ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 476 ยุทธภัณฑ์หกรูสู่สุขคติ
บทที่ 476 ยุทธภัณฑ์หกรูสู่สุขคติ
บทที่ 476 ยุทธภัณฑ์หกรูสู่สุขคติ
บนสมรภูมิรบ สงครามดุเดือดกำลังดำเนินต่อไป เหล่าอสูรจากกองทัพอสูรแห่งความปรารถนากับหุ่นกลเข้าห้ำหั่นกันและกัน คลื่นพลังอันแข็งแกร่งส่งแรงสั่นสะเทือนออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า สะเทือนถึงโลกวัตถุสิบกว่าแห่งที่อยู่โดยรอบ
สถานการณ์ในการต่อสู้ครั้งนี้ชัดเจนมาก ฝั่งของหุ่นกลมีกำลังทหารเข้มแข็ง ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและหวาดกลัว ซึ่งบนสมรภูมิหลักแห่งนี้ ฝ่ายนั้นยังคงมีหุ่นกลมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก บางตัวแทบจะเรียกว่าเป็นอาวุธสงครามได้เลยทีเดียว
ส่วนอสูรปรารถนาทางนี้ เดิมทีก็เป็นทหารที่รบแพ้มาก่อน มีกำลังใจถดถอย ประกอบกับนิสัยโดยกำเนิดของอสูรที่ล้วนมีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ความสมัครสมานและความเป็นปึกแผ่นแทบจะเป็นศูนย์ ขอเพียงแรงบังคับควบคุมของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ลดน้อยลงเมื่อไร อสูรเหล่านี้ก็จะหาทางหนีออกไปจากสมรภูมิเมื่อนั้น
แน่นอนว่าทันทีที่ออกไปจากกองทัพ อสูรเหล่านี้ก็จะถูกกองกำลังอันแข็งแกร่งของหุ่นกลทางนั้นทำลายจนราบคาบ แม้กระทั่งพลังจิตสำนึกกับความคิดที่ติดตัวก็จะถูกเก็บไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่สู้รบกับแดนเซียนในตอนนั้น สาเหตุที่กองทัพของอสูรปรารถนาสามารถทำให้จักรพรรดิเซียนองค์แรกไม่กล้าตอบโต้ กระทั่งยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่ออุดรอยแยก นั่นก็เป็นเพราะความเป็นอมตะของพวกมัน แต่ตอนนี้หุ่นกลทั้งหลายรู้วิธีควบคุมรับมือกับความเป็นอมตะของพวกมันแล้ว ด้วยเหตุนี้อสูรทั้งหลายจึงไม่สามารถก่อความวุ่นวายอะไรขึ้นมาได้อีก
ไป๋ชิวหรานบังคับเรือที่กำลังใช้พลังอำพราง ให้เข้าไปใกล้ใจกลางสมรภูมิรบด้วยความระมัดระวัง จนกระทั่งพบตัวผู้ทรงเกียรติเกียรติเว่ยอวี้!!
อาจารย์อสูรแห่งความปรารถนาที่เหลืออยู่ตนนี้ บัดนี้ไม่มีบารมียิ่งใหญ่เหมือนวันวานอีกแล้ว เทียบกับตอนที่พบกันครั้งก่อน ร่างของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้หดเล็กลงไปมากกว่าครึ่ง ซึ่งนี่เป็นผลที่ได้หลังถูกบีบให้ใช้วิชาที่ไม่ได้ใช้มานานจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อหนีจากการไล่ล่าของเจียงหลานในตอนนั้น
และตอนนี้ร่างของมันก็ยังมีบาดแผลมากมาย แต่ละแห่งล้วนมีขนาดใหญ่ และครั้งนี้บาดแผลบนตัวของมันคงต้องเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน
อาวุธสงครามขนาดใหญ่ของฝั่งหุ่นกลกำลังบุกโจมตีมันอยู่ไม่ขาด…
หุ่นกลมหึมาตนหนึ่งหน้าตาคล้ายกับพระพุทธรูปที่มีขนาดตัวพอ ๆ กับดาวเคราะห์ มีหกกรโผล่ออกมาจากแผ่นหลัง หัตถ์แต่ละข้างมีสัญลักษณ์นับไม่ถ้วนสลักแขนจนกลายเป็นกำไล และเกราะนั้นราวกับม่านแสงคุ้มกัน ส่วนด้านหลังศีรษะมีอักขระสัญลักษณ์นับไม่ถ้วนโคจรรายล้อมจนกลายเป็นวงแหวนเรืองแสงที่กำลังหมุนวน
กรทั้งหกของหุ่นกลพระพุทธรูปตนนี้โผล่ออกมาพร้อมกัน ก่อนแสดงอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่อันร้ายกาจออกมา เช่นฝ่ามือและหมัดมากมายที่ถูกปล่อยใส่ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ไม่ยั้ง! แต่ละกระบวนท่าล้วนส่งผลให้มิติในรอบหลายร้อยหลายพันลี้เกิดการสั่นสะเทือน! สังหารกองทัพอสูรที่อยู่รอบตัวผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้จนตายตกไม่มีเหลือ กล่าวได้ว่ามีอานุภาพไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ยังมีหุ่นกลอีกตัวหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายอาจารย์อสูร แต่มีรูปร่างเล็กกว่าหุ่นกลพระพุทธรูป มันมีแค่สองแขนเท่านั้น ทว่าในมือถือกระบี่ … กระบี่ทรงอานุภาพไม่ธรรมดา ทั้งยังมีขนาดใหญ่ยักษ์นับหมื่นเล่มก่อตัวอยู่ด้านหลังศีรษะของมันเป็นวงแหวนสามวงที่หมุนวนสลับทิศทาง ชั้นในสุดก็หมุนวนตามไปทางขวา ชั้นกลางหมุนวนทางซ้าย ส่วนชั้นนอกสุดหมุนวนทางเดียวกับชั้นในสุด
นอกจากกระบี่ที่เตรียมใช้งานเหล่านี้แล้ว ด้านหน้าของมันก็ยังมีกระบี่อีกเหลือคณานับที่คลายออกทีละชั้น กลายเป็นค่ายกลกระบี่ขนาดใหญ่ก่อตัวเป็นพายุหมุน! เข่นฆ่ากองทัพอสูรโดยรอบ และชำแหละเนื้อหนังมังสาของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้!
แต่สิ่งที่ไป๋ชิวหรานตื่นตะลึงอย่างที่สุด คือหุ่นกลยักษ์ที่อยู่ข้างหลังหุ่นกลพระพุทธรูปกับหุ่นกลเซียนกระบี่ตนนั้น
เทียบกับหุ่นกลสองตนก่อนหน้านี้ รูปร่างหน้าตาของหุ่นกลตนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ขนาดของมันใหญ่โตยิ่งกว่าหุ่นกลเซียนกระบี่กับหุ่นกลพระพุทธรูปรวมกัน! ดูจากภายนอกคล้ายกับดาวเคราะห์สีทองขนาดมหึมาที่สลักอักขระลึกลับเต็มผิว และลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ
ตอนนี้พื้นผิวของดาวดวงนี้ปริออกให้เห็นปากกระบอกปืนใหญ่เรียงกันเป็นทิวแถวจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งกระหน้ำยิงลูกไฟออกมาอย่างรวดเร็วเรียงตามลำดับ ลูกไฟนั้นมีอานุภาพระดับพระกาฬจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นชุด ๆ และระเบิดขึ้น!! จนพื้นที่ของอสูรปรารถนาแหลกกระจุย
ลูกระเบิดที่ถูกมันยิงออกมา ตำแหน่งของที่จุดินระเบิดคือคฤหาสน์ของเหล่าอสูร กลายเป็นปฐมวิญญาณหลายดวงลอยตัวส่องประกายแสงสลัวอยู่ในคฤหาสน์ม่วง
เมื่อระเบิดเหล่านี้ถูกปล่อยออกไปโดนเป้าหมายสำเร็จ ปฐมวิญญาณเหล่านี้ก็จะระเบิดตัวเองภายในพริบตา! อย่างน้อยที่สุดก็เปรียบได้กับการระเบิดตัวเองของผู้ฝึกตนขั้นปฐมวิญญาณจนเหล่าอสูรแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดเจิ่งนองทั่วปฐพี!
เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานไม่อาจฝืนทนได้อีก…
“ฆ่าไม่เลือกหน้า โหดร้ายทารุณจริง ๆ”
เขาลุกขึ้นยืนมือไพล่หลังเดินไปมา พลางทอดถอนใจและส่ายหน้าราวกับโอรสสวรรค์ที่เป็นห่วงเป็นใยแผ่นดินกับราษฎร
“อย่าคิดอีกเลย ดูไปก็รับไม่ได้”
ถังรั่วเวยกล่าวต่อไป๋ชิวหราน
“นี่คือความแตกต่างของสองกองทัพที่มีมหาศาล ต่อสู้ในสงครามเช่นนี้มีแรงกดดันมากจริง ๆ”
“โอ้โห! พวกมันมีหุ่นกลใหม่ออกมาอีกแล้ว”
จื้อเซียนร้องอย่างตกใจ
ไป๋ชิวหรานฝืนกลั้นความไม่สบายใจและกลับไปนั่งที่ ก่อนมองไปยังสมรภูมิรบ เขาเห็นหุ่นกลพระพุทธรูปนั้นหยุดโจมตีผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ระยะประชิดแล้วถอยออกไป แขนทั้งหกของมันประทับที่ทรวงอก ใจกลางหกกรของมันคือเขาพระสุเมรุน้อยขนาดเล็กอยู่ท่ามกลางแสงเรืองรอง
มีหุ่นกลรูปนักบวชลอยออกมาจากเขาพระสุเมรุ อักขระสัญลักษณ์ส่องสว่างรอบตัว ด้านหลังศีรษะคือรัศมีที่ทำจากโลหะ มีทั้งรูปเปลวไฟสลับกับรูปกระบี่
เทียบกับหุ่นกลพระพุทธรูปแล้ว ร่างของพวกมันเล็กจิ๋วมาก ทว่าเพียงพอจะเปรียบเทียบกับขนาดของอสูรที่อยู่รอบกายผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ได้
หลังจากที่ลอยออกมาแล้ว หุ่นกลกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ในทางกลับกัน… พวกมันล้วงเอายุทธภัณฑ์ชนิดหนึ่งออกมา รูปร่างของมันมีลักษณะคล้ายปืนใหญ่ ทว่ามีหกรู เมื่อโจมตี ทั้งหกรูนั้นจะหมุนอย่างรวดเร็วและกระหน่ำปลดปล่อยโลหะเพลิงออกมาดังห่าฝน!
จากนั้นรูกระบอกทั้งหกก็เริ่มหมุนขณะเล็งไปที่กองทัพของอสูรปรารถนา และพ่นอาวุธทำลายล้างออกมา!!
เหล่าอสูรปรารถนาระดับสูงรอบกายผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง… ถัดจากนั้น หุ่นกลขนาดยักษ์สามตนกรูกันเข้ามาโอบล้อมผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้!
พลังของทั้งสามหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นลำแสงขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่หนึ่งในอาจารย์อสูรแห่งความปรารถนา หลังจากที่แสงดับลงไปแล้ว ที่เดิมตรงนั้นเหลือเพียงหุ่นกลขนาดยักษ์สามตน กับก้อนเนื้อเหวอะหวะที่กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังจิตสำนึกและความคิดอันบริสุทธิ์อย่างช้า ๆ กองหนึ่งเท่านั้น!
“แพ้แล้ว!?”
ดูสถานการณ์รบฉากนี้เสร็จแล้ว ถังรั่วเวยรู้สึกได้ว่าสภาพจิตใจของตัวเองไม่อาจสงบลงได้ง่าย ๆ
“ข้าอุตส่าห์ตั้งชื่ออาจารย์อสูรว่าพระโพธิสัตว์เสริมอก ตอนนี้ดูแล้ว หลักธรรมของข้ายังไม่ลึกล้ำมากพอ หลักธรรมที่หุ่นกลเหล่านี้ฝึกฝนต่างหากถึงจะทรงพลังอย่างแท้จริง!”
“อามิตาพุทธ”
ไป๋ชิวหรานยกมือข้างหนึ่งวางที่อก พล่างท่องคำกล่าวของสำนักเทียนเซิ่ง
“กระทั่งผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ หุ่นกลกลุ่มนี้ก็ยังสามารถส่งไปสู่ความหลุดพ้นได้ หลักธรรมลึกล้ำยิ่งนัก บุญกุศลไม่มีสิ้นสุด แม้แต่ข้าก็มิอาจเทียบได้!”
หากต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้ใช้แต่เพียงอาจารย์อสูร ไป๋ชิวหรานอาจไม่เกรงกลัวหุ่นกลกลุ่มนี้ มีเพียงแค่ชั่วขณะที่แสงไฟพ่นออกมาจากยุทธภัณฑ์หกรูในมือของหุ่นนักบวชที่น่าหวาดกลัวจนไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้…