ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 478 จับมาสักตัวเพื่อศึกษา
บทที่ 478 จับมาสักตัวเพื่อศึกษา
บทที่ 478 จับมาสักตัวเพื่อศึกษา
หลังจากที่ตรวจสอบเจอเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่ยืนอยู่ในทะเลจิตสำนึกของไป๋ชิวหราน หุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและชักกระบี่ฟันไป๋ชิวหรานทันที!
แรงกระบี่ของหุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าตนนี้มีอานุภาพมหาศาลพอสามารถผ่าขุนเขาแบ่งมหาสมุทร ขณะที่ตวัดกระบี่ ทั้งทรวงอกส่งประกายแสงสีทองออกมา นั่นคือพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลออกมาจากคฤหาสน์ม่วงของมัน …เห็นชัดว่าหุ่นกลตนนี้ต้องการจะฆ่าไป๋ชิวหราน
ไป๋ชิวหรานยกฝ่ามือประกบคมกระบี่ของหุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าฃ ขณะเดียวกัน บรรดาหุ่นกลบริเวณรอบ ๆ ที่คอยเล็งยานนาวาอยู่ก่อนหน้าก็ยิงมาที่พวกของไป๋ชิวหรานในทันใด!
ในระยะห่างแนบชิดเกือบจะติดหน้า ระเบิด กระบี่ และยุทธภัณฑ์หกรูอันมีอานุภาพยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็พุ่งมายังคนทั้งสาม ในช่วงระยะเวลาไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจ ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดบางสิ่งได้อย่างรวดเร็ว
ฉับพลัน กาลเวลาก็หยุดลงชั่วครู่! ทว่าไม่มีใครรู้สึกได้ และเวลาต่อมา การโจมตีนานาชนิดกลับปะทะยานนาวาแห่งความว่างเปล่าแทน ท่ามกลางการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ ยานนาวาลำนี้แตกสลายกลายเป็นเศษซาก!
“ช้าก่อน!”
เสียงของไป๋ชิวหรานดังขึ้นจากที่ไกลออกไป หัวของเหล่าหุ่นกลหมุนอย่างพร้อมเพรียงกัน บางตัวถึงกับหมุนจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อมองไปยังทิศทางที่มาของเสียง
ไป๋ชิวหลานยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น มือหนึ่งอุ้มเจียงหลาน อีกมือหนึ่งอุ้มถังรั่วเวย ส่วนจื้อเซียนถูกแขวนอยู่บนเอว เขาเหยียบกระบี่เทวดาที่ส่งประกายแสงสีฟ้าราวกับน้ำในมหาสมุทรไว้ใต้เท้า
“พวกเราไม่ได้ถูกอสูรครอบงำ!”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“อสูรในทะเลความคิดตนนี้เป็นอาจารย์อสูรที่แบ่งแยกมาจากเราเอง”
ได้ยินไป๋ชิวหรานกล่าวเช่นนี้ หุ่นกลเหล่านั้นราวกับเกิดความสับสนขึ้นมา ทว่าเพียงครู่เดียวหุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าที่เริ่มโจมตีก่อนเป็นตนแรกตนนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้ชีวิตชีวา
“ปฏิบัติตามคำสั่งสูงสุด ทำลายอสูรทั้งหมด! อสูรจะต้องตาย โจมตีเป้าหมายได้!”
“ให้ตายสิ!”
ไป๋ชิวหรานกระทืบเท้า
“ไม่ฟังความผู้ใหญ่ ไม่รู้ความผิดตน!”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคำด่าทอของเขาไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดแม้แต่น้อยนิด หุ่นกลเหล่านั้นปรับทิศทางโจมตีพวกเขาแล้ว
ไป๋ชิวหรานยกขาขึ้นเตะหุ่นกลพร้อมรบที่ลอยเข้ามาใกล้ตัว ครู่ถัดมา กระบี่คู่ใจก็กลายเป็นลำแสงสีน้ำเงินพุ่งประวาตผ่านเหล่าหุ่นกลด้วยความเร็วสูงสุด! ฉวัดเฉวียนอยู่ในกองทัพสักครู่ จากนั้นจึงวกกลับหนีไปทางส่วนลึกของดินแดนแห่งความตระหนักรู้โดยไม่ย้อนกลับมา
พวกหุ่นกลเหล่านั้นติดตามอยู่สักครู่ ทว่าลำแสงกระบี่นั้นรวดเร็วจนเกินไป อีกทั้งภายในดินแดนแห่งความตระหนักรู้อันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่นานนัก เป้าหมายก็หลุดพ้นจากการไล่ล่าของพวกมัน
เมื่อหันกลับไปนับจำนวนคนในกองทัพ… กลับพบว่าหุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าผู้ออกคำสั่งในในตอนแรกหายตัวไปเสียแล้ว!?
…
ลำแสงกระบี่ยังคงเคลื่อนตัวต่อไปจนมาถึงด้านนอกโลกวัตถุ มาถึงเรือสำรวจของแดนเซียนกระบี่คู่ใจของไป๋ชิวหรานแทรกตัวเข้าไปตามหาคณะสำรวจของแดนเซียนที่กำลังทำการตรวจสอบเก็บตัวอย่างซากร่องรอย
เซียนกลุ่มนี้มีศักยภาพในการทำงานสูง ไป๋ชิวหรานออกไปไม่กี่วัน พวกเขาก็สามารถนำเมืองเก่าเมืองหนึ่งออกมาจากมิติทับซ้อนได้ ตอนนี้พวกเขาใช้พลังเซียนควบคุมเมืองโบราณแห่งนี้ให้ลอยอยู่ในจักรวาล จากนั้นเซียนจึงทำการศึกษาเนื้อหาสาระของซากอารยธรรมนี้
ไป๋ชิวหรานตรงไปหาเซียนหงเฉิน เมื่อเห็นสีหน้าอันผิดปกติของไป๋ชิวหรานแล้ว เซียนหงเฉินถามในทันใด
“ท่านบรรพชนกระบี่เป็นอะไรไป?สีหน้ารีบร้อนยิ่งนัก หรือว่าออกไปครั้งนี้เจอเรื่องอะไรเข้าเช่นนั้นรึ?”
“อืม!”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“พวกเราเจอกองทัพอสูรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ จากนั้นสืบเสาะไปเรื่อย ๆ จนหาตัวผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้เจอ แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็พบกับกำลังกลุ่มใหม่ด้วยเช่นกัน…”
ไป๋ชิวหรานบอกเรื่องที่ตัวเองประสบเจอกองทัพหุ่นกลให้เซียนหงเฉินฟัง ทั้งยังเอื้อมมือกวาดออกไป ฉับพลันของสิ่งหนึ่งถูกหยิบออกมาจากทะเลจิตสำนึก
“เจ้าดูสิ มันเป็นลักษณะแบบนี้!”
สิ่งที่ไป๋ชิวหรานคว้าออกมาก็คือหุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าที่ชักกระบี่โจมตีเขาก่อนเป็นตัวแรก ชั่วขณะที่เข้าสู่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า ตอนที่ไปชิวหรานใช้วิชาหยุดเวลาเพื่อหลบการโจมตี ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงคฤหาสถ์สีม่วงที่ควบคุมหุ่นกลตนนี้ หลังจากที่พยายามพูดอธิบายแต่ไม่เป็นผล ไป๋ชิวหรานจึงพุ่งเข้าใส่กองทัพหุ่นกลและจับมันกลับมาด้วย! ส่วนวิญญาณที่ควบคุมหุ่นกลนี้ของมันถูกเขาจับขังไว้ในหินสะกดวิญญาณที่ยมโลกผลิตออกมาเป็นพิเศษ
“ของแบบนี้…”
เซียนหงเฉินนิ่งไปเล็กน้อย เดินวนรอบตัวหุ่นกลตนนี้สองรอบ จากนั้นเอื้อมมือออกไปแตะที่หน้าอกของมัน
เปลือกนอกสุดของชั้นผิวทรวงอกของหุ่นกลก็ถูกกรีดออกชั่วคราว เผยให้เห็นโครงสร้างกลไกอันซับซ้อนภายและยังมีคฤหาสน์ม่วงของหุ่นกลตัวนี้อีกด้วย
“คฤหาสน์ม่วงนี้เป็นฝีมือมนุษย์…”
ครั้นเห็นปฐมวิญญาณที่หลับใหลอยู่ในคฤหาสน์ม่วง ทั้งยังมีแผ่นดินใหญ่ที่ก่อตัวเป็นรูปร่างใต้ฝ่าเท้าของปฐมวิญญาณ จิตใจของเซียนหงเฉินค่อย ๆ สลดหดหู่ลงไปทีละน้อย
“ที่นั่นเป็นเขตแดนเซียน”
”เห็นได้ชัดว่าหุ่นกลตนนี้มีความเกี่ยวข้องกับซู่หัวอย่างแน่นอน“
ไป๋ชิวหรานกล่าวเสริม
“ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เขาประดิษฐ์ ‘อาวุธ’ ชิ้นนั้น แท้จริงแล้วเขาผนึกความคิดเช่นใดเข้าไป อาจจะมีความสุขุมในสมรภูมิคับขัน และอาจจะสามารถเผาหยกผลาญศิลาในยามอับจนหมดหนทาง แต่จากสถานการณ์ของซู่หัวที่กำลังหลบหนี เกรงว่าอย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า… อีกทั้งข้าทดสอบดูแล้ว หุ่นกลตนนี้ไม่ได้มีพิษภัยต่อสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุมากนัก แต่เวลาที่เผชิญหน้ากับอสูรก็จะโจมตีอย่างสุดความสามารถ คล้ายกับว่าพวกมันเกิดมาเพื่อฆ่าอสูร …เพราะหลังจากที่ตรวจพบเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานในทะเลจิตสำนึกของข้าแล้ว ไม่ว่าจะอธิบายเช่นใด พวกมันก็ยังมุ่งมั่นที่จะโจมตี!”
“ถ้าเช่นนั้นก็จบเห่กัน…”
เซียนหงเฉินกล่าว
“ความแข็งแกร่งกับเสาหลักของแดนเซียนในตอนนี้มาจากอาจารย์อสูรของท่านบรรพชนกระบี่แทบทั้งสิ้น จากนี้เหล่าเซียนเองก็กำลังฝึกใช้วิชาสร้างแยกอาจารย์อสูรของตนเอง”
“อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเราในตอนนี้คือต้องบอกเรื่องนี้ให้เล่อเจิ้นเทียนรู้”
ไป๋ชิวหรานมองดูเซียนหงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใช่แล้ว…โม่เฉิน เจ้ายังไม่ได้ฝึกสร้างร่างอาจารย์อสูรใช่ไหม?”
“ศิษย์โง่เขลายิ่งนัก ตอนนี้ยังฝึกไม่สำเร็จ!”
เซียนหงเฉินกล่าวด้วยความละอาย
ไป๋ชิวหรานไม่เชื่อคำกล่าวถ่อมตนของเซียนหงเฉิน
ไป๋ชิวหรานเองก็ทำความเข้าใจศิษย์สามคนของไป๋ลี่ที่มีชีวิตอยู่อย่างคร่าว ๆ มาบ้างแล้วเช่นกัน
หงเฉินคนนี้ค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ไม่ว่าจะเอ่ยถึงในแง่ไหนก็ล้วนเป็นจักรพรรดิ์เซียนผู้เก่งกาจทั้งสิ้น วิชาสร้างมิติของเขาแทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้ แต่เขามักจะคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติพอ
ถึงตอนนี้เซียนหงเฉินก็ยังไม่สามารถสร้างอาจารย์อสูรของตนเองได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขาทำไม่ได้ แต่สาเหตุที่เป็นไปได้มากคือตอนอยู่แดนเซียน เขากับพวกของเจิ้นเทียนมีสิ่งอื่นที่ต้องทำมากเกินไป
ถึงแม้เวลาอยู่ต่อหน้าไป๋ชิวหราน เล่อเจิ้นเทียนก็ค่อนข้างถ่อนตนเช่นเดียวกัน ทว่าเขาคล้ายกับอาจารย์ คือมีอัธยาศัย มีแรงดึงดูดให้คนอื่นใกล้ชิด จึงสามารถเรียกรวมสมัครพรรคพวก อีกทั้งศิลปะการพูดก็ยังมีมากกว่าศิษย์น้องมาก
สำหรับจักรพรรดิ์เซียนซู่หัว ไป๋ชิวหรานเห็นแต่เพียงด้านหนึ่งของความไร้พรสวรรค์หลังจากสูญเสียความทรงจำกับความสามารถไปเท่านั้น ทว่าดูจากสิ่งที่หลงเหลือเหล่าอยู่แล้ว ที่ไป๋ลี่บอกว่าจักรพรรดิ์เซียนซู่หัวคล้ายเขามากที่สุดใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว
อย่างน้อยเขาก็เหมือนกับไป๋ชิวหราน คือชอบสร้างสิ่งประดิษฐ์พิศดารอยู่เสมอ
“เหล่าคณะสำรวจของแดนเซียนกลุ่มนี้ก็ยังฝึกไม่สามารถสร้างอาจารย์อสูรได้เช่นกัน”
ครั้นเห็นแววตาของไป๋ชิวหรานจับจ้องไปที่เซียนคนอื่น ๆ เซียนหงเฉินจึงพูดเสริมขึ้นมา
“ดีเหลือเกิน…”
ไป๋ชิวหรานคิดสักครู่
“ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็จงอยู่ที่นี่! ศึกษาซากร่องรอยกันต่อ.. .ขับยานนาวาตรวจสอบเข้ามาในระนาบโลกวัตถุ อย่าจอดทิ้งในสายธารแห่งความว่างเปล่า และอย่าได้ออกไป รอฟังข่าวจากข้า หลังจากที่ข้ากลับมาแล้ว จะรีบมาแจ้งข่าวกับพวกเจ้าต่อไป!”