ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 483 ฝั่งตรงข้ามของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
บทที่ 483 ฝั่งตรงข้ามของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
บทที่ 483 ฝั่งตรงข้ามของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
ลึกเข้าไปในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ ใกล้กับป้อมปราการของกองทัพหุ่นกล
ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยซ่อนอยู่ด้านหลังของโลกวัตถุแห่งนี้ และสังเกตเส้นทางการเดินลาดตระเวนของหุ่นกลอย่างระมัดระวัง
“ท่านอาจารย์”
ถังรั่วเวยสังเกตไปพลางร้องบ่นไปพลาง
“เหตุใดจึงต้องลากข้ามาที่นี่ด้วย ปฏิบัติการลับเช่นนี้ ยิ่งมีคนน้อยก็ยิ่งดีไม่ใช่รึ?”
“อย่าพูดมาก! อย่างไรเสีย ทิ้งเจ้าไว้ที่บ้านก็เป็นได้แค่นั่งกินนอนกินรอความตาย สู้ติดตามข้าออกมายืดเส้นยืดสายสลายพลังงานพุงที่สะสมของเจ้าให้หมด ๆ ไปจะดีกว่า!”
ไป๋ชิวหรานชายตามองไปที่หุ่นกลทางนั้น จนในที่สุดก็รู้เส้นทางการเดินลาดตระเวนของหุ่นกลอย่างแน่ชัด
“เร็วหน่อย! จะบุกเข้าไปแล้ว ลดหัวลงต่ำหน่อย!”
ถังรั่วเวยบ่นอุบอิบด้วยความคับแค้นใจ แต่ก็ยังลดศีรษะลงต่ำแต่โดยดี
ไป๋ชิวหรานบังคับควบคุมวารีสารทกระจ่างฟ้าและยังควบคุมลำแสงที่เกิดจากกระบี่ให้เล็ดลอดผ่านการเดินลาดตระเวนของหุ่นกลได้ ทะลุผ่านป้อมปราการอย่างเงียบ ๆ จนมุดเข้าไปอีกด้านของสายธารแห่งความว่างเปล่าจากช่องทางนั้น
มาถึงด้านนี้ สิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็นก็คือสายธารแห่งความว่างเปล่าระยิบระยับซึ่งประกอบกันขึ้นจากพลังงาน รวมถึงโลกวัตถุนับไม่ถ้วนที่อุบัติขึ้นรอบสายธารแห่งความว่างเปล่าราวกับดวงดาวเต็มท้องฟ้า
สายธารแห่งความว่างเปล่าไหลมาจากต้นน้ำแดนเซียนที่ห่างไกลออกไป ถึงแม้ในความว่างเปล่าจะไร้ขอบเขต ทว่าโลกวัตถุส่วนใหญ่ยังคงอุบัติและวนรอบสายธารพลังงานสายนี้
เนื่องด้วยสายธารมีพายุพลังงานที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ฉีกแหวกความว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา ในความว่างเปล่าเริ่มมีมิติน้อยใหญ่ขึ้นมากมาย และโลกวัตถุส่วนมากอุบัติขึ้นกลางมิติที่ถูกแหวกออกอย่างไม่อาจควบคุมเหล่านี้
ทว่าที่ไม่มีสายธารแห่งความว่างเปล่าในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ เป็นเพราะกำแพงแห่งความตระหนักรู้ที่อารยธรรมสร้างขึ้นนั้นมีความแข็งแกร่งและได้รับการออกแบบอย่างประณีต
ที่ผิวนอกของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ มีการออกแบบพิเศษเพื่อต้านทานการกระแทกของสายธารแห่งความว่างเปล่า ด้วยเหตุนี้ เมื่อสายธารแห่งความว่างเปล่าของแดนเซียนไหลไปใกล้กำแพงแห่งความตระหนักรู้ จึงแยกออกเป็นสองสายที่หน้ากำแพง แล้ววนรอบดินแดนแห่งความตระหนักรู้ที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตหนึ่งรอบใหญ่ ๆ ทว่าตอนนี้มาดูแล้ว
สายธารแห่งความว่างเปล่าสองส่วนนี้น่าจะมาจากด้านซ้ายขวาและไหลรวมเข้าด้วยกันอีกครั้งที่กำแพงแห่งความตระหนักรู้อีกด้านจนเกิดเป็นสายธารขนาดใหญ่ ก่อนจะไหลต่อไปยังความว่างเปล่าไร้ขอบเขตที่ไกลออกไป
เพราะสายธารแห่งความว่างเปล่าของที่นี่กว้างขึ้น จำนวนโลกวัตถุของทางนี้จึงดูแล้วน้อยกว่าแดนเซียนทางนั้นมาก ดวงดาวระยิบระยับ จนมองไม่เห็นสุดขอบฟ้า
อีกทั้งในความว่างเปล่าทางนี้ ไม่มีทั้งดินแดนแห่งความตระหนักรู้ที่เกี่ยวกระหวัดราวกับใยแมงมุม และไม่มีทั้งม่านพลังที่วิถีสวรรค์สร้างขึ้น ดูแล้วรู้สึกสงบนิ่งมาก
“ไม่เลว”
ขณะล่องกระบี่ลอยคว้างอยู่กลางความว่างเปล่า ไป๋ชิวหรานก็กล่าวชื่นชม
“นี่สิจึงจะเป็นความว่างเปล่าตามแบบที่ควรจะเป็น”
“แบบที่ควรจะเป็นนั้นไม่ผิด…”
ถังรั่วเวยบ่นอุบอิบ
“แต่ไม่ว่าจะเป็นดินแดนแห่งความตระหนักรู้ หรือว่ากฎธรรมใหญ่ ล้วนเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ความก้าวหน้าทั้งสิ้นไม่ใช่รึ? ไม่ว่าจะดีหรือเลว อย่างน้อยพวกมันก็โยงใยโลกวัตถุนับไม่ถ้วนเข้าไว้ด้วยกัน”
“ข้าก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อดีของมันสักหน่อย เพียงแค่กล่าวขึ้นมาเฉย ๆ เท่านั้น”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“อีกทั้งในเมื่อสามารถพัฒนาอารยธรรมหุ่นกลเช่นนั้นออกมาได้ ก็แสดงว่าโลกวัตถุทางนี้จะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มกำลังอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าวิธีการที่พวกมันใช้ต่างไปจากปณิธานของวิถีสวรรค์ ดังนั้นถึงตอนนี้พวกเราก็ยังหาไม่พบเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้พวกเราต้องไปหาเซียนที่ถูกจับที่ไหน?”
“วิธีเดิม”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“หาโลกวัตถุที่อยู่ภายใต้การปกครองของอารยธรรมหุ่นกล พรางตัวเข้าไปดู …แล้วค่อยว่ากันอีกที”
…
ที่บริเวณใกล้ ๆ พวกเขาหาโลกวัตถุที่ด้านนอกมีป้อมปราการหุ่นกลขนาดใหญ่ลอยอยู่ ไป๋ชิวหรานพาถังรั่วเวยเข้าไปด้านในของโลกวัตถุแห่งนั้น หาที่ซ่อนตัว จากนั้นสัมผัสเทวะสังเกตดูโครงสร้างอารยธรรมของโลกวัตถุแห่งนี้
สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาที่อาศัยและสร้างอารยธรรมขึ้นในโลกวัตถุแห่งนี้มีความใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ผิวภายนอกของพวกมันมีสีฟ้า บนหัวมีเขาเกลียวงอกขึ้นมาสองเขา และมีหางงอกออกมาจากก้น
พวกเขามีชีวิตอยู่ในเมืองขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากกลไก ดูแล้วพวกเขามีการดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย สัมผัสเทพเจ้าของไป๋ชิวหรานกวาดดูโลกวัตถุแห่งนี้จนทั่วก็ไม่พบว่ามีการขัดแย้งระหว่างพวกเขา
“แปลงร่างเป็นแบบพวกเขากันก่อน!”
ไป๋ชิวหรานดึงสัมผัสเทพเจ้ากลับมา และกล่าวกับถังรั่วเวย ขณะเดียวกันก็ใช้พลังหลอมสร้างกาย จนไป๋ชิวหรานกลายร่างเป็นชายหนุ่มเผ่าพันธุ์เดียวกับชาวโลกวัตถุนี้
ถังรั่วเวยมองดูไป๋ชิวหรานแล้วก็ใช้พลังหลอมสร้างกายด้วยเช่นกัน เมื่อทำการแปลงร่าง เป็นเพราะการฝึกตนภายนอกของนางด้อยกว่าไป๋ชิวหรานมาก จึงแปลงร่างได้ช้า แต่วิชาหลอมสร้างกายของนางก็สำเร็จถึงขั้นที่ห้าสิบแล้ว จึงสามารถแปลงร่างได้ตามความต้องการของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ถึงรั่วเวยจึงแปลงร่างเป็นผู้หญิงของเผ่าพันธุ์นี้
ทั้งสองเดินไปยังเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ระหว่างที่เดินทาง ไป๋ชิวหรานก็สกัดเอาภาษาของพวกเขาออกมาจากความนึกคิดของพวกเขา
ทว่าไป๋ชิวหรานไม่ได้รับข้อมูลของโลกวัตถุแห่งนี้มากขึ้น สัมผัสเทพเจ้าของเขาแกร่งเกินไป จู่ ๆ เข้าไปสอดแนมประสาทสัมผัสของสิ่งมีชีวิตอื่น อาจจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตนั้นได้
ประชาชนในโลกวัตถุแห่งนี้ล้วนอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ส่วนสถานที่รกร้างนอกเมืองจะมีสัตว์ประหลาดดุร้ายบนโลกวัตถุแห่งนี้อาศัยอยู่เป็นส่วนมาก ยากนักที่จะเห็นเงาของสิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญา หากไม่จำเป็น พวกเขาก็จะไม่ออกมาจากที่พักเช่นกัน
หากย้ายไปเมืองอื่น ๆ พวกเขาก็จะเลือกใช้การคมนาคมแบบมีราง ระหว่างเมืองใหญ่ในโลกวัตถุแห่งนี้ล้วนใช้รางเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน บนรางยังมีแผงกั้นพลังงานเบาบางปกคลุม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าทำลายรางหรือโจมตีอุปกรณ์การคมนาคมแบบมีรางหรือโจมตีประชาชน
ลำพังเพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าอารยธรรมของโลกวัตถุแห่งนี้พัฒนาถึงขั้นที่สูงมากแล้วจริง ๆ
การคมนาคมแบบมีรางระหว่างเมือง บางครั้งก็ยังมีสถานีรองรับให้ผู้มีความจำเป็นต้องออกเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังป่านอกเมือง เพียงแค่ยืนที่หน้าประตูสถานี เดินผ่านเครื่องตรวจจับ และเมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ไม่ใช่สัตว์ป่า ประตูสถานีก็จะเปิดออก จากนั้นสามารถขึ้นบันไดไปบนสถานีโดยสารอุปกรณ์การคมนาคมแบบมีรางได้
ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยมาถึงสถานีแห่งหนึ่งใกล้กับป่านอกเมือง หลังจากที่ผ่านการตรวจจับเข้าไปยังท่าอุปกรณ์การคมนาคมแล้ว ก็เริ่มเลือกเป้าหมายปลายทางผ่านแผ่นเรืองแสง แผ่นเรืองแสงนี้สามารถใช้วิธีสัมผัสเพื่อกดเลือกสถานีได้โดยตรง ดูล้ำสมัยอย่างมาก
ไป๋ชิวหรานกดเลือกเป้าหมายปลายเสร็จ แผ่นเรืองแสงก็ส่งเสียงร้อง ‘ติ๊ด ๆ’ ออกมา ครู่ถัดมาก็มีตั๋วที่มีลักษณะคล้ายกับไพ่สองใบออกมาจากแท่นโลหะใต้แผ่นเรืองแสง
“อ้าว? ช่างประหลาดจริง การโดยสารอุปกรณ์การคมนาคมแบบมีรางเช่นนี้ไม่ต้องใช้เงินหรอกรึ?”
ไป๋ชิวหรานหยิบตั๋วรถสองใบขึ้นมาพลางกล่าวอย่างประหลาดใจ
“หมายความว่า กำลังการผลิตของอารยธรรมนี้คงจะสูงสินะ”
ถังรั่วเวยผู้มีชาติตระกูลกษัตริย์ก็กล่าวชื่นชมเช่นกัน
“ต่อให้เป็นเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน สถานที่ที่มีผู้ฝึกตนบนแผ่นดินคนธรรมดา ก็ยังพบคนหิวโหยได้บ่อย ๆ แต่ที่นี่ กระทั่งค่าโดยสารก็ยังไม่เรียกเก็บ”
“คอยดูกันต่อไป”
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ทุกอย่างที่นี่ดีไปเสียหมด แต่ไป๋ชิวหรานรู้สึกตงิด ๆ ว่ามีส่วนใดที่ผิดปกติ ซึ่งเขาเองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน
ผ่านไปสักครู่ อุปกรณ์การคมนาคมแบบมีรางที่มีลักษณะเหมือนกล่องสีทองขบวนหนึ่งก็ขับเคลื่อนมาจากรางที่ไกลออกไป และหยุดที่ท่าแห่งนี้อย่างช้า ๆ ก่อนจะเปิดออก
ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยสบตากันเพียงชั่วครู่ จากนั้นจึงถือตั๋วขึ้นไปยังอุปกรณ์การคมนาคมขบวนนี้