ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 457 ร่างอาจารย์อสูรวิถีสวรรค์
บทที่ 457 ร่างอาจารย์อสูรวิถีสวรรค์
บทที่ 457 ร่างอาจารย์อสูรวิถีสวรรค์
ไป๋ชิวหรานสัมผัสได้ถึงพลังจิตที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่ได้สัมผัสมันโดยตรง ทว่าค่อย ๆ สงบจิตใจลง
เมื่อคิดย้อนกลับไปที่จิตวิญญาณ เขากลับมาควบคุมร่างกายของตนเองได้อีกครั้ง ดวงตาของไป๋ชิวหรานเบิกกว้าง ภาพที่เห็นคือไป๋ซวี่เซียงนั่งอยู่ตรงหน้าและหน้าแดงก่ำพร้อมหอบหายใจระรัว
การเชื่อมโยงความคิดของเขากับเขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้ มันคงจะหนักเกินไปสำหรับไป๋ซวี่เซียง
“ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ไป๋ชิวหรานเช็ดหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ออกจากใบหน้าของบุตรสาวอย่างทุกข์ใจ ก่อนจะลูบศีรษะนางเบา ๆ
“เมื่อกลับไป พ่อจะซื้อของอร่อยให้กินอีก”
“อื้ม!”
ดวงหน้าอ่อนล้ายิ้มแป้น
จันทราลอยเด่นบนนภา ไป๋ชิวหรานพาไป๋ซวี่เซียงกลับสู่ลานสวรรค์กระจ่างข้ามเมฆา เพื่อที่จะไปพักผ่อนภายในตำหนักของสำนักกระบี่ชิงหมิง
ซูเซียงเสวี่ยยืนอยู่หน้าตำหนักเพื่อเฝ้ารอ เมื่อเห็นว่าบิดานำบุตรสาวกลับมาแล้ว นางก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก
“ท่านพาซวี่เซียงไปที่ใด? เหตุใดจึงกลับมาช้านัก”
“ไปทำเรื่องที่ต้องทำ”
ไป๋ซวี่เซียงหลับอยู่ในอ้อมแขนของไป๋ชิวหราน เมื่อเห็นฉากนี้ เขาทำได้เพียงลูบศีรษะของนางเบา ๆ อย่างรักใคร่
“ซวี่เซียงสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้”
“ข้าไม่สนแล้วว่าท่านจะพาบุตรสาวไปทำเรื่องยิ่งใหญ่เพียงใด…”
ซูเซียงเสวี่ยถอนหายใจก่อนจะอุ้มเอาไป๋ซวี่เซียงออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วลูบหลังเด็กน้อยเบา ๆ
“เด็กน้อยควรจะเข้านอนเมื่อถึงเวลา!”
“โอ้! ใช่ ๆ”
ไป๋ชิวหรานยอมรับคำติอย่างไม่ขัดขืน
“ไปกันเถอะซวี่เซียง…”
ซูเซียงเสวี่ยเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขน
“เดี๋ยวแม่เซียงเสวี่ยจะพาไปอาบน้ำ”
…
ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า ขอบเขตจิตสำนึกที่เชื่อมต่อกับอาณาเขตของจิตสำนึก ปรากฏหนวดของวิถีสวรรค์ที่เหยียดยืดออกมาอย่างเงียบ ๆ และพยายามเชื่อมต่อกับเขตแดนของจิตสำนึก
นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ไป๋ชิวหรานค้นพบว่าวิถีสวรรค์ยอมรับจักรพรรดิเซียนตะวันออก และยังอยู่เบื้องหลังอำนาจนั้น เหล่าเซียนของแดนเซียนที่มีผู้นำคือเล่อเจิ้นเทียน จึงไม่ค่อยเอนเอียงไปหาเจตจำนงแห่งวิถีสวรรค์นัก
ไป๋ชิวหรานก็ไม่ได้ชื่นชอบมัน ดังนั้นเขาจึงคิดสร้างเครื่องมือวิเศษสำหรับแดนเซียนกลางที่สามารถตัดหนวดของวิถีสวรรค์ ก่อนหน้านี้วิถีสวรรค์ต้องการแทรกแซงเข้าสู่เขตแดนจิตสำนึก แต่ไม่นานนักหนวดก็ถูกตัดขาด… แต่มันก็ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง …และถูกตัดขาดซ้ำอีก
แม้แต่วิถีสวรรค์ที่ไม่มีความรู้สึกยังโกรธจัดเมื่อถูกกระทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้าสู่แดนเซียน มิฉะนั้นไป๋ชิวหรานคงจะสำแดงฤทธิ์แน่นอน… มันจึงทำได้เพียงขุ่นเคืองอยู่ในใจอย่างอับจนหนทาง
คราวนี้ในขณะที่ยมโลกส่งผู้คนไปยังเขตแดนจิตสำนึกเพื่อเชื่อมโยงโลกใบใหม่เข้ากับแดนเซียนเพื่อสร้างสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดในอีกฝั่งหนึ่งของกำแพงจิตสำนึก วิถีสวรรค์จึงลักลอบเข้ามาอีกครั้งโดยใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ของมันเองเพื่อเชื่อมต่อกับเขตแดนจิตสำนึก คิดเข้าแทรกแซงดินแดนบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้พัฒนาแห่งนี้
วิถีสวรรค์ประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อกับส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึกของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน และเริ่มใช้วิธีแยกจิตเช่นเดียวกับที่ไป๋ชิวหรานใช้
บางทีเรื่องภายในยมโลกก็สำคัญยิ่งกว่า คราวนี้แดนเซียนจึงคลายการป้องกันของเขตแดนจิตสำนึกที่นี่ และวิถีสวรรค์จึงสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้สำเร็จ
ต้องขอบคุณความพยายามของมันอย่างแท้จริง สตรีในร่างอสูรที่มันเคยใช้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไป๋ชิวหรานปรากฏขึ้น สตรีผมขาวรูปร่างเพรียวบางได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างช้า ๆ ภายในอาณาเขตของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
เจตจำนงของวิถีสวรรค์บุกเข้ามาภายใน มันลบความคิดของอาจารย์อสูรที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ จากนั้นจึงเข้ายึดร่างกายและเดินเข้าสู่ส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก!
มันมาถึงทางเข้าของป้อมปราการจิตสำนึก และรอโอกาสที่จะเข้าสู่ฝั่งตรงข้าม แต่ในเวลานี้… เหล่าเซียนที่ปกป้องป้อมปราการก็ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าและหยุดมันเอาไว้
“หืม?”
เหล่าเซียนมองขึ้นลง อาจารย์อสูรที่เป็นอวตารของวิถีสวรรค์ไม่สวมใส่เสื้อผ้า สีหน้าของเขาสงบนิ่ง จึงได้กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงอยู่ในร่างของอาจารย์อสูรได้? แล้วเหตุใดจึงมาวิ่งเปลือยกายที่นี่? บอกกล่าวกับพวกเราเกี่ยวกับร่างกายนี้ และไปลงทะเบียนเพื่อชำระค่าปรับเสีย มิฉะนั้นหากเราพบเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะสูญเสียคุณสมบัติในการครอบครองอาจารย์อสูร!”
ร่างอาจารย์อสูรของวิถีสวรรค์หยุดชะงัก มันคิดครู่หนึ่งก่อนจะปรากฏชุดสีขาวเรียบ ๆ ขึ้นบนร่างกาย จากนั้นมันเดินเท้าไปยังฝั่งตรงข้ามของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
“หยุด!”
เหล่าเซียนกลุ่มนี้ไม่คิดปล่อยให้นางเดินผ่านไปโดยง่าย
“ยืนยันตัวตนเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นพวกเราจำเป็นต้องขับไล่เจ้า”
วิถีสวรรค์ถึงกับหยุดชั่วขณะ จากนั้นพลังงานไร้ลักษณ์ก็แผ่ออกจากร่างกายของนาง
ร่างอาจารย์อสูรของเหล่าเซียนที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับดวงตาพร่ามัวในทันที
และเวลานี้เองที่อาจารย์อสูรวิถีสวรรค์เดินผ่านพวกเขา และตรงเข้าสู่ฝั่งตรงข้ามของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
จิตสำนึกเลือนรางของเหล่าเซียนทั้งหมดค่อย ๆ ฟื้นกลับคืน และเหล่าเซียนที่เพิ่งสอบปากคำอาจารย์อสูรวิถีสวรรค์ก็เกาศีรษะด้วยความมึนงง ก่อนจะหันมองหน้ากันอย่างสับสน
“แปลกจริง? เหตุใดเราไม่ยืนอยู่ที่ป้อมปราการ แต่กลับเป็นที่นี่?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบ…”
เหล่าเซียนทั้งหมดถึงกับงุนงง แต่ไม่มีผู้ใดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้!
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… ความชั่วร้ายภายในโลกแห่งวิญญาณแทรกซึมเข้ามา แล้วพวกเราประมาทเกินไปหรือไม่?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน พวกเขาก็ไม่อาจค้นพบสิ่งใดได้ จึงกล่าวต่อว่า
“อาจเป็นเพราะหน้าที่ที่มันกดดันเกินไปจนพวกเราประสาทกิน หลังจากเลิกงานวันนี้ควรจะไปพักผ่อนกันสักหน่อย”
“โอ้! นั่นยอดเยี่ยมแล้ว”
เหล่าเซียนกลับไปยืนประจำตำแหน่ง แต่เห็นว่าผู้นำของพวกเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ท่านผู้นำ!?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีนักของผู้นำ เหล่าเซียนจึงกล่าวถามอย่างระมัดระวัง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“เกิดอะไรขึ้นรึ?”
ผู้นำกล่าวเย้ยหยัน
“เหตุใดจึงเพิ่งกลับมา!?”
“พวกเราเพิ่งออกไปเมื่อไม่นานมานี้”
เหล่าเซียนตอบกลับด้วยความสับสน
“ก่อนหน้านี้เราจมดิ่งในภวังค์ไปครู่หนึ่ง”
“ครู่หนึ่ง… พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่ามันนานเพียงใด?”
ผู้นำกล่าวคำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้ารอพวกเจ้าอยู่ตรงนี้มาสองวันแล้ว! และไม่เห็นใครโผล่หัวกลับมาเลย!”
“อะไรนะ? สองวัน?”
เหล่าเซียนอุทานพร้อมกัน
“บัดซบ พวกเราถูกพลังเวทย์โจมตี!”
เขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้สำคัญมาก และไม่สามารถมีสิ่งใดเล็ดลอดสายตาไปได้ เช่นนั้นเรื่องราวนี้จึงถูกรายงานตรงสู่เล่อเจิ้นเทียนทันที หลังจากจักรพรรดิเล่อเจิ้นเทียนได้รับข่าวสาร จึงเริ่มเขียนจดหมายและส่งมันออกไปให้กับไป๋ชิวหรานที่อาศัยอยู่ในแดนเซียนอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว?”
ภายในสวรรค์กระจ่างข้ามเมฆา ไป๋ชิวหรานอ่านจดหมายพร้อมกับเผามันในความเงียบงัน จากนั้นจึงกล่าวกับผู้ส่งสารว่า
“โปรดบอกจักรพรรดิเล่อเจิ้นเทียนว่าข้าจะรีบไปที่ป้อมปราการในอีกไม่กี่วัน ช่วงเวลานี้ให้ปิดกั้นบริเวณโดยรอบของป้อมปราการ อย่าให้สิ่งต่าง ๆ เข้าสู่ด้านใน และห้ามให้คนของเราเข้าสู่อีกฝั่งของกำแพงแห่งความตระหนักรู้เด็ดขาด”
“ทราบแล้ว”
หลังจากบอกลาผู้ส่งสารแล้ว ไป๋ชิวหรานก็ตรงไปที่พระราชวังของเทพีอีกาสามขา เขาเรียกหาไป๋ซวี่เซียงที่อยู่ในความดูแลของเทพีซีเหอ ก่อนจะกล่าวกับนางสั้น ๆ
“ซวี่เซียง ช่วยพ่อของเจ้าอีกครั้งได้หรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานนั่งยอง ๆ ลูบศีรษะบุตรสาวอย่างรักใคร่
“หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว พ่อจะซื้อสัตว์วิญญาณที่เจ้าอยากได้มาให้!”