหน้า ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกมันเหล่านั้นไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดภายในมิติเงานี้ หลังจากที่ข้ากลืนกินเจ้าและกลับออกไป จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันเหล่านั้น!”
“เหตุใดถึงเย่อหยิ่งได้เช่นนี้?”
จักรพรรดิเซียนองค์แรกจ้องมองก่อนจะกล่าวต่อ
“ข้าจำเจ้าได้ เจ้าเป็นคนที่ข้าไล่ล่าและถูกโค่นล้มในสงครามใช่หรือไม่?”
พลังจิตสำนึกของอาจารย์อสูรสั่นไหวไปชั่วขณะ มันเปิดจิตสำนึกออกมาตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างใคร่รู้ ก่อนจะสำรวจร่างที่อ่อนแอของจักรพรรดิเซียนองค์แรกซึ่งไม่เคยพบมาก่อน หลังจากไตร่ตรองเนิ่นนาน ในที่สุดอาจารย์อสูรหนึ่งในหกอสูรแห่งความปรารถนาก็ตระหนักได้ถึงความคลับคล้ายคลับคลา
“เป็นเจ้า…”
หลังจากเขาทราบว่าไป๋ลี่คือร่างกายที่แท้จริงซึ่งอยู่เบื้องหลังอาจารย์อสูรจักรพรรดิเซียนองค์แรก แต่ใบหน้าของมันยังคงสงบ
“แท้จริงแล้ว เมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน ข้าไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้! ในเวลานั้นอาจารย์อสูรทั้งเจ็ดยังอยู่ แต่ข้าบรรลุความปรารถนาแล้ว ในช่วงเจ็ดหมื่นปีที่ผ่านมา ข้ากลืนกินแนวคิดมากมายของสิ่งมีชีวิตคล้ายกัน แต่เจ้าอยู่บนกำแพงแห่งความตระหนักรู้กว่าเจ็ดหมื่นปี ข้าแข็งแกร่งขึ้น! แต่เจ้ากลับย่ำอยู่กับที่ คิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้อีกครั้งงั้นหรือ?”
หลังจากกล่าวจบ… มันก็ปิดรอยแตกของมิติเงาด้านหลังไว้
“พวกเจ้าไม่มีโอกาสหลบหนีอีกแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าเส้นทางหลบหนีถูกปิดกั้นแล้ว ทั้งไป๋ชิวหราน เจียงหลาน ซูเซียงเสวี่ย และจักรพรรดิเซียนองค์แรกยังคงไร้ซึ่งความกังวลใด
“พวกเจ้า… ไม่หวาดกลัวหรือไร?”
โหรวเยว่หมิงเปิดใช้งานความสามารถของตนเอง ลำแสงแห่งความมืดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ มันคือยันต์ที่ถูกพัฒนาโดยจักรพรรดิเซียนซู่หัว
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ อสูรตนหนึ่งจึงกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้กล่าวถูกต้องแล้ว หลังจากกลืนกินหนึ่งในเจ็ดอาจารย์อสูรและกลายเป็นอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหก มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกท่านได้! แม้แต่จักรพรรดิเซียนซู่หัวก็ยังยากที่จะเอาชนะหนึ่งในนั้นเพียงลำพัง!”
ไป๋ชิวหรานจับจ้องมัน พร้อมกล่าวกับผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้… จริงหรือไม่ว่านับตั้งแต่ที่ท่านแยกร่างกายและเข้าสู่มิติเงานี้ พวกเราทราบแล้ว แต่เราปล่อยให้มันติดตามจนสุดทาง แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าท่านติดตามสิ่งใดมา?”
“เจ้าพูดเรื่องใด…”
ผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ถึงกับสั่นสะท้าน
“ภายในโลกวัตถุก่อนหน้านี้ เหล่าอาจารย์อสูรระดับสูงต้องการกวาดล้างพฤกษายักษ์ พวกมันทั้งหมดคือสมุนของท่านใช่หรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานยิ้มและกล่าวต่อ
“และท่านมีความสามารถในการทำนาย ในบรรดาอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหก ท่านน่าจะเป็นคนเดียวที่สนใจอุกกาบาตน้อย ๆ ที่มาจากชายแดน”
“คิดส่งอสูรตนอื่น ๆ มาโจมตีพวกเรา ท่านคิดว่าพวกเราโง่เขลาถึงขนาดที่จะไม่ระมัดระวังเลยหรือ?”
ซูเซียงเสวี่ยกล่าวเสริมหลังจากไป๋ชิวหรานกล่าวจบ
“หลังจากร่างของท่านเข้าสู่มิติเงานี้ สัมผัสเทวะของชิวหรานก็ค้นพบมันทันที จากนั้นจึงบอกกล่าวกับพวกเราผ่านจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเราต้องการให้ท่านเข้ามา จึงไม่ได้คิดทำลายแต่แรก”
“หากทราบแล้ว… เหตุใดถึงยังให้ข้าเข้ามา?”
เจียงหลานยิ้มให้กับผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้
“นี่ไม่ใช่การปิดประตูตีแมว แต่พวกเราต้องการจะยัดท่านเข้าไปในโลงศพ!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ ขณะนั้นเขาก็ปลดปล่อยพลังปราณออกไป
พลังปราณของเขาทรงพลังยิ่งกว่าผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ มันข่มเหงโลกทั้งใบในพริบตา บรรยากาศโดยรอบถูกกดทับเอาไว้โดยสมบูรณ์ แม้แต่หายใจยังยากลำบาก!
“ถูกต้องแล้ว! เพราะพวกเรากำลังพยายามหาวิธีที่จะสังหารหนึ่งในพวกท่านไงล่ะ!”
บุรุษผมขาวในชุดคลุมสีขาวจ้องมองผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารคลุ้มคลั่ง
“บอกทีเถิด หลังจากที่หนึ่งในอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหกตายตกไป หลังจากนั้นจะตั้งชื่อกลุ่มตนเองว่าอะไรอีกล่ะ?”