ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 456 ช่วยพ่อหน่อยได้ไหม
บทที่ 456 ช่วยพ่อหน่อยได้ไหม?
บทที่ 456 ช่วยพ่อหน่อยได้ไหม?
ภายในพระราชวัง เทพีอีกาสามขาตระเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับครอบครัวของไป๋ชิวหราน
“สิ่งที่พวกเราต้องรับผิดชอบได้สิ้นสุดลงแล้ว เช่นนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อดูว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องของซวี่เซียงต่อไป”
ไป๋ชิวหรานนั่งไขว่ห้างร่วมพูดคุยกับเทพีซีเหอ เขาเอื้อมมือไปลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่
“ฮึ่ม! ข้าเกลียดท่าน!”
ไป๋ซวี่เซียงที่กำลังถูกป้อนอาหารจากเจียงหลาน เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานเอื้อมมือมา นางก็สะบัดศีรษะหนีพร้อมตบฝ่ามือของบิดาออกไปทันที
สตรีน้อยผู้นี้ยังคงไม่พอใจไป๋ชิวหรานที่ส่งนางมารับความทุกข์ทรมานที่นี่
“ข้าละอายใจจริง ๆ นางยังซุกซนเหมือนเดิม!”
ซีเหอมองเด็กน้อยที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเจียงหลาน นางใช้มารดาของตนเป็นป้อมปราการโดยสมบูรณ์ ซึ่งเทพีซีเหอทำได้เพียงมองแล้วถอนใจ
“อย่างไรแล้วก็ยังดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า ก่อนจะกล่าวต่อ
“เทพีซีเหอมีระเบียบวินัยยอดเยี่ยมแล้ว เป็นมารดาที่ดีของนาง ส่วนข้าสิทำให้เด็กน้อยผู้นี้เสียนิสัยโดยสมบูรณ์”
อีกฝ่ายกล่าวตอบอย่างเก้อเขิน
“แต่ข้าอับอายไม่น้อย ทันทีที่พวกเจ้ามาถึง เจ้าคงจะเห็นว่าข้าเริ่มตีนาง… แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรตำหนิข้าใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่แล้ว”
ไป๋ชิวหรานหัวเราะและกล่าวต่อ
“เด็กน้อยผู้นี้คือหัวใจของครอบครัวเรา เมื่อนางซุกซนย่อมไม่มีผู้ใดคิดลงโทษนาง นางจึงเริ่มเสียนิสัย โชคดีที่เทพีซีเหอยินดีช่วยเหลือพวกเราในคราวนี้”
“อื้ม!”
ไป๋ซวี่เซียงมองบิดาของนางด้วยแววตาฉุนเฉียว หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ปากเล็ก ๆ ของนางก็อ้ากว้างทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ข้างใน และดูเหมือนว่ากำลังจะเริ่มโจมตี
แต่เทพีซีเหอที่มีประสบการณ์มองเห็นสิ่งที่เด็กน้อยคิดจะทำอย่างรวดเร็ว จึงตบโต๊ะพร้อมตะโกนออกมา
“ซวี่เซียง! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พ่นน้ำลายใส่บิดาพร้อมกับอาหารในปากเช่นนั้น!”
ไป๋ซวี่เซียงตื่นตระหนกพร้อมกลืนอาหารลงคอไปอย่างขุ่นเคือง
“เจ้าตัวน้อยนี่มันจริง ๆ เลยเชียว”
ซูเซียงเสวี่ยนั่งอยู่ข้าง ๆ เจียงหลานรู้สึกอับจนหนทาง จึงทำได้เพียงบีบจมูกน้อย ๆ ของเด็กหญิงพร้อมกล่าวคำออกมา
“แต่มาครั้งนี้ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากบุตรสาว…”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองไป๋ซวี่เซียง เด็กน้อยยังคงหลบหน้าไม่คิดมองตาเขาเช่นเคย
ชายหนุ่มเกาศีรษะก่อนจะถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่าก่อนจะขอให้ไป๋ซวี่เซียงช่วยเหลือ คงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อทำให้นางอารมณ์ดีเสียก่อน
…
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน การรวมตัวระหว่างเหล่าเซียนและผู้ฝึกตนเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาทะยานขึ้นสู่แดนเซียน
ในการรวมตัวคราวนี้ มีเหล่าขั้นเหนือเซียนภายในสวรรค์ชั้นสิบแปด และสวรรค์ชั้นหกมาร่วม พวกเขาทำข้อตกลงต่าง ๆ ในการชุมนุมคราวนี้ แม้แต่จักรพรรดิเซียนยังส่งทูตออกมาขายสมบัติและแบบทดสอบมากมายเพื่อสนับสนุนให้กับเหล่าเซียนและผู้ฝึกตนทั้งหมดนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากวัตถุเวทย์ แบบทดสอบ และยาอายุวัฒนะที่หาพบได้ยาก ยังมีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เหล่าเด็กน้อยชื่นชอบ เช่น ของรสเลิศจากสรวงสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ที่เติบโตภายในหุบเขาลึก และยังมีขุมทรัพย์วิญญาณ สัตว์วิญญาณที่น่ารัก ซื่อสัตย์ และเป็นมิตร ซึ่งเหมาะสมที่จะเป็นสัตว์เลี้ยง เหล่าเซียนบางคนเดินทางกลับจากการไปต่างโลก พวกเขาจึงได้ลิ้มรสสิ่งเหล่านี้ด้วย ภายในแดนเซียนแห่งนี้ อาหารนับว่ารสเลิศ แปลกใหม่ และสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกขนออกมาขายล้วนดึงดูดสายตา
ไป๋ชิวหรานพาไป๋ซวี่เซียงมาที่นี่ด้วยเช่นกัน ปกติแล้วเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อตำราคาถา สมบัติในสวรรค์และใต้หล้า ยาอายุวัฒนะ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ หรืออาวุธวิเศษใด ทั้งหมดนี้เขาสามารถอ่านมันได้ทั้งหมดภายในหอยมโลก… และมันไม่จำเป็นสำหรับเขา
แน่นอนว่าการพาบุตรสาวมาที่นี่ก็เพื่อทำให้นางมีความสุข
อย่างไรแล้ว เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก โดยเฉพาะเด็กน้อยที่พัฒนาการด้านจิตใจไม่สมบูรณ์นัก เมื่ออยู่เคียงข้างบิดามารดา พวกเขาย่อมรู้สึกอุ่นใจ แต่หลังจากบิดามารดาส่งไปอยู่บ้านของปู่ย่าตายายช่วงหนึ่ง พวกเขาจะห่างเหินกับบิดามารดา แม้กระทั่งปฏิเสธการกอดจากบิดาอย่างร้ายแรงด้วย
แต่เด็ก ๆ สามารถเกลี้ยกล่อมได้โดยง่าย ไป๋ชิวหรานใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนภายในตำหนักกระจ่างข้ามเมฆาร่วมกับเจียงหลาน และคนอื่น ๆ ยังเล่นกับเด็กน้อยผู้นี้ทุกวันทุกคืน นอกจากนี้ยังซื้อของอร่อย พาไปรับชมสิ่งสนุกสนานมากมายเพื่อให้ไป๋ซวี่เซียงเต็มใจที่จะกล่าวเรียกเขาว่า “ท่านพ่อ” อีกครั้ง
หลังจากการชุมนุมสิ้นสุดลง ไป๋ชิวหรานจึงได้อุ้มบุตรสาวที่เขาหวงแหน และพานางออกไปเดินเล่น
ไป๋ซวี่เซียงกำลังกินขนมที่ซื้อมาจากในงาน ดูเหมือนมันจะถูกเรียกว่า ป๋อไจ๋กาว*[1] มันนุ่ม และมีรสผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมมากภายในหมู่เด็กผู้หญิง
“อร่อยหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานเงยหน้าขึ้น แต่มองไม่เห็นใบหน้าของบุตรสาว เพราะเวลานี้ไป๋ซวี่เซียงกำลังขี่คอเขาอยู่ แต่อย่างไรแล้ว ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ร่าเริงของเด็กหญิงตัวน้อย
“อื้ม!”
“หายโกรธบิดาหรือยัง?”
“ไม่!”
“แต่ว่าบิดามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยเหลือสักหน่อย อยากฟังหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อื้ม”
ไป๋ซวี่เซียงได้รับการดูแลอย่างดี และวันนี้นางมีความสุขมาก จึงตอบรับคำขอของไป๋ชิวหราน
“เด็กดีของข้า”
ไป๋ชิวหรานกล่าวชื่นชมนาง จากนั้นจึงกล่าวบางอย่างกับเจียงหลานและคนอื่น ๆ พร้อมออกเดินทางในทันที เขาพาไป๋ซวี่เซียงไปยังโลกที่ไป๋ลี่อาศัยอยู่ แล้วเข้าสู่เขตแดนจิตสำนึก
ความเร็วของชายหนุ่มมากยิ่งกว่าเรือเหาะ ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานนัก
หลังจากมาถึงที่นี่ ไป๋ซวี่ก็เซียงมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย และร่างอาจารย์อสูรตุ๊กตาชาววังที่กำลังหลับอยู่ภายในจิตสำนึกของนางก็ปรากฏออกมา มันเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วพื้นที่อย่างสบายใจ
ไป๋ชิวหรานอุ้มบุตรสาวเพื่อป้องกันไม่ให้นางวิ่งออกไปรอบ ๆ ก่อนจะถามว่า
“ซวี่เซียง ช่วยเชื่อมความคิดของพ่อกับพื้นที่ตรงนี้ได้หรือไม่?”
“ที่นี่งั้นหรือ?”
ไป๋ซวี่เซียงกัดนิ้วเบา ๆ ด้วยความไม่มั่นใจ
นางคือเด็กน้อยที่เกิดมาพร้อมกับอาจารย์อสูร มันง่ายมากสำหรับนางที่จะเข้าใจแนวคิดและเชื่อมโยงทุกสิ่ง ไป๋ชิวหรานเริ่มสอนนางเมื่อนางอายุสามขวบ และเด็กน้อยผู้นี้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ของอาจารย์อสูรได้หมดสิ้นภายในเวลาไม่กี่ปี
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะสามารถเชื่อมโยงความคิดทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แต่เห็นได้ชัดว่าไป๋ซวี่เซียงไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับเขตแดนจิตสำนึกตรงหน้า
ไป๋ชิวหรานไม่ได้คาดหวังว่านางจะเข้าใจทุกสิ่งในทันที จึงกล่าวกับนางว่า
“ถูกต้องแล้ว มันไม่เป็นไรหรอก ลองทำดูก่อน”
เด็กหญิงตัวน้อยกัดนิ้วชี้พร้อมกล่าวอย่างลังเล
“เช่นนั้นข้าขอลองดูก่อน”
นางปรบมือเปาะแปะ ก่อนมือเล็กนุ่มนิ่มจะยื่นออกไปทางไป๋ชิวหราน และกดลงบนหน้าผากของเขา จากนั้นร่างน้อยจึงนั่งลงและประทับฝ่ามืออีกข้างหนึ่งลงบนพื้นของเขตแดนจิตสำนึกนี้
ความสามารถของไป๋ซวี่เซียงถูกเปิดใช้งาน และไป๋ชิวหรานรู้สึกถึงความคิดของบิดา ก่อนพยายามจะยึดความคิดของเขาเข้ากับสิ่งอื่น แต่พลังนี้อ่อนแอสักหน่อยจึงไม่สามารถดึงความคิดของไป๋ชิวหรานได้ และความคิดของเขามีขนาดใหญ่ อีกทั้งส่วนหนึ่งยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณและร่างกายนี้
ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงเริ่มปราบปรามมันไว้ และร่วมมือกับไป๋ซวี่เซียงให้สามารถดึงความคิดของเขาออกไปได้ ในที่สุดก็สามารถเชื่อมโยงจิตใจของเขาเข้ากับอีกพื้นที่หนึ่งได้สำเร็จ
ในชั่วพริบตา ไป๋ชิวหรานก็รู้สึกได้ถึงการเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง ชายหนุ่มรู้สึกราวร่างกายนี้กว้างใหญ่ไพศาล จิตสำนึกกว้างไกลสุดกู่ มันแผ่ขยายออกไปหลายโลก
ยิ่งกว่านั้น ภายในร่างกายของเขามีบางสิ่งเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าตัวก็ตระหนักถึงมันได้เป็นอย่างดี
เวลานี้มันถูกเชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งที่นี่ และมีอีกหนึ่งดวงจิตที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม…
[1] ขนมบาตรพระ ได้ชื่อมาจากรูปร่าง เป็นขนมพื้นเมืองของชาวกวางตุ้ง รูปร่างคล้ายบาตรพระ ขนมบาตรพระเป็นขนมเก่าแก่มีอายุนับร้อยปี ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดที่อำเภอไถซาน ในบันทึกประจำอำเภอ สมัยฮ่องเต้เสียนเฟิงแห่งราชวงศ์ชิงมีบันทึกว่ามีคนทำขนมชนิดนี้