ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 469 ครั้งนี้ทำการแลกเปลี่ยน
บทที่ 469 ครั้งนี้ทำการแลกเปลี่ยน
บทที่ 469 ครั้งนี้ทำการแลกเปลี่ยน
“แล้วจะมัวรออะไรอีก”
ถังรั่วเวยไม่อาจระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้
“ท่านอาจารย์ เริ่มจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ!”
เมื่อกล่าวจบ นางก็เมินไป๋ชิวหรานที่กำลังมองอยู่ ขณะเริ่มถอดชุดทันที
“แม่สาวน้อยเอ๋ย อย่าได้ทำตัวน่าอายจนเกินงาม ต่อให้ความปรารถนายิ่งใหญ่จะเป็นความจริงก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวด้วย!!”
ไป๋ชิวหรานเบือนหน้าหนี ก่อนจะส่ายหน้า
“ดูท่านอาจารย์สิว่าน่าให้ความเคารพมากแค่ไหน?”
ถังรั่วเวยนุ่งผ้าเช็ดตัวเพื่อปกปิดส่วนน่าอาย จากนั้นก็มองไป๋ชิวหรานผู้นุ่งผ้าปกปิดช่วงล่าง สายตาของเขาเผยความดูแคลน
แต่พี่ใหญ่ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาหัวเราะเยาะน้องรอง เหมือนกับคนที่ถอยห้าสิบเก้าไม่มีคุณสมบัติจะมาหัวเราะเยาะคนที่ถอยหนึ่งร้อยก้าว หลังจากถังรั่วเวยและไป๋ชิวหรานเปลี่ยนไปนุ่งชุดอาบน้ำแล้ว จึงลงบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติเพื่ออาบน้ำทันที
ที่นี่มีบ่อจำนวนมาก ทั้งสองถูกแยกจากกันด้วยสันเขาหิน และนั่งหลังให้กัน
ไป๋ชิวหรานนั่งขัดสมาธิในบ่อน้ำพุร้อน และท่องคาถาเพื่อชำระล้างจิตใจ ส่วนถังรั่วเวยสะกดอารมณ์ที่ตื่นเต้นเอาไว้ ค่อย ๆ ทำให้จิตใจว่างเปล่า
จากนั้นทั้งสองจึงอาบน้ำจนเสร็จและเปลี่ยนชุด ก่อนจะตั้งแท่นบูชา ตามด้วยจุดไฟเครื่องหอมบูชา
หลังจากพิธีทั้งหมดเสร็จสิ้น ในที่สุดไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยก็สูดหายใจเข้าพร้อมกัน เพื่ออัญเชิญร่างจำแลงอาจารย์อสูร
“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน!”
“พระโพธิสัตว์เสริมอก!”
“มอบรากฐานให้กับข้า!!”
ครั้นสิ้นคำสั่ง มิติก็แตกร้าว! สองตัวตนร่างกำยำฉีกมิติระหว่างความตระหนักรู้ออกมาปรากฏขึ้นตรงหน้าไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยผู้กำลังคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่
…
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยื่นนิ้วออกไปชี้ที่หน้าผากของตัวเอง ส่วนพระโพธิสัตว์เสริมอกอยู่ในรูปทรงของบุปผา ลำแสงพวยพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว และปกคลุมร่างของถังรั่วเวยเอาไว้
สุดยอดอาจารย์อสูรทั้งสอง ตอนนี้พวกเขากำลังทุ่มสุดกำลัง เพื่อกระตุ้นแนวคิดและความสามารถที่ก่อให้เกิดพลังต้นกำเนิดมากที่สุด
หลังจากผ่านไปสักพัก ร่างของไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยก็เปลี่ยนไป
ในคฤหาสน์ม่วงของไป๋ชิวหราน พลังวิญญาณที่แท้จริงเดือดพล่านอย่างไร้ที่สิ้นสุด ราวกับลมปราณอันปั่นป่วนกำลังรวมตัวเข้าด้วยกันในร่างกายของเขา ผลของพลังวิญญาณที่แท้จริงรวมตัวกันเป็นพลังปราณแก่นแท้ขึ้นมา
ในแสงสว่างอันเจิดจ้า หน้าอกของถังรั่วเวยที่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงมานับร้อยปีเริ่มพองขึ้นช้า ๆ ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ผลลัพธ์นี้กินเวลาหลายชั่วยาม ในที่สุด แม้กระทั่งเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานและพระโพธิสัตว์เสริมอกก็ยังหมดสิ้นเรี่ยวแรง ก่อนจะฟื้นคืนพลังเหนือธรรมชาติกลับมา
ไป๋ชิวหรานมองไปข้างในทันที ถังรั่วเวยหยิบสายวัดที่ไป๋ชิวหรานสร้างขึ้นด้วยเอ็นมังกรของบรรพชนจักรพรรดิปีศาจองค์แรกมา จากนั้นก็เริ่มวัดหน้าอกตัวเอง
ในคฤหาสน์ม่วงไร้ที่สิ้นสุด พลังปราณแก่นแท้ของไป๋ชิวหรานกลายเป็นมหาสมุทร มันเดือดพล่านกระฉับกระฉอกไม่หยุด เขาชำเลืองมอง ก่อนแผ่สัมผัสเทวะเคลื่อนออกไปนับพันลี้ จากนั้นจึงได้เห็นพลังวิญญาณที่แท้จริงเพียงน้อยนิดซึ่งปกคลุมเหนือสายธารแห่งพลังปราณแก่นแท้
ล้มเหลวอีกแล้ว…
ไป๋ชิวหรานนั่งทรุดลงกับพื้น และถอนหายใจด้วยความสับสนยิ่ง
หลังจากผ่านหนึ่งดัชนีสร้างรากฐานของการก่อสร้างรากฐาน สัดส่วนของพลังปราณแก่นแท้ในร่างของเขาเพิ่มขึ้นเจ็ดในสิบ อีกทั้งยังมีพลังวิญญาณที่แท้จริงอยู่ข้างใน… นี่ยังไม่นับเป็นการก่อสร้างรากฐาน
“ข้า …ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
ถังรั่วเวยที่อยู่อีกฝั่งกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
“อาจารย์! ข้ามีหน้าอกแล้ว!”
ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกและผิดหวังนี้ คนที่อยู่ด้านข้างกลับทำสำเร็จ! ยิ่งกลายเป็นสิ่งตอกย้ำมากขึ้น ไป๋ชิวหรานก้มหน้าต่ำลง ส่วนถังรั่วเวยกระโดดเข้ามาคว้าไหล่ของเขา เขย่า และเต้นไปมา
แต่ถังรั่วเวยมีความสุขได้ไม่นาน ในจังหวะที่กระโดด นางเห็นหน้าอกตัวเองเด้งขึ้นและลง ทันใด… นั้นมันก็เหมือนกับแฟบลงดังครรภ์ที่คลอดทารกออกไป ก่อนจะหย่อนยานลงมา
“อะไรเนี่ย?!”
ถังรั่วเวยแตกตื่น
“ทางนี้ก็เหมือนกันงั้นหรือ?!”
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของนาง ไป๋ชิวหรานก็มีกำลังใจเล็กน้อย เขาลุกขึ้นเดินไปหาศิษย์
“อย่าขยับ! ขอข้าดูหน่อย!”
หลังจากตรวจสอบเล็กน้อย ไป๋ชิวหรานก็ปล่อยไป โดยอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“ยินดีด้วย รั่วเวย! ภูมิต้านทานอสูรแฝงของเจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว”
“หมายความว่าไง?”
ถังรั่วเวยถามด้วยความสับสน
ไป๋ชิวหรานอธิบายให้นางฟังว่าแท้จริงแล้วปัญหาสำคัญอยู่ที่กระดูกหน้าอกของนาง ภายใต้ผลลัพธ์จากการผสานของวิชาหลอมสร้างกาย ดังที่เคยกล่าวเอาไว้ วิชาหลอมสร้างกายคือทักษะภายนอกที่คล้ายกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่ได้รับบาดเจ็บหนึ่งครั้ง ด้วยผลของวิชาหลอมสร้างกาย ร่างกายจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง และทำให้หวาดกลัวต่อการบาดเจ็บเช่นนั้นน้อยลง
ถังรั่วเวยใช้พระโพธิสัตว์เสริมอกเพื่อเสริมหน้าอกตัวเอง โดยพื้นฐานแล้วมันคือการใช้พลังมหาศาลของพระโพธิสัตว์เสริมอก โดยเน้นไปที่หน้าอกเพียงอย่างเดียว
ทว่าพระโพธิสัตว์เสริมอกคืออาจารย์อสูร อาจารย์อสูรคือสิ่งมีชีวิตที่มีความตระหนักรู้ นางใช้ความมหึมาเพื่อเป็นพรกับตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุ ความมหึมาใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป
เช่นเดียวกับนักรบหญิงที่เมื่อหน้าอกใหญ่เกินไปจะใส่เกราะไม่ได้ เจ้าสาวหน้าอกใหญ่เกินไปก็จะทำให้เสียผ้าตัดชุดมากขึ้น
ดังนั้นความสามารถมหึมานี้จึงถูกตัดสินว่าเป็น ‘ความเสียหาย’ จากกระดูกหน้าอกของถังรั่วเวย ภายใต้ผลกระทบอันละเอียดอ่อนองวิชาหลอมสร้างกาย ทำให้มันถูกขจัดอย่างสมบูรณ์ในที่สุด
“มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
ถังรั่วเวยถามด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ไม่ต้องรีบร้อน จู่ ๆ ข้าก็นึกความคิดที่อาจหาญขึ้นมาได้”
ไป๋ชิวหรานเงยหน้าขึ้นมองนภา เอ่ยถามว่า
“รั่วเวย วิชาหลอมสร้างกายของเจ้าไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
“ติดอยู่ขั้นที่สี่สิบเก้า…”
นางคอตกด้วยความสิ้นหวัง
“น่าเห็นใจ…”
“ฟังนะ วิชาหลอมสร้างกายก็เป็นวิชาอย่างหนึ่ง ดังนั้นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานของข้าอาจจะสามารถใช้หนึ่งดัชนีสร้างรากฐาน เพื่อสนับสนุนเจ้าจนรักษาได้โดยตรง”
ไป๋ชิวหรานปรบมือแล้วกล่าวว่า
“ส่วนพลังมหึมาของพระโพธิสัตว์เสริมอก อาจจะสามารถทำได้เพียงมอบพรให้กับพลังปราณแก่นแท้ในคฤหาสน์สีม่วงของเจ้าเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดเป็นพลังปราณแก่นแท้ ‘มหึมา’ จนไปกลืนกินพลังวิญญาณที่แท้จริงในคฤหาสน์สีม่วงเข้า!”
“หรือก็คือ…”
แววตาของถังรั่วเวยค่อย ๆ ทอประกายด้วยความหวัง
“แลกเปลี่ยนใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“แต่หลังจากฝึกฝนเมื่อครู่ อาจารย์อสูรของเจ้าและข้าอ่อนแอลงมาก พักที่นี่เสียหน่อย! เมื่ออาจารย์อสูรกลับมาเป็นปกติแล้วค่อยเริ่มกันใหม่!”
…
หลังจากพักอยู่ในโลกวัตถุนี้หนึ่งเดือน ร่างจำแลงอาจารย์อสูรของไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยยังคงดูดกลืนพลังในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ต่อไป จนในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติ
พวกเขาสองคนสงบลงตลอดระยะเวลานี้ หัวใจหนักแน่น และมุ่งมั่นที่จะทำครั้งนี้ให้สำเร็จ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและจุดเครื่องหอมอีกครั้งอย่างตั้งใจ ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยก็ยืนขึ้นพร้อมกัน
“รั่วเวย มาเริ่มกันเลย!”
“เข้าใจแล้ว ท่านอาจารย์!”
ทั้งสองมองหน้ากัน ในเวลาเดียวกันก็อัญเชิญอาจารย์อสูรออกมา กำแพงแห่งความตระหนักรู้ก็ถูกฉีกออกอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานชี้นิ้วไปที่หน้าผากของถังรั่วเวย ทำให้พระโพธิสัตว์เสริมอกส่องแสงสว่างเจิดจ้า ก่อนจะฉายมายังคฤหาสน์สีม่วงของไป๋ชิวหราน!