ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 493 เหตุใดจักรพรรดิเซียนจึงมีสภาวะไตบกพร่อง
บทที่ 493 เหตุใดจักรพรรดิเซียนจึงมีสภาวะไตบกพร่อง?
บทที่ 493 เหตุใดจักรพรรดิเซียนจึงมีสภาวะไตบกพร่อง?
“โอ๊ย!! ไม่สามารถหยุดยั้งเหล่าหุ่นกลนั้นได้จริง ๆ!”
จักรพรรดิเซียนเล่อเจิ้นเทียนนั่งอยู่กลางห้องโถงเสร็จสิ้นการจัดการกับเอกสารต่าง ๆ เขายืดเอวขึ้นพร้อมกับบิดเอวไปมาอย่างเกียจคร้าน
โคลนสีเงินที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่เซียนจับจ้องมาจากด้านหลัง ในขณะที่อวัยวะรับสัมผัสต่าง ๆ ในร่างกายกำลังพยายามอ่านข้อมูลทางกายภาพของจักรพรรดิเซียนในเวลานี้
แข็งแกร่งมาก! แข็งแกร่งยิ่งกว่าหุ่นกลระดับเริ่นตี้! ทั้งจุดลมปราณ คฤหาสน์สีม่วง และปฐมวิญญาณ ทุกสิ่งล้วนบริสุทธิ์และทรงพลังอย่างไร้ผู้ใดเทียบ เมื่อจักรพรรดิเซียนผู้เกียจคร้านตรงหน้านี้เข้าสู่การต่อสู้ ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ในคราวเดียว!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้โคลนสีเงินรู้สึกมึนงงเล็กน้อยคือ จากข้อมูลที่มันได้รับ ดูเหมือนว่าร่างกายของจักรพรรดิเซียนที่ดูแข็งแกร่งกลับมีไตไม่แข็งแรง?
มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อาจจะเป็นเพียงความรู้สึกที่สึกหรอสักหน่อยหลังจากใช้งานมานานเกินไป…
มันระงับความสงสัยในใจ โคลนสีเงินฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง จากนั้นยืนอยู่เฉย ๆ ราวกับเจ้าหน้าที่ตัวจริงพร้อมรับฟังคำสั่งของจักรพรรดิเซียนอย่างตั้งใจ
“กล่าวอีกอย่าง หลังจากเกิดหายนะ อารยธรรมสามารถเปลี่ยนแปลงและก่อกำเนิดขึ้นใหม่ได้”
เล่อเจิ้นเทียนบิดหลังส่วนล่างของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“แต่การนั่งในท่านี้นาน ๆ ทำข้าปวดเมื่อยไม่น้อย อย่างไรแล้วข้าต้องการพักผ่อนสักหน่อย ชิงซง”
“ขอรับ”
เจ้าหน้าที่ผู้ถูกเปลี่ยนตัวโดยโคลนสีเงินโค้งคำนับ
“ไปเอาชาจากหญ้าสวรรค์มาให้ข้าที”
เล่อเจิ้นเทียนคิดสักครู่ก่อนจะกล่าวเสริมอีกว่า
“ใส่โสมตังกุยมาด้วยล่ะ”
“ทราบแล้ว”
ซื่อเฉินหยิบชาหญ้าสวรรค์มาให้เล่อเจิ้นเทียนอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิเซียนหยิบยกขึ้นจิบ กลิ่มหอมของชาโชยเข้าจมูกก่อเกิดความสดชื่น และทำให้จิตใจที่เหนื่อยล้าของเขาผ่อนคลายในทันที
ที่สำคัญ ตังกุยที่ถูกเติมลงในน้ำชากลายเป็นพลังความร้อนหล่อเลี้ยงเอวที่กำลังปวดเมื่อยของเขาเป็นอย่างดี สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิเล่อเจิ้นเทียนราวกับได้จุติใหม่อีกครั้ง
“สิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้เป็นความจริง”
เล่อเจิ้นเทียนวางถ้วยชาลงพร้อมกลับไปนั่งที่ของตนเอง
“หลังจากนี้ชายชราควรพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่บรรพชนกระบี่ของข้าออกไปสำรวจหุ่นกลด้วยตนเองในฐานะสายลับ ข้าก็ไม่ควรจะยอมแพ้เหล่านั้นใช่หรือไม่ ชิงซง?”
“ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องแล้วขอรับ”
เจ้าหน้านี่เซียนก้มศีรษะกล่าวตอบ
อย่างไรก็ตาม กลไกในร่างกายนับไม่ถ้วนของมันกำลังวิเคราะห์สิ่งที่เล่อเจิ้นเทียนกล่าวออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า ดินแดนของมัน… กำลังถูกเหล่าเซียนแทรกซึม!?
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษที่เล่อเจิ้นเทียนกล่าว มันพยายามดึงข้อมูลจากความทรงจำของเจ้าหน้าที่ผู้นี้
…แต่ก็ไม่ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์มากนัก
รู้เพียงว่าเป็นผู้ที่สร้างแดนเซียน และปกครองเผ่าพันธุ์มนุษย์ภายในโลกที่ถูกเรียกว่าเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินคือจักรพรรดิเซียนองค์แรก และเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิเซียนเล่อเจิ้นเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขา
เวลานี้อีกฝ่ายกลับชาติไปเกิดใหม่ ดังนั้นแดนเซียนจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของเล่อเจิ้นเทียน และอาจารย์ของจักรพรรดิเซียนองค์แรกคือบรรพชนกระบี่ คนผู้นั้นคือผู้มอบกฎแห่งการฝึกฝนอมตะให้กับเหล่ามนุษย์
เขาถูกเหล่าเซียนทั้งหมดเรียกขานว่าบรรพชนกระบี่ และเป็นบุคคลลึกลับ มีจักรพรรดิเซียนเพียงไม่กี่คนในแดนเซียนกลางเท่านั้นที่ทราบถึงรายละเอียดของเขา เหตุผลที่พอจะได้รับทราบข้อมูลบางอย่างจากเจ้าหน้าที่เซียนผู้นี้เป็นเพราะชายคนนี้คือผู้ติดตามเล่อเจิ้นเทียน จึงสามารถรับรู้ได้บางสิ่ง
“วันนี้ข้าจัดการงานหมดสิ้นแล้ว เจ้าเลิกงานได้…”
เล่อเจิ้นเทียนกล่าวคำอย่างสบาย ๆ
“อ้อ! วันนี้เจ้าไม่ไปฉลองครบรอบแต่งงานกับภรรยาหรอกหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้รีรอ! ไม่เช่นนั้นนางคงจะต่อว่าเจ้าไปอีกเป็นปี!”
“เข้าใจแล้วขอรับ…”
โคลนสีเงินตอบกลับเล่อเจิ้นเทียนอย่างรับทราบถึงความเห็นใจ
หลังจากกล่าวกับเล่อเจิ้นเทียนเสร็จสิ้น โคลนสีเงินก็เปลี่ยนชุดของเจ้าหน้าที่เซียนออก พร้อมกับสวมชุดลำลองปกติ และออกจากราชวังเซียนภายใต้สายตาที่จับจ้องของเหล่าเจ้าหน้าที่พระราชวังเซียนคนอื่น ๆ
เมื่อถึงมุมลับตา มันจึงเปลี่ยนกลับสู่ร่างเดิม และพุ่งเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่เซียนซึ่งควบคุมเรือส่วนตัว! ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเป็นคนผู้นั้น และขับยานออกไปมุ่งสู่เก้าทวีปมหาสิบแผ่นดิน!!
มันใช้วัตถุเวทอ่านจิตใจเพื่อดึงข้อมูลออกจากร่างกายเล่อเจิ้นเทียน แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงหุ่นเชิดหน่วยข่าวกรอง มันไม่อาจรองรับพลังที่แข็งแกร่งกว่าได้ อีกทั้งพลังการต่อสู้ของมันก็ยังอ่อนด้อยกว่าหุ่นกลทั่วไปด้วย
ไม่ต้องกล่าวถึงการดูดข้อมูลจากจักรพรรดิเซียน แม้ว่ามันจะไม่อาจต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนได้ แต่หากมันไปลอบอ่านความคิดคนผู้นั้น มันก็เสี่ยงที่จะถูกจับกุมทันที!
มีเพียงจักรพรรดิเซียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบถึงสถานการณ์ของบรรพชนกระบี่ อย่างไรก็ตาม มันก็ทราบว่าบรรพชนกระบี่อาศัยอยู่ในโลกใดก่อนที่จะเข้าสู่เขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้ อย่างไรแล้ว การจัดการกับจักรพรรดิเซียนเป็นเรื่องยากลำบาก เช่นนี้มันจึงเลือกที่จะเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนที่มีระดับขั้นต่ำต้อยกว่า
ก้อนเนื้อยื่นออกจากไหล่ของหุ่นกลกลายเป็นปีก ก่อนโคลนสีเงินจะเริ่มเบิดตัวกลายเป็นเรือบินลำเล็กพุ่งออกจากเรือลำนี้ ก่อนจะบินตรงไปยังปราการกีดขวางของเขตแดนจิตสำนึก มันจะนำข่าวสำคัญกลับสู่โลกของตนเองว่ามีมนุษย์เซียนลอบเข้าสู่หุ่นกล!
ในขณะที่ร่างหลักของหุ่นกลเซียนลงจอดในท่าเรือที่ว่างเปล่า ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เก้าทวีปมหาสิบแผ่นดินต่อไป!
…
หลังจากเดินมาสักพักใหญ่ ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยได้ตรวจสอบห้องขังทั้งหมดในเรือนจำแห่งนี้
น่าเสียดายที่เหล่าเซียนที่ถูกจับเป็นเชลยไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ในเรือนจำเซินลาต๋าที่หนึ่ง นอกจากชาวอารยธรรมหลันผีแล้ว ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยยังพบกับนักโทษเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
หลังจากได้ศึกษาภาษาของพวกเขาผ่านสัมผัสเทวะแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงพบว่าพวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับชาวอารยธรรมหลันผี ทั้งหมดมีความสามารถในการใช้ชีวิต สามารถคิดค้นกลไก และยังมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยังคงใช้ภาษาพื้นเมืองของเผ่าพันธุ์ตนเอง และใช้คำสแลงเพื่อสาปแช่งผู้อื่น ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังวางแผนหลบหนีออกจากเรือนจำแข็งแกร่งแห่งนี้
ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยเมินเฉยต่อสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดเหล่านั้นที่คิดวางแผนหลบหนีออกจากเรือนจำ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือพวกเขามากมาย ทำให้พวกเขาสามารถดำเนินการตามแผนได้อย่างรวดเร็ว
เขาเห็นความหวังในแววตาของอัจฉริยะเหล่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่แววที่จงรักภักดีต่อเทพจักรกล ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงคาดเดาว่าภายในขอบเขตของอิทธิพลของเทพจักรกล อาจจะมีการต่อต้านกลไกผนึกซุกซ่อนอยู่
หากเขาและถังรั่วเวยช่วยให้อัจฉริยะเหล่านี้หนีออกจากเรือนจำได้สำเร็จ พวกเขาจะออกค้นหาและช่วยเหลือกองกำลังลึบเหล่านี้ในภายหลังอย่างแน่นอน หลังจากพวกเขาหนีออกไปได้ เวลานั้นไป๋ชิวหรานสามารถใช้ร่างกายของตนเองเพื่อติดตามหา และใช้จดจำกลิ่นอายพลังของพวกเขาเอาไว้เพื่อตรวจสอบตัวตน
ตามที่กล่าว คนที่เข้าใจเราดีที่สุดคือศัตรูของเรา ร่างจำแลงของไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยในฐานะหุ่นกลก้าวขึ้นมาสู่สิ่งมีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะ แม้ว่าทั้งสองจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในตอนท้าย แต่ก็ไม่อาจจะเข้าถึงความลับสุดยอดของเผ่าเทพจักรกลได้
แทนที่จะนั่งรออยู่ในเรือนจำ และรอให้ข้อมูลหล่นลงจากท้องฟ้า ไป๋ชิวหรานตั้งใจว่าจะลองใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อค้นหามันด้วยตนเองก่อน…
แน่นอนว่าทั้งเขาและถังรั่วเวยต้องปฏิบัติการในหุ่นกลต่อไป ไม่อาจละทิ้งได้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ทุกสิ่งต้องดำเนินไปพร้อม ๆ กัน
ด้วยความสะดวกสบายในการทำงานนี้ ไป๋ชิวหรานจึงตั้งใจอย่างมาก และคิดจะสร้างโอกาสให้กับเหล่าผู้มีสติปัญญาที่คิดวางแผนหลบหนีจากเรือนจำ เขานำเครื่องมือที่จำเป็นมาให้ เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการทราบ และยังช่วยเหลือพวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างลับ ๆ
หลังจากที่เขาลงมาที่นี่หนึ่งถึงสองครั้ง เหล่าอัจฉริยะนั้นเริ่มเข้าใจกิจวัตรประจำวันของไป๋ชิวหราน พวกเขาคิดว่าไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยคือสายลับที่แฝงตัวเข้ามาในกองทัพจักรกลเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นเต้นมาก และเวลานี้การหลบหนีก็เริ่มใกล้จะเสร็จสิ้นเต็มที
ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยมาที่นี่ได้ไม่นาน โอกาสที่เหล่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจะหลบหนีออกจากเรือนจำแห่งนี้ก็มาถึง!