ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 474 หุ่นเชิดพิศวง
บทที่ 474 หุ่นเชิดพิศวง
บทที่ 474 หุ่นเชิดพิศวง
“ฉึบ!”
กระบี่ของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานฟันอสูรอ้วนออกเป็นสามแฉกเท่า ๆ กัน จากนั้นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน โพธิสัตว์เสริมอก และเทพธิดาประทานบุตรต่างก็ยึดพลังจิตสำนึกกับความคิดส่วนหนึ่งของมัน
ครั้นจัดการกับอสูรตนนี้เสร็จ ไป๋ชิวหรานมองดูสภาพการณ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาที่อยู่ในระนาบโลกแห่งนี้ เมื่อพบว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนัก จึงปัดมือพลางกล่าวถาม
“เอาล่ะ… ตอนนี้จะเอาอย่างไร? พวกเราจะกลับกันก่อน หรือว่า…”
“เมื่อสักครู่เจ้าอ้วนบอกว่ากองทัพของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ถูกกองกำลังไม่ทราบชื่อโจมตี”
เจียงหลานเม้มริมฝีปากพลางใช้ความคิด
“กองกำลังไม่ทราบชื่อเป็นสิ่งที่ซู่หัวสร้างขึ้นมาเช่นนั้นรึ?”
“ไม่อาจทราบได้ แต่มีความเป็นไปได้มาก”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“ถึงแม้ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้จะเป็นผู้นำที่พ่ายแพ้ไปแล้ว และทหารทั้งหมดถูกจับตัวไป แต่ก็เหมือนอูฐที่ผอมตายแล้วยังตัวโตกว่าม้า ในทะเลทราย …อารยธรรมที่กล้าบุกโจมตีกองทัพอสูรแห่งความปรารถนาโดยตรงนั้นมีไม่มาก”
“ถ้าเช่นนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องไปดูสักหน่อยจึงจะวางใจลงได้”
จื้อเซียนกระโดดไปมาด้วยความร้อนรนใจ และรีบกล่าวเสริม
“ไปกัน! ไปกัน! รีบไปดูกันเลย!!”
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปดูกัน”
คนทั้งหมดเก็บซากอสูร และขึ้นเรือเล็กแห่งความว่างเปล่า ส่งข่าวบอกให้เซียนหงเฉินแล้วก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ถูกโจมตี ตามคำที่อสูรอ้วนตนนั้นสารภาพออกมา
สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลจากจุดที่ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ถูกบุกโจมตีไม่ไกลมากนัก อาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาเจ้าเล่ห์ตนนั้นพากองทัพของตัวเองหนีไปตามทิศทางนี้ก่อนแล้ว
ทว่ากำแพงแห่งความตระหนักรู้มีความแข็งแรงทนทานมาก ประกอบกับสามารถควบคุมบรรดาอสูรแห่งความปรารถนาเหล่านี้ได้พอดี ด้วยเหตุนี้… ต่อให้พวกมันจะพยายามจนสุดกำลังสักแค่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่สร้างรอยแยกสักรอยสองรอยบนกำแพงแห่งความตระหนักรู้เท่านั้น อย่าว่าแต่อสูรแห่งความปรารถนาที่มีขนาดตัวใหญ่โตนั้นเลย แม้กระทั่งดินแดนแห่งความตระหนักรู้ก็ไม่สามารถไหลแทรกซึมเข้าไปในสายธารแห่งความว่างเปล่าที่ภายนอกของกำแพงได้
ต่อมาจึงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาด้วยกัน หลังจากที่กลืนกินซึ่งกันและกัน ภายใต้วันเวลาที่แปรผัน รอยแยกหนึ่งเริ่มขยายใหญ่เพิ่มขึ้นทีละน้อย จนเพียงพอจะรองรับอสูรขนาดเล็กให้เข้าไปในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ได้ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงหยุดพักการต่อสู้กันเองชั่วคราว และช่วยกันโจมตีผู้รุกรานจากภายนอก
ทว่าดวงของพวกมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร เพราะเมื่อเดินออกไป ก็พบกับแดนเซียนที่อยู่ในยุครุ่งโรจน์ในตอนนั้น รวมถึงจักรพรรดิเซียนองค์แรก พวกมันถูกจักรพรรดิเซียนองค์แรกตอบโต้กลับ ทั้งยังโดนพลีชีพอุดช่องทางเข้า ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงเริ่มต่อสู้กันเองอีกครั้ง
ส่วนรอยแยกอีกรอยอยู่ใกล้ดินแดนของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้มากที่สุด เมื่อก่อนหน้านี้จักรพรรดิเซียนซู่หัวเคยออกไปสู่ความว่างเปล่าที่อยู่ด้านนอกกำแพงแห่งความตระหนักรู้จากรอยแยกนี้
ทว่าระยะนี้… รอยแยกก็เริ่มแตกร้าวจนกลายเป็นช่องทางใหญ่ ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ก็รับรู้เช่นกัน แต่มันไม่เคยบอกกับใครทั้งสิ้น มันเก็บเอาไว้เองเพื่อเป็นทางหนีทีไล่ในอนาคต!
ตอนที่ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้หนีไป ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกครั้ง กองทัพของมันประสบพบกองกำลังไม่ทราบชื่อที่เข้ามาจากด้านนอกกำแพงแห่งความตระหนักรู้ และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ยับเยิน
เรือลำเล็กแห่งความว่างเปล่าลอยอยู่ในความเวิ้งว้างเป็นเวลาสี่ห้าวัน จนมาถึงบริเวณที่ใกล้กับจุดหมายปลายทาง ที่นี่… ไป๋ชิวหรานสามารถมองเห็นรอยแยกขนาดใหญ่บนกำแพงแห่งความตระหนักรู้นั้นได้ด้วยตาเปล่า แม้จะยังคงอยู่ไกลอีกมากก็ตาม
ใกล้ ๆ กับรอยแยก บางครั้งยังมองเห็นกลุ่มไฟที่จู่ ๆ ก็สว่างขึ้น
“ระเบิดพลังเช่นนั้นรึ?”
ไป๋ชิวหรานเปิดการพรางตัวของเรือ
“ดูท่าทางแล้ว ที่นี่ยังอยู่ในภาวะของสงคราม พวกเราต้องระวังตัวกันหน่อย อย่าได้ส่งเสียงดัง และบุกเข้าไปเงียบ ๆ”
เรือลำเล็กค่อย ๆ ลดความเร็วลง ขณะพรางตัว มันเคลื่อนไปช้า ๆ ลอยอยู่นานจึงปรากฏอสูรกลุ่มเล็กจำนวนหนึ่งขวางหน้าพวกของไป๋ชิวหราน
อสูรเหล่านี้ล้วนมีลักษณะเด่นของกองทัพผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ ตรงไหนที่ไม่ควรมีปาก ก็มีปากขึ้นอยู่รอบตัว! เหมือนกับอสูรอ้วนไม่มีผิดเพี้ยน เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังจะหนี
จากคลื่นจิตสำนึกอันสับสนที่อสูรเหล่านี้ส่งออกมา พวกมันวิตกยิ่งนัก และเคลื่อนตัวเร็วมาก ไป๋ชิวหรานจำต้องจอดเรือเพื่อรอให้พวกมันผ่านไป ร่างของอสูรแห่งความปรารถนาบางตัวยังกระทบโดนเรือรบเวิ้งว้างที่อยู่ที่ในสถานะพรางตัว ทว่าพวกมันไม่ได้รู้สึกตัวเลย ยังคงหนีไปยังส่วนลึกสุดของดินแดนแห่งความตระหนักรู้ โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ
กองกำลังกำลังไม่ทราบชื่อกลุ่มนั้นก็ไล่ติดตามพวกมันมาอย่างรวดเร็ว! ในที่สุดก็สำแดงฝีมือ ณ เบื้องหน้าพวกของไป๋ชิวหราน
“ยืนยันเป้าหมาย อสูรระดับกลางจำนวนหกตน!”
“ยืนยันคำสั่ง ฆ่าล้างทั้งหมด!”
คำสั่งนั้นผสมผสานกับเสียงหวีดหวิวอันแสนประหลาด มีสองเสียงที่คล้ายกับเสียงเครื่องกลดังขึ้นใกล้ ๆ กับเรือเล็กที่กำลังพรางตัว
“เป็นภาษาของเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน!”
ถังรั่วเวยถึงกับตกใจ
ผู้อาวุโสของแดนเซียน อย่างเช่นจักรพรรดิเซียนองค์แรก จักรพรรดิเซียนเล่อเจิ้นเทียน และจักรพรรดิเซียนซู่หัว ล้วนกำเนิดที่เก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินทั้งสิ้น ดังนั้นภาษาที่พวกเขาใช้จึงเป็นภาษาเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน!
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ไป๋ลี่ก่อตั้งแดนเซียนขึ้นมาแล้ว ภาษาเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินก็เปลี่ยนไปกลายเป็นภาษาของแดนเซียน… ตามการขยายตัวและถ่ายทอดของเหล่าเซียนทั้งหลาย ภาษานี้จึงไปสู่โลกวัตถุต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว… ภาษาของแดนเซียนกลายเป็นภาษาทางการเพียงภาษาเดียวในกระแสความเวิ้งว้างที่แดนเซียนเข้าปกครอง
ที่โลกวัตถุอื่นละแวกใกล้แดนเซียน เวลาที่พวกของไป๋ชิวหรานได้ยินคนอื่น ๆ พูดภาษาแม่ของตัวเอง จึงไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ทว่าที่ตรงนี้เป็นอีกด้านหนึ่งของดินแดนแห่งความตระหนักรู้อีกด้านของสายธารแห่งความว่างเปล่า
กระทั่งบนพรมแดนที่เพิ่งพบผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ พวกของไป๋ชิวหรานที่เข้าสู่โลกวัตถุที่มีเผ่าภูตกับเผ่ามังกรอาศัยอยู่แห่งนั้นก็ใช้ภาษาแตกต่างไป ซูเซียงเสวี่ยยังต้องใช้จิตรับรู้เรียนภาษาจากภูตเหล่านั้น
ทว่าหลังจากที่เสียงทั้งสองเงียบไป ลำแสงก็ปรากฏออกมาจากส่วนลึกของทะเลจิตสำนึกด้วยความเร็วสูง มันพุ่งตรงไปตามทิศทางการหนีของอสูรเหล่านั้น
ลำแสงเหล่านั้นบีบเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พวกของไป๋ชิวหรานสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแสงสีทอง
“นี่ …นี่มันตัวอะไรกัน?”
ถังรั่วเวยเบิกตาพลางกล่าวคำอย่างตะกุกตะกัก
“ไม่นึกเลยว่าบนโลกวัตถุยังมีของแบบนี้ด้วย”
เจียงหลานกับจื้อเซียนก็ร้องอย่างตกตะลึง
“มันเป็น… หุ่นกล?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวคาดคะเน
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาคือ ‘สิ่งมีชีวิต’ รูปร่างมนุษย์ ที่มีขนาดสูงใหญ่กว่ามนุษย์ปกติธรรมดาทั่วไป
ภายนอกของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์เหล่านี้มีลักษณะเช่นเดียวกับรูปปั้นเฝ้าสุสานที่ปรากฏให้พบเห็นได้บ่อย ๆ ในพระราชสุสานจักรพรรดิ มันมีความน่ายำเกรง ทว่ารูปปั้นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกของไป๋ชิวหรานในตอนนี้มีประกายแสงสีทองสว่างรอบตัว ใบหน้ากับร่างกายของพวกมันใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ชุดเกราะถูกแกะสลักติดตัว ในมือนั้นถืออาวุธแบบเดียวกัน