ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 473 ชะตาขาด! คือเทพอาวุโสก่อสร้างฐาน!
บทที่ 473 ชะตาขาด! คือเทพอาวุโสก่อสร้างฐาน!
บทที่ 473 ชะตาขาด! คือเทพอาวุโสก่อสร้างฐาน!
ไป๋ชิวหรานขับเรือลำเล็กที่ติดมากับเรือตรวจสอบของแดนเซียน พาเจียงหลาน ถังรั่วเวยและจื้อเซียนวนเวียนรอบโลกวัตถุละแวกใกล้เคียง
บริเวณโดยรอบแตกต่างไปจากโลกวัตถุรกร้างโดยรอบแต่ดูมีชีวิตชีวา กระทั่งโลกวัตถุที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ก็ยังอยู่ในสภาวะเพิ่งมีสิ่งชีวิตมีชีวิตเกิดขึ้น
เปรียบดังทะเลเพลิง ที่เมื่อความร้อนของเปลวเพลิงลดลงไปแล้ว ไป๋ชิวหรานเชื่อว่าในทะเลจะต้องมีชีวิตใหม่ที่สดใสอุบัติขึ้นอย่างแน่นอน
ทว่าอาจเป็นเพราะอยู่ในสถานที่ห่างไกล ภายในมิติของโลกวัตถุละแวกใกล้ ๆ เหล่านี้จึงใสสะอาด ปราศจากร่องรอยของอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนา
เจียงหลานกับถังรั่วเวยรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เจียงหลานต้องการจะชดเชยความผิดพลาดในอดีตของตัวเองที่ปล่อยผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้หนีไปได้ ส่วนถังรั่วเวยมองเหล่าอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาเหล่านี้เป็นเครื่องทดสอบ ที่ต้องการจะไล่ล่ามาเพื่อเลี้ยงอาจารย์อสูรของตัวเองเท่านั้น
หลังจากที่สมปรารถนาอันยิ่งใหญ่แล้ว นางก็เอาใจใส่อาจารย์อสูรของตัวเองเป็นอย่างมาก แทบจะเหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น นางดูแลอย่างทะนุถนอม และป้อนอาหารให้กินอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังเลี้ยงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทว่ารูปร่างของสิ่งมีชีวิตอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอารยธรรมซึ่งเกิดจากการบ่มเพาะในโลกวัตถุเหล่านี้ ช่างตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของจื้อเซียนได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าจื้อเซียนไปขุดคุ้ยจารึกมาจากไหน เล่อเจิ้นเทียนสั่งให้คนประกอบขึ้นใหม่เสมอ จากนั้นจึงสามารถบันทึกเรื่องราวสภาพความเป็นมาทั้งหมดภายในโลกวัตถุเหล่านี้ได้ใจความ
“เป็นกอบเป็นกำ เป็นกอบเป็นกำจริง ๆ!”
จื้อเซียนใช้จิตสำนึกควบคุมเครื่องมือสำหรับบันทึกเหล่านั้น แล้วบินวนไปเวียนมาอยู่รอบ ๆ ก่อนจะพูดเจือเสียงถอนใจ
“หากว่ามีอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาก็ยิ่งดีเลย! ข้าอยากศึกษามานานแล้วว่าในโลกวัตถุที่มีอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนา พวกมันกับสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุมีความสัมพันธ์ร่วมกันเช่นใด”
“สิ่งที่เจ้าต้องการจะศึกษามีเยอะเหลือเกิน!”
ไป๋ชิวหรานพลางก่นด่าออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
“เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์นั้นมีขอบเขตจำกัด แต่ข้าไม่มี…”
จื้อเซียนตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ ไม่นานก็พลันทอดถอนใจอีก
“เฮ้อ… แต่ถ้าต้องกลับไปตอนนี้ ข้าคงศึกษาได้ไม่เต็มที่ หวังว่าวันนี้จะโชคดีได้เจออาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาระหว่างที่พวกเราเดินทางกลับ”
“สุดยอด!”
ไป๋ชิวหรานหันกลับมามองดูจื้อเซียนด้วยสีหน้าพิกล พลันเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
“เจออาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาแล้วจริง ๆ ด้วย!”
“ไหน ๆ อยู่ไหน?”
เจียงหลานกับถังรั่วเวยได้ยินก็รีบถลาเข้ามาหา มองดูเบื้องหน้าของเรือเหาะ
“นั่นไง อยู่ตรงนั้น!”
ไป๋ชิวหรานชี้ไปทางหนึ่งในกำแพงแห่งความตระหนักรู้
“อยู่ไกลเกินไป พวกเจ้าใช้ตาเปล่ามองคงจะไม่เห็น ใช้จิตสัมผัสมองจะดีกว่า”
เจียงหลานกับถังรั่วเวยหลับตาลง เจียงหลานปล่อยจิตสัมผัสออกไป ส่วนถังรั่วเวยปล่อยอาจารย์อสูรที่มีขนาดเท่ากับคนธรรมดาออกไป เมื่อมองดูก็เห็นว่าระหว่างโลกวัตถุกับโลกวัตถุในสายธารแห่งความว่างเปล่ามีอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาหน้าตาน่ากลัวตนหนึ่ง มันกำลังพุ่งหน้าตรงมาที่พรมแดนนี้อย่างเต็มกำลัง!
ร่างแท้ของอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาตนนี้มีขนาดใหญ่มากคล้ายกับเจ้าอ้วนท้องโต ทว่ากลับมีหน้าตาเหี้ยมโหดดุร้ายน่ากลัว นอกจากหนึ่งดวงตากับหนึ่งจมูกที่อยู่บนใบหน้า แต่ละจุดบนร่างของมันล้วนมีปากขนาดใหญ่กับลิ้นยื่นออกมา ส่วนท้องเป็นปากขนาดใหญ่เช่นกัน มีฟันเรียงสลับไปมารอบ ๆ เป็นสีแดง ทว่าด้านล่างกลับเป็นหนวดที่มีลักษณะคล้ายกับปลาหมึก ด้านในของหนวดก็เป็นปากอีกเช่นกัน แต่มีฟันคล้ายกับฟันเฟืองขึ้นอยู่เต็มปาก
“ปากเยอะถึงเพียงนี้เชียวรึ!?”
เจียงหลานร้องอย่างดีใจ
“เป็นไปได้อย่างมากว่ามันเป็นอสูรที่อยู่ภายใต้การบัญชาของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้”
ร่างที่แท้จริงของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้เป็นอสูรที่มีปากขนาดใหญ่ขึ้นเต็มตัว มีขนาดใหญ่มากจนเทียบได้กับก้อนเนื้อในจักรวาล ส่วนอสูรผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็มีรูปลักษณ์ที่มีปากเป็นจุดเด่นเช่นกัน
พวกมันล้วนเกิดขึ้นจากดินแดนผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ และดำรงอยู่ได้จากความใคร่ลิ้มรสของสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุ
“แต่เจ้าตัวนี้มาทำอะไรที่นี่?”
ไป๋ชิวหรานจ้องดูอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาตนนั้นพลางกล่าวออกมา
“ตอนนี้ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้หลบลี้หนีหน้า มันหนีออกมาหลังจากแยกย้ายกระจายตัวเช่นนั้นรึ? เช่นนี้ก็ไม่สมเหตุสมผล เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้จะยอมปล่อยผู้ทรยศให้หนีไปได้! อีกทั้งมันยังโดนหลานเอ๋อร์ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และกลับไปสู่ดินแดนของตัวเองแล้ว ผู้ทรยศก็ควรจะถูกมันจับกิน!”
ครั้นเห็นอสูรตนนั้นปรากฏตรงหน้าพวกเขา ไป๋ชิวหรานก็คิดอุบายได้
“พรางตัวเพื่อดูว่ามันคิดจะทำอะไรกันแน่…”
เขาบังคับเรือแล้วเปิดกลไกพรางตัว และหลบอยู่ที่ผิวนอกของโลกวัตถุแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าอสูรตนนั้นก็บินมาที่โลกวัตถุแห่งนี้และร่อนลงบนดินแดนแห่งความตระหนักรู้ด้วยเช่นกัน
เรือเล็กกับอาจารย์อสูรอยู่ใกล้กันเพียงเอื้อม ไป๋ชิวหรานจึงมองเห็นว่าบนร่างของอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาตนนี้มีบาดแผลน้อยใหญ่มากมายเต็มไปหมด
มันได้รับบาดเจ็บ? ไปประมือกับใครมา? ทหารของแดนเซียนเช่นนั้นรึ?
ขณะที่ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดภายในใจ ก็เห็นอสูรตนนี้แนบหน้าของมันลงบนปราการแห่งกำแพงตระหนักรู้ สายตามองเข้าไปในระนาบโลกวัตถุ
ในระนาบของโลกวัตถุแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตสามขาประเภทหนึ่ง ซึ่งเท้าของมันคล้ายกับตัวดูด และสร้างอารยธรรมที่ค่อนข้างพัฒนา สิ่งมีชีวิตประเภทนี้มีความถนัดเรื่องการรับรู้ จึงก่อตั้งเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น
อสูรอ้วนยืดแขนอ้วน ๆ กลม ๆ ทั้งสองข้างของตัวเองออกไป และกระชากรอยร้าวแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างโลกวัตถุกับดินแดนแห่งความตระหนักรู้ให้เปิดออก หลังจากนั้นก็แลบลิ้นขนาดใหญ่ที่มีความคล่องตัวออกมาจากปากใหญ่บนท้อง และตวัดไปยังภายในโลกวัตถุ
และแล้ว… เมืองที่สิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญาก่อตั้งขึ้นก็ใกล้จะถูกลิ้นปริศนาโลมเลีย
ทว่าขณะที่ลิ้นของมันกำลังจะแลบลิ้นเข้าไปในช่องทางมิติ จู่ ๆ อัสนีสีทองบนฟ้าก็คำรามกึกก้อง กระบี่ขนาดมหึมาเล่มหนึ่งร่วงลงมาจากฟากฟ้า! ปักกลางลิ้นของมันเสียบติดผืนปฐพีของดินแดนแห่งความตระหนักรู้
อสูรอ้วนเจ็บปวดนัก มันเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างขุ่นเคือง ภาพที่เห็นคืออาจารย์อสูรเทพสงครามผมขาวเกราะสีเงินผู้เกรียงไกรกำลังยืนตระหง่าน เท้าเอวพลางจ้องกลับมาที่มัน
เทพอาวุโสก่อสร้างฐาน!
อสูรอ้วนตกใจจนขวัญหนี ไม่สนใจว่าลิ้นของตัวเองยังคงโดนกระบี่เสียบอยู่ มันพยายามดิ้นรนสุดแรงและกระชากลิ้นออกมาเต็มกำลัง จากนั้นจึงฝืนความเจ็บ สะบัดลิ้นจนขาด ทำเอาเลือดไหลไปตามทางที่มันวิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับมามอง
ทว่าแค่เพิ่งหมุนตัว ตรงหน้าก็มีมือหยกขนาดมหึมาปรากฏขึ้น และจับมันขึ้นมาอยู่ในกำมือแล้วโยนไปที่พื้นดินแดนแห่งความตระหนักรู้
ตูม!
แรงกระแทกอันยิ่งใหญ่ทำให้โลกวัตถุทั้งใบเกิดความสั่นสะเทือน บรรดาสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาทั้งหลายที่ดำรงชีวิตอยู่ในโลกวัตถุเหล่านั้นรับรู้ถึงความเจ็บปวด ที่ส่งมายังประสาทของตนแล้วรู้สึกฉงนใจ ส่วนอสูรอ้วนที่นอนแผ่อยู่บนพื้นผิวดินแดนแห่งความตระหนักรู้กลับมองเห็นเทพสตรีทรวดทรงงามสูงใหญ่แบบเดียวกับเทพอาวุโสก่อสร้างฐานยืนอยู่บนหลังของมัน และกำลังก้มมองดูมันอยู่
“ดีมาก จับได้แล้ว!”
คลื่นเสียงของสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูของมัน จากนั้นอสูรอ้วนก็เห็นคนแดนเซียนผมขาวโพลนคนหนึ่งปีนขึ้นมาอยู่บนหัวของตัวเอง ก่อนจะก้าวมายืนอยู่บริเวณเนื้อดวงตา แล้วเหยียบเท้าลงมาบนหน้า
ผู้ชายผมขาวโพลนก้มองเขา พลางเผยรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา
“ตอบคำถามข้ามาเร็ว ๆ หากตอบมาตามตรง ข้าจะให้เจ้าได้จบชีวิตแบบไม่ทรมาน!”