ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 465 เจ้าอยู่ในระยะการโจมตีของข้าแล้ว!
บทที่ 465 เจ้าอยู่ในระยะการโจมตีของข้าแล้ว!
บทที่ 465 เจ้าอยู่ในระยะการโจมตีของข้าแล้ว!
แม้ต้องเผชิญหน้ากับคลื่นเสียงน่าสะพรึงจากท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้ ถังรั่วเวยก็ไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด
ในสายตาของนาง คลื่นเสียงเหล่านั้นเป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงสุดจินตนาการและไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ทว่าในสายตาของร่างจำแลงอาจารย์อสูรที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด สิ่งที่เรียกว่าคลื่นเสียงนี้ช้าไม่ต่างกับเต่าคลาน
ด้วยร่างกายของมัน พระโพธิสัตว์เสริมอกมีความเร็วที่เหลือเชื่อเมื่อเทียบกับขนาด ทำให้หลบการโจมตีด้วยคลื่นเสียงได้ทันที จากนั้นจึงล่อหลอกอีกฝ่าย จนไม่นานก็มาอยู่เบื้องหน้าของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้
“อย่ามาดูถูกมนุษย์จะดีกว่า! เจ้าสัตว์ประหลาด! ร่างจำแลงอาจารย์อสูรของข้าเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด”
ถังรั่วเวยสั่งพระโพธิสัตว์เสริมอกให้ยกฝ่ามือขึ้นช้า ๆ
“ส่วนเจ้า! ในฐานะอาจารย์อสูรที่ไม่มีความสามารถ เจ้าตกอยู่ในระยะการโจมตีของข้าแล้ว!”
ด้วยคลื่นฝ่ามือ สิ่งที่ถังรั่วเวยใช้ก็เหมือนกับสิ่งที่ไป๋ชิวหรานใช้ตอนนางเพิ่งสร้างรากฐานขึ้นมา
นางใช้วิชาฝ่ามือทำให้สามารถก้าวข้ามผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายของขั้นสร้างรากฐาน ก่อนจะอัดพวกเขาลงไปหมอบกับพื้น!
ทั้งห้านิ้วคล้ายถูกเผาไหม้… และตอนนี้มันถูกใช้โดยพระโพธิสัตว์เสริมอกผู้มีพลังต่อสู้เหนือกว่าจักรพรรดิเซียน พลังยิ่งใหญ่จนเรียกได้ว่าเป็นการก่อโศกนาฏกรรม!
พระโพธิสัตว์เสริมอกสะบัดฝ่ามือ ก่อนฝ่ามือที่ดูธรรมดาจะฟาดเข้าใส่ร่างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกระดูกของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้!
ตู้มม!!
เกิดคลื่นกระแทกที่ทรงพลัง!!
ภายในที่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กระดูกบนร่างของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้เต็มไปด้วยรอยร้าวนับไม่ถ้วน
“ตายซะ!”
เวลาแทบจะหยุดนิ่งในมุมมองร่างจำแลงอาจารย์อสูรของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้ ระลอกคลื่นอากาศพัดผ่านมือนาง ทำให้มองเห็นคลื่นแสงสว่างในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ที่กำลังถูกยิงออกไป
เพียงชั่วอึดใจ มือของพระโพธิสัตว์เสริมอกก็วาดภาพมายานับไม่ถ้วนราวกับเจ้าแม่กวนอิมพันมือหรือนกยูงรำแพน นางใช้วิชาฝ่ามือทรงพลังที่ได้เรียนรู้มาจากสำนักกระบี่ชิงหมิง โลกเซียนจงหยาง และไป๋ชิวหราน ตามไปซ้ำ ซัด
พลังทั้งหมดกระหน่ำใส่ร่างของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้
คลื่นที่กระแทกออกไปนับไม่ถ้วนปะทะไปยังร่างของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้! ร่างของมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระดูกนับไม่ถ้วนกระเด็นกระดอนออกไปไกล
เปรี้ยง!!
ร่างของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้เปี่ยมด้วยพลังงานอันแก่กล้า กระแทกลงกับดินแดนของท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้
ปฐพีทรุดตัว พื้นดินแตกร้าวเป็นวงกว้างนับพันลี้ บนดินแดนนี้ มันตกลงไปที่ศูนย์กลางในชั่วพริบตา!
ท่ามกลางสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้ยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“ข้าต้องมีชีวิตรอด! ต้องมีชีวิตรอดให้ได้!”
มันใช้ความหมกมุ่นในการเอาตัวรอด หลังจากถูกกระแทกอย่างรุนแรง มันก็เค้นพละกำลังสุดท้ายที่เหลืออยู่ คลื่นเสียงเสียดแทงนับไม่ถ้วนปรากฏบนพื้นผิวของร่างกายอีกครั้ง ก่อนคลื่นเสียงนั้นจะถูกปล่อยออกมาทุกทิศทางอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
ไม่ว่าคลื่นเสียงจะไปที่ใด ก็เริ่มกลายเป็นผุยผงแม้กระทั่งในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ พระโพธิสัตว์เสริมอกล่าถอยออกไปเล็กน้อยก่อนการจู่โจมรอบด้านที่ไม่มีจุดสิ้นสุดนี้จะเข้าถึงตัว ด้วยเกรงว่าร่างกายจะแตกสลาย
“สำเร็จแล้ว!”
เมื่อเห็นเทพธิดาขนาดยักษ์กำลังล่าถอยไกลออกไป ในใจของท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้บังเกิดความยินดี!
รอยแยกขนาดใหญ่ถูกเปิดออกในทันที โดยไม่สนการต่อสู้ที่แสนอันตราย มันทะลวงผ่านความว่างเปล่าเข้าไปทันที
เมื่อเข้าสู่ความว่างเปล่า ท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้ทุ่มสุดกำลังเพื่อหลบหนีไปทางดินแดนของตัวเองด้วยความสิ้นหวัง หลังจากหลบหนีด้วยพละกำลังทั้งหมดอยู่นาน มันก็นึกขึ้นได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
“ทำไมฉากรอบข้าง ถึงไม่เปลี่ยนไปเลย?”
“แหงอยู่แล้ว! เพราะเจ้าอยู่บนฝ่ามือของข้ายังไงล่ะ!”
ที่สุดขอบสายตา เสาหยกขนาดใหญ่ห้าต้นผุดขึ้นอย่างเชื่องช้า ท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้กระจายสัมผัสการรับรู้ออกไป ก่อนจะรู้ตัว… กลับกลายเป็นว่ามันอยู่บนฝ่ามือของอาจารย์อสูร!
ฝ่ามือขนาดยักษ์ แถมมันยังอยู่ใจกลางของฝ่ามือเสียด้วย!?
นางกำฝ่ามือช้า ๆ แต่ท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้ก็รีบออกบินด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แต่มันถูกนิ้วทั้งห้าขวางทาง ก่อนโดนกดลงบนฝ่ามือ!
ฝ่ามือหดลง พลังมหาศาลบีบคั้นมาจากทุกทิศทาง ท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้คำรามออกมาจนคลื่นความตระหนักรู้ของมันกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง!!
“ไม่!”
ถึงอย่างนั้นเทพธิดาขนาดยักษ์ก็ไม่แสดงความเมตตา นางยังคงกำฝ่ามือด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี สิ้นเสียงดังกร็อบ อาจารย์อสูรที่อยู่ข้างในก็ถูกบดขยี้!
…
สงครามค่อย ๆ ถึงจุดสิ้นสุด สถานการณ์ได้รับการควบคุม อาจารย์อสูรทั้งหมดในดินแดนของท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ ถูกแบ่งแยกและกวาดล้างโดยกองเรือของดินแดนเซียน
ท่านผู้ทรงเกียรติเซียงอวี้ถูกร่างของเล่อเจิ้นเทียนกลั่นแกล้ง หลังจากถูกตัดศีรษะจนตาย มันก็ถูกกลืนกินเพื่อนำมาฟื้นฟูให้เจ้าเครื่องมือช่างหมายเลขสอง
ส่วนท่านผู้ทรงเกียรติชู่อวี้ก็ถูกอาจารย์อสูรของหลีจิ่นเหยาและซูเซียงเสวี่ยฆ่าตาย หนวดของมันถูกบดขยี้โดยกรวยแห่งความอุดมสมบูรณ์ ร่างถูกผูกมัดจนเป็นชิ้น ๆ โดยเส้นด้ายสีแดงของเเทพธิดาแห่งความผูกพัน ส่วนความตระหนักรู้ของมันถูกโจมตีจนแตกสลายด้วยแนวคิดการชั่งน้ำหนักอย่างสมดุลของเทพีแห่งความมั่งคั่ง!
ส่วนท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้แพ้ให้กับการต่อสู้ระยะประชิดจากพระโพธิสัตว์เสริมอกของถังรั่วเวย ทั้งถูกบดขยี้และถูกร่างจำแลงอาจารย์อสูรกลืนกิน
ส่วนท่านผู้ทรงเกียรติอี้อวี้ที่พบไป๋ชิวหราน มันพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ในทางทฤษฎี มันจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหกอสูรแห่งความปรารถนา แต่เมื่อพบกับผู้ฝึกตนในตำนานขั้นรากฐานเสมือนก็เหมือนเจอกับโชคร้าย
ไป๋ชิวหรานไม่แม้แต่จะต้องขยับร่างกาย อาศัยเพียงการเปลี่ยนสภาพ วิวัฒนาการและทักษะการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ก็ทำให้เขาจัดการท่านผู้ทรงเกียรติอี้อวี้จนอยู่ในสภาพน่าอับอายได้
ในมือของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ท่านผู้ทรงเกียรติอี้อวี้ถูกไฟดูด ไฟเผา แช่แข็ง และเชือดเฉือนด้วยของมีคม ตามด้วยต่อยและเตะเพื่อทรมานจนถึงจุดที่กำลังจะตาย
จากนั้นมันก็ถูกเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเล่นงานจนถึงแก่ชีวิต แนวคิดกระจัดกระจาย ทั้งหมดถูกกลืนกินโดยมังกรยักษ์ที่อยู่ใต้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ชนิดที่ไม่มีโอกาสให้สุดยอดอาจารย์อสูรนี้ได้มาเกิดใหม่
“ตอนนี้พวกเราต้องรอข่าวจากเจียงหลาน”
ไป๋ชิวหรานรวมตัวกับพวกหลีจิ่นเหยาบนสะพานเรือธงของกองเรือบินในสายธารแห่งความว่างเปล่า จากนั้นมองเล่อเจิ้นเทียนบัญชากองเรือกวาดล้างดินแดน รอคอยให้เจียงหลานกลับมาอย่างเงียบงัน
ในช่วงเริ่มสงคราม มีหกอสูรแห่งความปรารถนาจำนวนสามตนหาโอกาสหลบหนีออกมา เมื่อท่านผู้ทรงเกียรติอี้อวี้และท่านผู้ทรงเกียรติทิงอวี้ตายแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ อสูรที่มีเมือกเป็นเลือดเนื้อ ทั่วร่างเต็มไปด้วยปากและลิ้นที่ยังรอดชีวิต
ตัวตนของอาจารย์อสูรนี้ในหกอสูรแห่งความปรารถนานับว่าต่ำมาก พละกำลังอยู่ระดับกลาง ไม่มีจุดไหนที่โดดเด่น แต่เพราะความโดดเด่นนี้เองที่ช่วยมันเอาไว้ ตอนที่หลบหนี พวกไป๋ชิวหรานแทบไม่สังเกตเห็นเจ้านี่เลย
โชคยังดีที่เจียงหลานพบว่ามันลอบหนีไปที่ไหน หลังจากนั้นจึงพาราชินีประทานบุตรเพื่อไล่ตามไป
ถ้าเป็นเจียงหลาน ไป๋ชิวหรานย่อมไม่กังวล นางมีจักรพรรดิเซียนแห่งซากปรักหักพังหวนคืนที่มีร่างเนื้อหนังของทวยเทพ รวมถึงราชินีประทานบุตรที่เป็นสุดยอดอาจารย์อสูร เจียงหลานไม่มีทางแพ้ ต่อให้ใช้แค่เท้าเปล่าในการไล่ก็ตาม
แต่หลังจากรอสักพัก พวกไป๋ชิวหรานก็เห็นเจียงหลานกับเรือธงจากความว่างเปล่า
“ชิวหราน ข้าขอโทษ”
ผู้เป็นภรรยามองไป๋ชิวหราน และกล่าวด้วยความอับอายว่า
“ข้าปล่อยให้มันหนีไปได้”