ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 51 เหตุผลในการปล่อยตัว
บทที่ 51 เหตุผลในการปล่อยตัว
หลังจากโยนศิษย์ทั้งสองอย่างเผยชานและเผยต้าวให้กับเจ้าของ ไป๋ชิวหรานก็นำถังรั่วเวยและจั่วเหยียนเฟยกลับไปหาซูเซียงเสวี่ย
“ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือซูเซียงเสวี่ย ผู้มีอำนาจสูงสุดของสำนักเหอฮวนในปัจจุบัน และยังเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของพันธมิตรสำนักอสูร”
ไป๋ชิวหรานตบไหล่ของซูเซียงเสวี่ยราวกับสหายโดยไม่ลังเล
“จำไว้ว่าหากเจอนางในอนาคตจงหลบเลี่ยงเสีย”
จั่วเหยียนเฟยและถังรั่วเวยมองหน้ากัน เมื่อเห็นว่าท่าทีของซูเซียงเสวี่ยดูเป็นมิตร ทั้งสองจึงโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ข้าเคยเห็นเจ้าสำนักซูมาก่อน”
“ไม่ต้องกลัวกันหรอก นางผู้นี้เป็นคนปรับเปลี่ยนสำนักใหม่ ภายใต้การนำของนาง สำนักเหอฮวนจึงไม่ได้สังหารผู้อื่นมานานแล้ว ปัจจุบันร้านอาหารในเครือเหอฮวนเปิดสาขาอื่นในหลาย ๆ รัฐ ส่วนกระแสตอบรับก็ค่อนข้างดี”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอธิบาย
“แน่นอนว่าไม่ควรประมาทพวกมือสังหารที่นางฝึกฝน ด้วยวิชาจากสำนักและของราชวงศ์รวมกัน ไม่เพียงแต่จะเรียกหิมะหรือฝนได้ ยังทำให้ชายที่อยู่ขั้นต่ำกว่าปฐมวิญญาณตกหลุมพรางได้ทั้งหมด หากเจ้ากล้าพอก็เรียกนางว่าหญิงมังกรวารี…”
ซูเซียงเสวี่ยกลอกตามอง และยกมือขึ้นตบศีรษะไป๋ชิวหราน ก่อนจะหันไปยิ้มให้ถังรั่วเวยและจั่วเหยียนเฟิง
“อย่าไปฟังเขามากสาวน้อย หากมีปัญหาในอนาคต เจ้าก็มาหาข้าเพื่อขอความช่วยเหลือได้เสมอ แค่เอ่ยนามนับว่าเพียงพอแล้ว”
“ช่างงดงาม… ไม่สิ!”
ถังรั่วเวยส่ายหัวขจัดรสนิยมทางเพศออกไป จากนั้นก็ได้มองไปยังไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าว
“ฟังจากที่ท่านเล่ามา เจ้าสำนักซูมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจงั้นหรือ?”
“ใช่”
ไป๋ชิวหรานมองไปยังซูเซียงเสวี่ย นางพยักหน้าตอบอย่างเย็นชา ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวต่อ
“นางมีสายเลือดมังกรอยู่ครึ่งหนึ่ง จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของเผ่าปีศาจคือมังกรนทีเก้าเศียร อาศัยอยู่ในโลกปีศาจ”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร เผ่าปีศาจ จักรพรรดิปีศาจ โลกปีศาจ มันหมายความว่าอย่างไร?”
ถังรั่วเวยถามต่อ
“เผ่าปีศาจเป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของเหล่าปีศาจทั้งหมด พวกที่เป็นวิญญาณ พืช ภูผา ศิลา หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกมากมาย พวกมันปลุกจิตวิญญาณของตัวเองแล้วฝึกฝน พวกเราจึงเรียกว่าปีศาจตามที่เห็น จักรพรรดิปีศาจคือหัวหน้าของเผ่าปีศาจที่จะรับผิดชอบเรื่องราวทั้งหมดของปีศาจ ส่วนโลกปีศาจเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ถูกเปิดขึ้นกลางมิติที่ว่างเปล่าโดยจักรพรรดิปีศาจรุ่นแรก ซึ่งเชื่อมต่อกับแคว้นทั้งหมดผ่านช่องว่างมิติ”
ไป๋ชิวหรานอธิบาย
“สตรีผู้นี้เป็นทูตจากเผ่าปีศาจ ส่วนจิ้งจอกขาวคือลูกสาวของหนึ่งในสิบราชาปีศาจของเผ่าปีศาจ”
“โอ้!”
ถังรั่วเวยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการทราบมาตลอด
“แล้วเกิดสิ่งใดขึ้นกับปีศาจตัวนั้น เหตุใดดูเกลียดท่านนัก? ท่านทิ้งนางหรือ?”
เพราะนางได้ยินเรื่องราวกับเกี่ยวกับความรักและความเกลียดชังมาไม่น้อยจากพวกองค์หญิงในซ่างเสวียน ดังนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้
“โอ้ นั่นเพราะข้าสังหารมารดาของนาง”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับด้วยท่าทีธรรมดา
“ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะเกลียดข้า”
“อะไรนะ?”
ถังรั่วเวยและจั่วเหยียนเฟยมองเขาอย่างว่างเปล่า
“เมื่อสองพันปีก่อน เผ่ามนุษย์ในเวลานั้นเพิ่งฟื้นฟูจากสงครามกับเผ่าปีศาจ แล้วขับไล่เผ่าปีศาจออกจากแคว้นทั้งหมด เวลานี้เมื่อเห็นว่ามีโอกาส เผ่าปีศาจจึงคิดจะนำกองทัพจากโลกปีศาจกลับมายังแคว้นต่าง ๆ อีกครั้ง”
ซูเซียงเสวี่ยถอนหายใจ ก่อนจะอธิบายต่อจากไป๋ชิวหราน
“นำโดยสำนักหลักทั้งห้าของพันธมิตรวิถีปราณเที่ยงธรรม และสามสำนักหลักของพันธมิตรสำนักอสูร มนุษย์รวบรวมพลังของผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าต่อสู้กับเผ่าปีศาจ เมื่อสิ้นสุดสงครามนี้ อดีตองค์ชายแห่งเผ่าปีศาจออกคำสั่งให้โจมตีหลินโจวเพื่อหาผลประโยชน์ พวกเขาสังหารมนุษย์ที่หลินโจวอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งกินเวลาถึงสิบวันสิบคืน โลหิตไหลท่วมราวกับสายน้ำจนเรียกมันว่า ‘การสังหารหมู่สิบวันแห่งหลินโจว’ แต่ท้ายที่สุดเผ่าปีศาจก็ยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ ขณะที่กำลังหลบหนีกลับโลกปีศาจ มีคนผู้หนึ่งไล่ล่าพวกเขาไปยังโลกปีศาจก่อนจะสังหารองค์ชายของเผ่าปีศาจ กุนซือ และลูกน้องคนสนิท”
“คนนี้คือ…”
ถังรั่วเวยและจั่วเหยียนเฟยมองไปที่ไป๋ชิวหราน
“ฮึ”
ไป๋ชิวหรานยิ้มอย่างภาคภูมิใจพร้อมชี้นิ้วไปที่ตัวเอง
“ใช่แล้ว ไป๋ชิวหรานคนนี้เอง!”
“ข้ากะไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”
ถังรั่วเวยหันศีรษะพร้อมกล่าว
“ซึ่งปีศาจที่มาพร้อมองค์ชายแห่งเผ่าปีศาจในเวลานั้นคือปีศาจที่แปลงร่างมาจากต้นเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ นางมีนามว่า ‘ชุ่ยมู่’ ทั้งกระหายเลือด และปรารถนาจะสังหารมนุษย์ นางผู้นั้นคือมารดาของชุ่ยหลัว!”
เปลือกตาของซูเซียงเสวี่ยลดลงเล็กน้อย
“แน่นอนว่านางทำหน้าที่ในฐานะมารดาได้อย่างดี นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชุ่ยหลัวถึงเกลียดไป๋ชิวหรานเป็นเวลาสองพันปี”
“แล้วชุ่ยหลัวหลังจากแยกทางกับมารดาล่ะ?”
ถังรั่วเวยถามต่อ
“นางไม่เหมือนกับมารดาที่สังหารทุกคนที่ขวางหน้า แต่สังหารแค่คนที่มากวนใจเท่านั้น”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าแขนของผู้อาวุโสแห่งสำนักไป่เยว่เหลือแขนเพียงข้างเดียว”
“อะไรนะ?”
ถังรั่วเวยตกตะลึง
“เหตุใดท่านถึงปล่อยปีศาจเช่นนี้ไว้? ไม่ใช่ว่าสอนให้ข้ากำจัดสิ่งชั่วร้ายหรอกหรือ?”
“ก็… มันยากที่จะอธิบายให้ฟังเป็นคำพูดนี่”
ไป๋ชิวหรานก้มศีรษะลงครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวกับถังรั่วเวยอีกครั้ง
“รอข้าประเดี๋ยว”
เมื่อพูดจบพลันหายตัวไปทันที และไม่นานก็กลับมาพร้อมชุ่ยหลัวที่มีท่าทีงุนงง
“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง?”
หลังจากได้สติ ชุ่ยหลัวจึงเอ่ยขึ้น
“เจ้าคิดจะกลับคำพูด? ข้าทราบอยู่แล้วว่าพวกมนุษย์นั้นไม่รักษาวาจา!”
“ข้ากำลังสอนลูกศิษย์ โปรดให้ความร่วมมือ”
ไป๋ชิวหรานกดไหล่นางลง ก่อนกระแทกหมัดเข้าที่ใบหน้าของชุ่ยหลัว!
จากนั้นลงมือทุบตีชุ่ยหลัวต่ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกตัวนางขึ้นแล้วรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อรักษารอยฟกช้ำบนใบหน้าอีกฝ่าย
“ดู”
ไป๋ชิวหรานชี้ไปยังชุ่ยหลัวที่ยืนงุนงงอยู่พร้อมกล่าวกับถังรั่วเวย
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงปล่อยนางไป”
“ข้าพอจะเข้าใจแล้ว”
ถังรั่วเวยพยักหน้า
“แต่ก็ดูเหมือนข้าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านถึงเป็นโสดมาสามพันปีเช่นกัน”
“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง!”
ชุ่ยหลัวที่อยู่ด้านข้างตอบสนองตะโกนขึ้นดัง
“วันนี้เป็นตาย ข้าจะสู้กับเจ้า!”
“นี่ นี่ นี่ ชุ่ยหลัวใจเย็นก่อน”
ซูเซียงเสวี่ยเข้ามาหยุดนาง
“หากท่านต้องการแก้แค้น เช่นนั้นพาองค์หญิงไป๋หลิงกลับโลกปีศาจก่อน”
“แค่นั้นแหละ”
ไป๋ชิวหรานโบกมือพร้อมกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ไป๋ชิวหรานรักษาคำพูดเสมอ เมื่อบอกว่าจะปล่อยไป… เช่นนั้นจงไปเสีย”
ซูเซียงเสวี่ยเกลี้ยกล่อมอยู่นานจนในที่สุดชุ่ยหลัวก็ใจเย็นลง ก่อนให้นางกลับไปเป็นเถาวัลย์อีกครั้ง
หลังจากจบเรื่อง เจ้าสำนักเหอฮวนหันไปกล่าวกับไป๋ชิวหราน
“ท่านชอบหาเรื่องให้ข้าจริง ๆ”
“นี่… เป็นเพราะเจ้าข้าถึงต้องทำเช่นนี้”
ไป๋ชิวหรานปฏิเสธโบกมืออย่างไร้ยางอาย
“หากในอนาคตอยากจะหาชายรูปงามสักคน เช่นนั้นมาบอกข้าได้… จะหาให้เอง”
…