ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 477 ท่าทีของหุ่นกล
บทที่ 477 ท่าทีของหุ่นกล
บทที่ 477 ท่าทีของหุ่นกล
หลังจากจัดการกับผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้แล้ว หุ่นกลกลุ่มนี้ก็เริ่มเก็บกวาดสมรภูมิอย่างรวดเร็ว พวกมันส่งหุ่นกลจำนวนหนึ่งที่ติดตั้งเพียงวัตถุเวทตรวจจับออกมา จากนั้นหุ่นกลเหล่านี้พากันปล่อยแสง ปรากฏเป็นอักษรสัญลักษณ์แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเวทคาถาของระบบมิติ ชิ้นส่วนจำนวนมากมายที่ตระเตรียมไว้ไหลทะลักออกมาจากรอยแยกมิตินั้น และก่อตัวเป็นป้อมปราการหลายป้อมกลางความว่างเปล่า
“จากพฤติกรรมแต่ละอย่างของพวกมันแล้ว สามารถมองออกได้ว่าพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์แห่งนักรบ… ข้าจัดให้พวกหุ่นกลเหล่านี้เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งไปก่อนชั่วคราว”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“ไม่ต้องพูดถึงท่าทีที่เผ่าพันธุ์นี้มีต่อเผ่าพันธุ์ของพวกเรากับสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุอื่น ๆ ลำพังเพียงกำลังการสู้รบของพวกมันก็เพียงพอจะจัดให้เป็นพวกอันตรายที่สุดได้แล้ว การที่ไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกเรายังถือเป็นความโชคดี แต่หากพวกมันประสงค์ร้ายต่อพวกเรา… ผลที่จะตามมาอาจจะไม่แคล้วเป็นความพ่ายแพ้เช่นเดียวกับสงครามระหว่างแดนเซียนกับอสูรเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อนก็เป็นได้”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
จื้อเซียนกล่าว
“ข้าคิดว่าพวกมันน่ากลัวกว่าอสูรมาก! หากไม่มีความเป็นอมตะ พวกอสูรก็จะกลายเป็นเพียงแค่เศษเนื้อกลุ่มหนึ่งเท่านั้น”
“อันที่จริง ถ้าพวกหุ่นกลมีกำลังการต่อสู้ขนาดนี้ ต่อให้ต้องปะทะกับหกอสูรแห่งความปรารถนาในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดก็อาจชนะก็ได้”
เจียงหลานพูดตามความเป็นจริง จากนั้นขมวดคิ้วด้วยความกลัดกลุ้ม
“แต่เพราะเหตุใดข้าก็ยังคิดว่าพวกมันแข็งแกร่งกว่าอสูร”
“คงเป็นเพราะพวกมันมีจิตวิญญาณแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้ากระมัง” ไป๋ชิวหรานแสยะยิ้ม “อีกทั้งกองทัพอสูรยังอ่อนแอ ไม่มีความสามัคคีแม้แต่น้อย”
“แต่ศิษย์พี่หญิง”
ถังรั่วเวยหันหน้ามองไปที่เจียงหลาน
“พวกมันจัดการกับผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ซึ่งเป็นเหยื่อของท่านแล้ว ท่านไม่ต้องการจะพูดอะไรบ้างเลยรึ?”
“จัดการแล้วก็ไม่เป็นไร …ขอเพียงผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ตายก็ดีแล้ว!” เจียงหลานทำใจยอมรับได้โดยง่าย “ข้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้น่ารำคาญถึงเพียงนั้น ถ้าพวกเขายินดีช่วยข้าจัดการกับมัน ก็ปล่อยให้พวกมันจัดการไป ข้ายังต้องขอบคุณพวกเขาเสียด้วยซ้ำ”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเรากลับไปก่อนก็แล้วกัน” ไป๋ชิวหรานเสนอ “หาโอกาสหลบออกไป จากนั้นนำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางนี้แจ้งให้พวกเจิ้นเทียนได้รับรู้”
เมื่อทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงบังคับเรือให้ค่อย ๆ วกกลับมาอย่างเงียบงัน เพื่อออกจากสมรภูมิแห่งนี้
ไม่รู้ว่าฝีมือการขับขี่ของไป๋ชิวหรานไม่ค่อยได้เรื่องนักหรืออย่างไร ขณะที่เขาบังคับเรือที่กำลังพรางตัวบินผ่านกำแพงจิตสำนึกที่ฉีกขาด จู่ ๆ ก็มีหุ่นกลตัวหนึ่งที่ติดวัตถุเวทตรวจจับพุ่งเข้าหา!
ไป๋ชิวหรานยังไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นพลขับ นี่คือเรือไม่ใช่กระบี่ เขาไม่สามารถควบคุมบังคับให้ขับเคลื่อนได้ตามความต้องการด้วยประการทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ลีลาการขับเรือซิกแซก ตีลังกา หรือหลบเลี่ยงหนีการตรวจจับจะไม่มีให้เห็นทั้งสิ้น อย่าได้คาดหวัง
ทว่า… เรือที่อยู่ในสถานะพรางตัวได้ชนเข้ากับหุ่นกลที่มีเครื่องตรวจจับประเภทสอดแนมตัวนี้เข้าอย่างจัง!!
ชนแรงเสียจนพลังพรางตัวไม่ทำงาน เรือที่ไม่ทราบสถานะปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หุ่นกลที่ทำหน้าที่ตรวจจับตัวนี้ยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง มันมองดูเรือที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมาจากความเวิ้งว้างทีละน้อยอย่างเงียบ ๆ แสงไฟสีแดงบนหัวหุ่นกลกะพริบส่งสัญญาณเตือน
ตรวจพบ ตรวจพบ ตรวจพบ!
เปรี้ยง!!!
จู่ ๆ กระบี่สีขาวก็พุ่งออกมาจากเรือนั้น และตวัดฟันหุ่นกลตรวจจับตัวนี้จนขาดเป็นสองท่อน
“เกือบไปแล้ว!”
ไป๋ชิวหรานโล่งใจไป ทว่าครู่ถัดมา จู่ ๆ กองทัพหุ่นกลทางนั้นก็เกิดมีเสียงสัญญาณเตือนดังแสบแก้วหูขึ้นมา
“อะไรกัน!”
ถังรั่วเวยกล่าวด้วยความตระหนก
“เห็น ๆ อยู่ว่าท่านอาจารย์จัดการกับหุ่นกลตัวนั้นก่อนที่มันจะส่งสัญญาณเตือนแล้วนี่นา”
“ดูท่าแล้วพวกมันยังมีวิธีการติดต่อสื่อสารอย่างอื่นอีก”
ไป๋ชิวหรานสีหน้าคร่ำเคร่ง
“พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
เขาขับเคลื่อนเต็มกำลัง เรือลำน้อยไม่อำพรางตัวอีกต่อไป กลายเป็นแสงไฟบินไปยังด้านนอก!!
ทว่าข้างหลังของพวกเขามีหุ่นกลจำนวนไม่น้อยลอยตัวขึ้นจากสมรภูมิ กระหน่ำยิงเปลวไฟเป็นทางยาวไล่หลังพวกเขามา!
“คำเตือน! วัตถุบินได้ไม่ทราบชนิดตรงหน้า จงหยุดเพื่อรับการตรวจสอบจากพวกเราเดี๋ยวนี้!”
“ขอย้ำอีกครั้ง! วัตถุบินได้ไม่ทราบชนิดตรงหน้า จงหยุดเพื่อรับการตรวจสอบจากพวกเราเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นพวกเราจะใช้วิธีการรุนแรงควบคุมอิสรภาพของพวกเจ้า”
ด้านหนึ่งไล่ตามติด อีกด้านหนึ่งหุ่นกลที่อยู่ข้างหลังก็แจ้งเตือนพวกของไป๋ชิวหรานที่อยู่บนเรือ
“ข้าควรจะฝึกขับเรือ!” ไป๋ชิวหรานกัดฟัน “รู้เช่นนี้แต่แรกข้าขี่กระบี่มาแล้ว!”
“พูดออกมาตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ พวกเราถูกเปิดเผยตัวแล้วก็เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น…”
เจียงหลานพูดปลอบใจเขา
“วัวหายไปแล้ว เรามาคิดวิธีล้อมคอกกันจะดีกว่า”
“ท่านอาจารย์!” ถังรั่วเวยฟังเสียงประกาศของพวกหุ่นกลเหล่านั้นสักครู่จึงถามออกมา “หุ่นกลกลุ่มนี้ไม่ได้บุกโจมตีในทันที ท่าทีที่พวกมันมีต่อสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุไม่เหมือนกับที่พวกมันมีต่ออสูรกระมัง?”
ไป๋ชิวหรานได้ยินศิษย์ของตัวเองพูดเช่นนี้แล้วจึงครุ่นคิดขึ้นมา
อย่างไรเสียก็ถูกเปิดเผยตัวแล้ว หุ่นกลกลุ่มนี้ก็รู้แล้วเช่นกันว่าในถิ่นของอสูรมีกำลังกลุ่มอื่นที่แตกต่างไปจากตัวของพวกมันปะปนอยู่ สู้หยุดและลองดูท่าทีของหุ่นกลเหล่านี้ว่าคิดอย่างไรต่อสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุน่าจะดีกว่า
ไป๋ชิวหรานบอกความคิดของตัวเองกับทุกคน หลังจากฟังแล้ว ทุกคนล้วนเห็นด้วยกับความคิดนี้
ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงลดความเร็วลง แล้วหยุดเรืออยู่บนพื้นราบแห่งหนึ่ง
ด้านหลังนั้นเอง หุ่นกลกลุ่มนั้นเห็นว่าวัตถุบินได้ที่ตัวเองไล่ติดตามหยุดลงแล้วจึงพากันเพิ่มความเร็ว! หุ่นกลในรูปแบบต่าง ๆ พากันโอบล้อมเรือในฉับพลัน อาวุธทุกประเภทและทุกชนิดตั้งแต่ลำแสงกระบี่จนถึงระเบิดล้วนเล็งมาที่เรือของพวกเขา
จากนั้นหุ่นกลผู้เป็นผู้นำทัพมือถือกระบี่กับคบเพลิงก็มาอยู่ตรงหน้า ตะโกนบอกพวกเขาว่า “เชิญลงมา และรับการตรวจสอบจากพวกเรา”
ประตูเรือเปิดออกช้า ๆ ไป๋ชิวหรานประคองจื้อเซียนเดินออกมาพร้อมกับเจียงหลานและถังรั่วเวย
ทั้งสามยกมือขึ้นเหนือหัว ในมือของไป๋ชิวหรานยังประคองหัวกระโหลก ดูแล้วให้ความรู้สึกทั้งจริงใจและทั้งประหลาดพิกล
“ท่าน…”
ไป๋ชิวหรานทำท่าทางหวาดกลัว กล่าวกับหุ่นกลกลุ่มนี้ด้วยความนอบน้อม
“พวกเราเป็นแค่ชาวบ้าน”
“มนุษย์รึ”
ขณะที่มองดูพวกของไป๋ชิวหราน หุ่นกลกลุ่มนี้ดูเหมือนจะนิ่งตะลึงไปเล็กน้อย ถัดจากนั้นไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ ๆ ไป๋ชิวหรานก็รู้สึกว่าท่าทีที่พวกมันแสดงต่อตนเองนั้นดีขึ้น
“ดูท่าทางคงเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุ”
หุ่นกลจากกองกำลังแห่งฟากฟ้าที่ถือคบเพลิงก้มหน้าลง ดวงตาทั้งสองปล่อยประกายแสงสีทองฉายออกมาอาบไล้ร่างของพวกของไป๋ชิวหราน จิตสำนึกของชายหนุ่มรับรู้ได้ในทันใดว่ามีคลื่นประหลาดบางอย่างกำลังสำรวจทั่วทั้งร่างของตนเอง
หุ่นกลจากกองกำลังแห่งฟากฟ้าตนนั้น ด้านหนึ่งตรวจสอบ ส่วนอีกด้านหนึ่งถามด้วยสำเนียงไร้ชีวิต
“ทางนี้คือเขตแดนของอสูร พวกเจ้าทำอะไรในถิ่นของอสูรเหล่านี้?”
“เขตแดนของอสูรรึ?” ไป๋ชิวหรานชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเงยหน้าตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท่านเทพไม่ทราบหรือว่าพวกเรา…”
ขณะนี้เอง หุ่นกลจากกองกำลังแห่งฟากฟ้าใช้แสงสีทองตรวจสอบในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา จนมองเห็นเทพอสูรก่อสร้างรากฐานผู้เกรียงไกรยืนอยู่ในนั้น
“อสูร!?”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ ๆ หุ่นกลเหล่านั้นจึงตื่นตระหนกขึ้นมา หุ่นกลจากกองกำลังแห่งฟากฟ้าตนนั้นไม่พูดพล่ามอะไรต่อ ชักกระบี่ฟันไปที่ไป๋ชิวหรานและร้องตะโกนออกมา
“ฆ่าพวกเขาทิ้ง! พวกเขาถูกอสูรควบคุม!”