ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 507 ตรวนพันธนาการของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
บทที่ 507 ตรวนพันธนาการของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
บทที่ 507 ตรวนพันธนาการของจักรพรรดิเซียนซู่หัว
แล้วทำไมจักรพรรดิเซียนซู่หัวจึงตั้งชื่ออาคมสุดท้ายของเขาว่าตรวนพันธนาการ?
เพราะโซ่ตรวนผนึกความคิดคือการสร้างเส้นทางบนความคิดของผู้อื่น เมื่อความคิดเริ่มเกิดขึ้น มันก็จะเป็นไปตามวิถีที่วางเอาไว้
อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่ เมื่อผู้ถูกผนึกทราบว่ามีเส้นทางในใจแล้ว มันก็ยากที่จะบังคับให้คนผู้นั้นไปสู่จุดหมายเดียวกับที่กำหนด หากต้องการใช้เส้นทางที่ถูกกำหนดไว้นี้ อย่างไรก็ยังสามารถเลือกที่จะอ้อมไปได้แม้จะมีจุดหมายเดียวกัน
ทว่า ‘ตรวนพันธนาการ’ ของจักรพรรดิเซียนซู่หัวนั้นแตกต่าง หน้าที่ของมันไม่ใช่การสร้างเส้นทางบนความคิดของผู้อื่น แต่มันคือการกักขังความคิดของคนผู้นั้นเหมือนกับเชือกที่เอาไว้จูงสุนัข
ความคิดจะไม่มีทางบิดพลิ้ว ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้ตรวน แม้ว่าสิ่งที่ถูกทดลองนี้จะมีสติสัมปชัญญะ แต่ก็ไม่มีทางต่อต้านได้ เช่นเดียวกับสุนัขที่ไม่สามารถต่อต้านเจ้าของผ่านสายจูง
เช่นเดียวกับแนวคิดของไป๋ชิวหรานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายในโลกวัตถุที่เขาใช้กับวิถีสวรรค์นั้นหากเป็นโซ่ตรวนผนึกความคิด วิถีสวรรค์จะสามารถเปลี่ยนความหมายของคำว่า ‘สิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุ’ อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากมันไม่ได้ถูกล่ามไว้ด้วยตรวนพันธนาการ และแนวคิดของมันจะเป็นไปตามที่ไป๋ชิวหรานกำหนด
แน่นอนว่ามีสุนัขตัวใหญ่ที่สามารถลากเจ้าของให้เดินไปตามเส้นทางที่มันต้องการได้ และผู้ทดลองต้องการต่อต้านพลังของผู้เป็นนายด้วยความคิดของตนเอง จนถึงเวลานี้ที่เขาทดลองใช้อาคมนี้แล้ว หากใช้มันกับคนธรรมดาก็เป็นเรื่องไร้สาระที่จะต่อต้าน
แม้แต่มหาเทพหุ่นกลในเวลานี้ ผู้ที่มีเจตจำนงมากมายอยู่ภายในดินแดนจักรกลก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของจักรพรรดิเซียนซู่หัวที่กำหนดความคิดของมันไว้ในอดีต
“ข้าทราบว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่”
มหาเทพหุ่นกลสามารถสัมผัสถึงอารมณ์ของไป๋ชิวหรานได้ผ่านกองทัพปัญญาประดิษฐ์ของมัน
“ข้าทราบกฎที่ผู้สร้างตั้งเอาไว้ และข้าไม่เคยคิดที่จะต่อต้านมัน สำหรับข้าแล้ว กฎเหล่านี้ไม่ใช่เพียงภารกิจตั้งแต่กำเนิดเท่านั้น แต่มันเปรียบเสมือนปานของข้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในร่างกาย แล้วเช่นนั้นจะต่อต้านส่วนหนึ่งของร่างกายเพื่อสิ่งใด?”
“เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดกันอีก!”
น้ำเสียงของไป๋ชิวหรานทุ้มต่ำ
เขาไม่คิดที่จะเกลี้ยกล่อมให้มหาเทพหุ่นกลเปลี่ยนมุมมองระหว่างตนเองกับอาจารย์อสูร เพราะการทำเช่นนั้นมีแต่จะไร้ประโยชน์
แนวคิดของจิตสำนึกมหาเทพหุ่นกลนั้นถูกจักรพรรดิเซียนซู่หัววางเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเซียนซู่หัวคนปัจจุบันถูกไป๋ชิวหรานคืนชีพกลับมาหลังจากที่จิตวิญญาณของเขาแตกสลาย ทั้งหมดต้องใช้ทักษะเวทมนตร์ห้วงเวลาร่วมกับสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดของยมโลก และความทรงจำของเขาหายไปหมดสิ้น ในฐานะผู้สร้างมหาเทพหุ่นกล จักรพรรดิซู่หัวลืมเลือนทุกสิ่งหมดแล้ว
และการตายของจักรพรรดิซู่หัวหมายความว่าแนวคิดของมหาเทพหุ่นกลที่มีเกี่ยวกับอาจารย์อสูรหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ ซึ่งในเวลานั้น ความคิดของจักรพรรดิเซียนซู่หัวจะมีเพียงโหรวเยว่หมิงเท่านั้นที่เป็นอสูรแต่ไม่ใช่ศัตรู
แม้ว่าการกลับชาติมาเกิดของจักรพรรดิเซียนซู่หัวจะมาเปลี่ยนความคิดของมหาเทพหุ่นกลในเวลานี้ได้ มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
“หากไม่สามารถต่อต้านได้ ดังนั้นก็มีแต่ต้องสังหารทิ้งเสีย”
“ไม่ ไม่ใช่! เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แท้จริงข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้สร้างข้าขึ้นมา!” มหาเทพหุ่นกลกล่าวคำ “ข้ามาที่นี่เพื่อให้เจ้าเลือก…”
“เลือกอะไร?”
ไป๋ชิวหรานถามหลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้
“ข้าไม่สามารถต้านทานความคิดที่ต้องการทำลายล้างอาจารย์อสูรได้ และผู้สร้างข้าก็ตายตกไปแล้ว เช่นนั้นแนวคิดของข้าจึงยังคงอยู่ตราบจนสิ้นชีพ”
มหาเทพหุ่นกลกล่าวช้า ๆ
“อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ข้าได้รับจากสายสืบ เดิมทีเจ้าคือสิ่งมีชีวิตที่มีเนื้อหนัง และยังสามารถใช้เวทคาถาได้ แต่อย่างไรแล้วอาจารย์อสูรที่เจ้าสร้างขึ้นยังไม่สมบูรณ์แบบ แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมแพ้เสีย แล้วเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับข้า? หากเป็นเราทั้งสองฝ่ายจับมือกัน เราจะต้องสามารถจัดการทุกสิ่งได้ยอดเยี่ยม เผยแพร่ภูมิปัญญาของพวกเราสู่ห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่นี้!”
“จะเป็นพันธมิตรรึ?” ไป๋ชิวหรานยกยิ้ม “ว่าตามตรง ข้าเพิ่งได้เห็นบทเรียนบางอย่างจากผู้ที่เคยเป็นพันธมิตรกับเจ้า และข้าเห็นชะตากรรมของพวกเขาแล้ว!”
“ข้าต้องทำภารกิจที่ผู้สร้างทิ้งเอาไว้ให้สำเร็จ…”
มหาเทพหุ่นกลกล่าวตอบอย่างใจเย็น
“พวกเขามีสายตาที่คับแคบแล้วยังโง่เขลา สิ่งมีชีวิตทางวัตถุจำนวนมากที่ข้าได้พบ หลังจากมีพลัง สิ่งแรกที่พวกเขาพยายามทำก็คือร้ายสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของตนเอง”
“แม้ว่าพวกเขาจะค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในความคิด เสื่อมถอยกลายเป็นสัตว์ร้าย?”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ
“เจ้าไม่ได้ปกป้องพวกเขา! เจ้าถูกสร้างมาแบบจองจำความนึกคิด อารยธรรมหุ่นกลของเจ้าขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเจ้าเอง หากไม่สามารถอดทนต่อการทำร้ายสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของเหล่ามนุษย์ เจ้าและแดนเซียนของเราก็ถูกลิขิตไม่ให้อยู่ร่วมกัน… อย่าว่าแต่แดนเซียนเลย แม้แต่โลกแห่งผู้ฝึกตนก็ไม่ยินยอม ทุกสิ่งมันโหดร้ายยิ่งกว่าที่กว่าที่เจ้าตระหนักได้เสียอีก”
“คงจะเป็นเช่นนั้น”
มหาเทพหุ่นกลหยุดชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่โปรดพิจารณาเถิด อารยธรรมมหาเทพหุ่นกลของข้าสมบูรณ์แบบแล้ว หากร่วมมือเป็นพันธมิตรกับข้าย่อมดีกว่าร่วมมือกับอาจารย์อสูรที่สร้างขึ้นเองแน่… เป้าหมายเล็ก ๆ ของข้าน่ะมีโรงงานสวรรค์ภายใต้การดูแลของข้า ทำการค้นคว้า ผลิตจุดจื่อฝูและปฐมวิญญาณประดิษฐ์ที่สามารถบรรจุจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุได้ หากพวกเราเป็นพันธมิตรกัน เราจะสามารถทำให้พลเมืองทุกคนกลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นปฐมวิญญาณ และเป็นการถือกำเนิดจุดเริ่มต้นของอารยธรรมการฝึกฝนขั้นปฐมวิญญาณ”
“อะไรนะ? จะให้ทุกคนกลายเป็นขั้นปฐมวิญญาณ?!”
ไป๋ชิวหรานรู้สึกตื่นตระหนก เวลานี้ความคิดของเขาวูบไหวรุนแรง
“แล้ว… เป็นขั้นสร้างรากฐานได้ตั้งแต่กำเนิดเลยหรือ…”
“แน่นอน!”
น้ำเสียงของมหาเทพหุ่นกลเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“แผนการข้านั้นสมบูรณ์แบบ ไม่ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ธรรมชาติ”
“เรื่องนี้…”
ไป๋ชิวหรานเริ่มมีใจเอนเอียงลังเล
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ มหาเทพหุ่นกลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่มันจะเสนอให้อารยธรรมทั้งสองควบรวมเข้าด้วยกันและเสนออนาคตอันรุ่งโรจน์
ไป๋ชิวหรานไม่แสดงอาการลังเลใดเลย เหตุใดชายผู้นี้จึงตื่นเต้น เมื่อมันกล่าวว่าทุกคนสามารถเข้าถึงขั้นปฐมวิญญาณได้? ขนาดที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับศัตรูได้ทุกเมื่อกอดต้นขาของอีกฝ่ายแล้วเรียกขานว่าบิดายังดูเหมือนจะทำได้เลย?
ตรรกะของสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุลึกลับซับซ้อนอย่างยิ่ง แม้แต่ในเผ่าพันธุ์ของผู้สร้างมันก็เช่นกัน
มหาเทพหุ่นกลครุ่นคิด
“มันก็ดี… แต่ยังไม่อาจใช้งานได้จริง!”
หลังจากลังเลอยู่นาน ภายใต้แววตาวูบไหวของถังรั่วเวย ในที่สุดไป๋ชิวหรานก็เอาชนะการล่อลวงจากขั้นปฐมวิญญาณได้สำเร็จ เขาสบฟันแน่นก่อนจะกล่าวปฏิเสธมหาเทพหุ่นกล
“แล้วหากข้าปฏิเสธจะเป็นอย่างไร?”
มหาเทพหุ่นกลกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คนเดียวที่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ควรจะเป็นผู้นำอารยธรรมของเจ้า… บุคคลนั้นถูกเรียกขานว่าจักรพรรดิเซียนใช่หรือไม่? แม้ว่าเจ้าจะได้รับเกียรติในฐานะบรรพชนเซียน เพราะเจ้าดูจะมีพละกำลังอยู่ไม่น้อย แต่ข้าก็ได้ยินมาว่าขั้นการฝึกฝนของเจ้าต่ำต้อยนัก หากคิดให้ดี ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าคงไม่เท่าไหร่… และผู้ปกครองที่ครอบครองอำนาจแท้จริง เขาจะฟังคำแนะนำของบุรุษที่ต่ำต้อยกว่างั้นหรือ?”