ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 487 โซ่ตรวนผนึกความคิด
บทที่ 487 โซ่ตรวนผนึกความคิด
บทที่ 487 โซ่ตรวนผนึกความคิด
“แบ่งร่าง?”
ถังรั่วเวยคิดสักครู่ จากนั้นก็กล่าวเตือนสติ
“ท่านอาจารย์ เห็นปฐมวิญญาณแล้วจะขาดสติไม่ได้เป็นอันขาด หุ่นกลเหล่านั้นต้องการจะเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุที่มีความปกติให้เป็นเหมือนพวกมัน คงใช้วิธีดึงวิญญาณพวกเขาออกมาเป็นแน่ ต่อให้พวกเราใช้วิชาหลอมสร้างกายสร้างร่างใหม่ออกมาก็…”
นางยังกล่าวไม่ทันจบ ไป๋ชิวหรานก็ร่ายวิชาปั้นร่างขึ้นมาสองร่างอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากกระดูก อวัยวะภายใน หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ผิวภายนอก จนถึงผม ลักษณะภายนอกนั้นเหมือนกับมนุษย์ผิวสีฟ้าดังที่พวกเขาเป็นอยู่ ไม่เพียงเท่านี้ ไป๋ชิวหรานยังปั้นวิญญาณว่างเปล่าสองตนในแท่นวิญญาณของพวกเขาด้วย
“เจ้าลืมสถานะของท่านอาจารย์เจ้าไปแล้วเช่นนั้นรึ?”
ไป๋ชิวหรานชี้นิ้วจิ้มหน้าผากของถังรั่วเวย
“ปกติข้าให้เจ้าฝึกตนให้ดี เรียนรู้ให้มาก แต่พอเจ้ามีหน้าอกแล้วก็เกียจคร้าน ดูท่าแล้วคงจะจริงดังคำที่ว่าสตรีอกใหญ่ไร้ปัญญา”
ถังรั่วเวยปัดมือไป๋ชิวหรานออก ก่อนกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด
“ไม่มีปัญญาก็ยังดีกว่าไม่มีหน้าอก!”
ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ไส้ในขององค์หญิงรัฐซ่างเสวียนก็ถูกแสดงออกมาหมดเปลือก!
สำหรับนางแล้ว แม้การมีปัญญาจะเป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ทว่าน่าเสียดายที่หากมีอกโตนั้นเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เทียมฟ้า
“นั่น วิญญาณออกมาแล้ว!”
ไป๋ชิวหรานชี้ไปที่วิญญาณบนแท่นทั้งสอง
“ก็ได้ รั่วเวยจะตามไปด้วย!”
ถังรั่วเวยคิดสักครู่ ทำท่าจะร่ายวิชาแยกความคิดลงไป ทว่าไป๋ชิวหรานยั้งนางไว้
“ช้าก่อน ช้าก่อน!”
ไป๋ชิวหรานขัดขวาง
“เช่นนี้ไม่เหมาะสม! ข้านึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา ใช้วิชาแบ่งความคิดเข้าไป ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมนัก เป็นไปได้มากว่าหุ่นกลทางนี้อาจจะสืบทอดวิชาผนึกความคิดของซู่หัวมา ถ้าเจ้าใช้วิขาแบ่งความคิด ระวังจะถูกประทับยันต์กลายเป็นอาวุธของมหาเทพหุ่นกลอะไรนั่น”
“ห้า?”
ถังรั่วเวยร้องตกใจ
“ถ้าเช่นนั้นต้องทำเช่นใด?”
“เคยเรียนวิชาหุ่นเชิดหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานถามนาง
“ไม่เคยเรียนรึ ตอนที่พวกเราอยู่บนยอดเขาชีซิงสำนักกระบี่ชิงหมิง ข้าเก็บวิชาหุ่นเชิดที่ข้าสร้างขึ้นไว้บนชั้นหนังสือในห้องอักษร ดูท่าแล้วเจ้าคงไม่เคยอ่านเลย… ช่างเถอะ วันนี้อาจารย์จะเสริมบทเรียนให้เจ้า ฟังให้ดี…”
ถึงแม้เวลาของพิธีบรรลุจะมีจำกัด ทว่าไป๋ชิวหรานผู้รู้เวลาไม่หวั่นวิตกแม้แต่น้อย เขาปรับการไหลของเวลาในมิติเงากับระนาบสสารให้ตรงกัน จากนั้นบังคับให้ถังรั่วเวยร่ำเรียนวิชาหุ่นเชิด
นิ้วมือทั้งห้าของเขามีเส้นด้ายปรากฏแทรกเข้าไปยังแท่นวิญญาณในร่าง และบังคับร่างที่สร้างขึ้นราวกับหุ่นกระบอกพร้อมกับเส้นด้าย ถัดจากนั้นร่างมนุษย์ผิวสีฟ้าร่างนั้นก็ขยับเขยื้อนยืนเดินนั่งนอน พูดคุยกินอาหาร หรือแม้กระทั่งต่อสู้ หรือเข้าห้องน้ำทำธุระซึ่งล้วนเหมือนกับคนจริง ๆ
“ข้ายังดึงความคิดเส้นหนึ่งเข้าไปให้เป็นคลื่นความคิด จนสามารถตบตาการตรวจสอบของมหาเทพหุ่นกลนั่นได้”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับถังรั่วเวย
“เรียนรู้ให้ดี ทำให้เป็น”
แน่นอนนักว่าความคิดนั้นไม่ใช่ของเขา แต่เป็นความคิดที่ดึงออกมาจากร่างของหุ่นกลกองกำลังแห่งท้องฟ้าที่เขาจับได้เมื่อก่อนหน้านั้น
วิชาหุ่นกลไม่ยากมากนัก อันที่จริงด้วยคุณสมบัติของถังรั่วเวยถือเป็นเรื่องง่ายมาก เมื่อนางบังคับหุ่นเชิดเป็น ก็บังคับร่างหุ่นเชิดกับไป๋ชิวหรานให้ออกมาจากมิติเงากลับไปสู่ระนาบโลกวัตถุ ซึ่งกระแสเวลาของทางนั้นเพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
พิธีบรรลุยังคงดำเนินต่อไป… การรับสมัครยังไม่เสร็จสิ้น
ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยบังคับร่างหุ่นเชิดไปที่จุดรับสมัคร
“เทพสวรรค์!
สีหน้าอาการของร่างหุ่นเชิดที่ไป๋ชิวหรานบังคับเหมือนชาวโลกวัตถุแห่งนี้มาก และกล่าวต่อหุ่นกลที่ทำหน้าที่รับสมัครตนนี้ด้วยความเคารพนบนอบ
“พวกเราสองคนอยากจะสมัคร!”
หุ่นตนที่ทำหน้าที่รับสมัครนั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองปล่อยแสงไฟตรวจจับจนทั่ว เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติอันใดจึงถามขึ้น
“ชื่อ สกุล อายุ”
ไป๋ชิวหรานตอบชื่อกับอายุที่ได้ยินคนในเมืองเส้อหล่าซือเท่อคุยกัน แจ้งออกไปแล้วก็พบว่าเจ้าหน้าที่หุ่นกลไม่ได้ใส่ใจกับข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาสองคนมากนัก พวกมันไม่ได้ตรวจสอบเท็จจริง มันเพียงแค่บันทึก จากนั้นให้ร่างหุ่นกลของไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยไปเข้าแถว
“ประเดี๋ยวข้าเข้าไปก่อน”
ครั้นมาอยู่ในกลุ่มที่รอคัดเลือก ไป๋ชิวหรานหันหน้ามากำชับถังรั่วเวย
“เมื่อข้าหามารตรฐานการประเมินของพวกเขาพบแล้ว จะบอกให้เจ้ารู้ เจ้าจะได้ผ่านการทดสอบ!”
“รับทราบ…”
ไม่นานนักก็ถึงคิวร่างหุ่นเชิดของไป๋ชิวหราน เมื่อหุ่นกลเจ้าหน้าที่ใช้เสียงจักรกลประกาศเรียกชื่อที่เขาตั้งขึ้น หุ่นเชิดของเขาก็ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่หุ่นกลพาตัวไปยังโลงแก้ว
ครั้นประตูโลงแก้วปิด หุ่นเชิดของไป๋ชิวหรานเงยหน้ามองไปก็พบว่าภายในโลงแก้วนี้สลักอักขระยันต์เกี่ยวกับวิญญาณมากมาย
หลังจากที่เข้ามาได้ไม่นาน อักขระยันต์เหล่านี้ก็สว่างขึ้นตามลำดับ ก่อนจะมีพลังกลุ่มหนึ่งทะลักออกมา และเริ่มตรวจสอบวิญญาณกับจิตนึกคิดของเขา
ไป๋ชิวหรานนึกอะไรขึ้นได้จึงส่งสัมผัสเทวะอันบางเบาเข้าไปในจิตนึกคิดของร่างหุ่นเชิดผ่านด้ายที่ใช้บังคับควบคุม
สัมผัสเทวะนี้หลอมรวมเข้าไปในจิตนึกคิดของร่าง ฉับพลันวิญญาณว่างเปล่าในจิตนึกคิดก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า
เมื่อพลังที่อยู่บนศีรษะสแกนผ่านวิญญาณของไป๋ชิวหราน ไฟแสดงผลบนประตูห้องก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวในทันที
“ยินดีกับอีกัวร์ ผู้สมัครจากเมืองเส้อหล่าซือเท่อ ที่ผ่านพิธีบรรลุเข้าสู่ขั้นเทพสวรรค์แห่งมหาเทพหุ่นกล”
เสียงหุ่นยนต์ของหุ่นกลประกาศต่อคนทั่วทั้งลาน
ในเวลานี้เอง ร่างแท้ไป๋ชิวหรานที่อยู่ในมิติเงาก็หันหน้ามากล่าวกับถังรั่วเวย
“พวกเขาจะตรวจสอบความแข็งแกร่งของวิญญาณผู้สมัครเป็นหลัก อีกประเดี๋ยวเจ้าส่งสัมผัสเทวะของตัวเองเข้าไปสักหน่อยก็ได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ!”
ถังรั่วเวยพยักหน้า นางทำตามที่ไป๋ชิวหรานบอกก็สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างรวดเร็ว
ร่างหุ่นเชิดของทั้งสองถูกหุ่นกลเหล่านั้นพาไปยังด้านหลังม่านแสงพร้อมกับคนอื่น ๆ อีกสี่คน และยังคงแบ่งเป็นกลุ่มละหกคนเหมือนเดิม จากนั้นจึงถูกส่งเข้าไปในห้องหล่อเลี้ยง
ประตูห้องหล่อเลี้ยงปิดลง ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยรับรู้ว่าร่างหุ่นเชิดของตัวเองขณะนี้หมดสติไปเพราะพลังขับกล่อมบางอย่าง จากนั้นก็เริ่มควบคุมร่างไม่ได้
พลังบางอย่างดึงวิญญาณว่างเปล่าที่พวกเขาทั้งสองใช้ทำเป็นหุ่นเชิดออกนอกร่าง จากนั้นก็ดึงเข้าสู่ร่างของกองกำลังหุ่นกลตัวใหม่เอี่ยม!
ยังดีที่ไป๋ชิวหรานพัฒนาวิชาหุ่นเชิด สามารถควบคุมวิญญาณว่างเปล่าได้โดยตรง ดังนั้นแม้วิญญาณว่างเปล่าของพวกเขาเข้าสู่ร่างของหุ่นกลนั่นแล้ว ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยก็ยังคงสามารถควบคุมได้
ทว่าวิญญาณว่างเปล่าที่พวกเขาปั้นขึ้นได้เข้าสู่แท่นวิญญาณประดิษฐ์ของร่างหุ่นกลจักรกลแล้ว หุ่นจักรกลนี้ไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่นในทันที! ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าภายในโลงแก้วนี้มีพลังแห่งความความนึกคิดอันยิ่งใหญ่แล่นผ่านสายหลอดเข้ามาอย่างลับ ๆ
อักขระยันต์บนเพดานห้องหล่อเลี้ยงสว่างขึ้น พลังบางอย่างสลักกฎเกณฑ์บังคับหลายข้อลงบนความคิดของวิญญาณว่างเปล่า
ไป๋ชิวหรานรู้สึกได้ถึงที่มาของความซื่อสัตย์เที่ยงตรงกลุ่มนี้อย่างเงียบ ๆ
นั่นคือวิชาที่จักรพรรดิเซียนซู่หัวสร้างขึ้น และมีนามว่า ‘โซ่ตรวนผนึกความคิด’