ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 511 พิษพินิจความคิด
บทที่ 511 พิษพินิจความคิด
บทที่ 511 พิษพินิจความคิด
หากต้องการเชี่ยวชาญเรื่องของมหาเทพหุ่นกล ก็ต้องเริ่มคิดให้เหมือนมหาเทพหุ่นกลเสียก่อน
ไป๋ชิวหรานไม่คิดทำลายมหาเทพหุ่นกลอย่างลวก ๆ เขาจำเป็นต้องค้นหาวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่ามหาเทพหุ่นกลจะตายโดยสมบูรณ์ และจะต้องมีใครสักคนเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเขา และคนผู้นั้นต้องอยู่ภายใต้อำนาจแห่งแดนเซียน
มหาเทพหุ่นกลพัฒนาจนถึงขั้นสุด และคาถาตรวนพันธนาการของจักรพรรดิซู่หัวก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป กล่าวได้ว่ามหาเทพหุ่นกลในปัจจุบันคือขั้นกว่าของวิถีสวรรค์
ไป๋ชิวหรานไม่สามารถควบคุมความคิดของอีกฝ่ายทั้งหมดได้ด้วยตนเอง และเขาไม่กล้าจะพาไป๋ซวี่เซียงเข้ามาเสี่ยงเพื่อให้นางเชื่อมโยงความคิดกับมหาเทพหุ่นกล
ไป๋ชิวหรานเกรงว่าบุตรสาวของเขาจะได้รับบาดเจ็บหากมีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋ซวี่เซียงและคนอื่น ๆ หากเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มคงไม่อาจแม้แต่จะให้อภัยตนเองได้
เหตุผลที่เขากล้าให้ลูกสาวเชื่อมโยงความคิดของเขากับวิถีสวรรค์ เพราะตอนนั้นเขาอยู่ภายในป้อมปราการแดนเซียน หากวิถีสวรรค์คิดทำสิ่งใด เล่อเจิ้นเทียนและกลุ่มจักรพรรดิเซียนที่นั่นย่อมทำสิ่งใดสักอย่าง อีกทั้งเขารังแกวิถีสวรรค์มาหลายครั้งโดยที่ไม่สนใจเจตจำนงวิถีสวรรค์อีกต่อไป มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะกลั่นแกล้งอีกฝ่าย
เช่นนั้นเวลานี้ไป๋ชิวหรานจึงตัดสินใจว่าจะพึ่งพาตนเองในการเชื่อมโยงความคิด
เขาต้องการเวทที่สามารถทำลายมหาเทพหุ่นกลได้โดยสมบูรณ์ และจากนั้นค่อยสร้างคาถาที่สามารถกระตุ้นการเติบโตของการเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิเซียนซู่หัวทิ้งเทคนิคการสร้างไว้เบื้องหลัง และไป๋ชิวหรานได้เรียนรู้มันแล้ว คาถาเร่งปฏิกริยาไม่ใช่เรื่องยาก คาถาสร้างพลังความคิดของจักรพรรดิเซียนซู่หัวสามารถกระตุ้นการก่อตัวอย่างรวดเร็วของความคิด ไป๋ชิวหรานปรับเปลี่ยนมันเล็กน้อยจึงทำให้เขาสามารถได้สิ่งที่ต้องการ
แต่สำหรับวิธีการทำลายความคิดนั้นไป๋ชิวหรานยังไม่รู้ ก่อนหน้านี้มีเพียงความคิดเพียงไม่กี่อย่างที่เขาทำลายได้ และความคิดเหล่านั้นล้วนแต่เป็นความคิดใหม่ซึ่งอ่อนแอยิ่ง จึงง่ายที่จะสูญสลายไป
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่เช่นมหาเทพหุ่นกล หากไป๋ชิวหรานเผชิญหน้ากับมัน เขาก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเล็กน้อย
ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการคือคาถาโจมตีความคิดที่สามารถใช้กายภาพร่ายขึ้น เขาต้องการโจมตีจิตวิญญาณ และต้องแน่ใจว่ามันจะสามารถโจมตีได้อย่างแม่นยำ
“ความคิด ความคิด …ความคิดของมหาเทพหุ่นกลเปรียบเสมือนตาข่ายที่พันกันอยู่ภายในห้วงแห่งความว่างเปล่านี้ ไม่ว่าการโจมตีครั้งเดียวจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากเพียงใด ก็ไม่สามารถสร้างอันตรายร้ายแรงให้กับมันได้ ต้องเป็นการโจมตีที่สามารถทำให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่เท่านั้น!”
ภายในห้องที่เงียบสงบ ไป๋ชิวหรานนั่งไขว่ห้างบนเตียงพร้อมครุ่นคิดอย่างหนัก
“ปฏิกริยาลูกโซ่ มหาเทพหุ่นกล… บ่วงสัตว์ยักษ์ ยาพิษ… อ๊ะ ยาพิษ?”
ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือสิ่งใดนำพา ประกายวูบไหวปรากฏขึ้นในดวงตาทันที มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในความคิด และร่างเพรียวบางของเจียงหลานก็แวบขึ้นมาในศีรษะ
ในยุคนั้นแผ่นดินล้วนมีแต่สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ร่างกายใหญ่โตของพวกมันทำให้ต้องคำนวณพื้นที่เผื่อไว้เป็นพันลี้ มันยากมากที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะตามล่าสัตว์ร้ายเหล่านั้น ไป๋ชิวหรานเคยลอบติดตามและเห็นฉากที่ไป๋ลี่และคนอื่น ๆ ออกล่าสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ พวกเขาจำเป็นต้องมีทีมล่าสัตว์ของชนเผ่าเพื่อโจมตีสัตว์ขนาดยักษ์ หอกที่เปรียบเสมือนไม้จิ้มฟันไม่สามารถสร้างความร้ายแรงแก่สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงสร้างบาดแผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นค่อยไล่ตามสัตว์ร้าย จนกระทั่งมันเลือดไหลจนหมดตัวและตายตกในที่สุด
สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเวลานั้น โดยทั่วไปแล้วการล่าหนึ่งครั้งจะใช้เวลากว่าห้าชั่วยามหรือจนหมดวัน และมักจะเกิดการบาดเจ็บล้มตายขณะไล่ล่าด้วย
แต่หลังจากที่เจียงหลานได้ถ่ายทอดทักษะการสร้างพิษง่าย ๆ ให้กับมนุษย์ การล่าของเผ่าพันธุ์พวกเขาก็ง่ายขึ้นมาก พิษที่เจียงหลานทำขึ้นแพร่กระจายไปตามเลือดของสัตว์ร้ายโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เค่อ เมื่อพิษไหลเวียนไป เลือดทั้งหมดจะจับตัวเป็นก้อน และค่อยสลายตัวหลังจากที่สัตว์ร้ายตายตก ซึ่งทำให้มนุษย์สามารถกินมันได้
มนุษย์เพียงแค่ทาขี้ผึ้งเล็กน้อยบนปลายอาวุธ เพียงเท่านี้ก็สามารถล่าสัตว์ร้ายได้อย่างรวดเร็วแล้ว
เมื่อนึกถึงยาพิษที่สร้างโดยเจียงหลาน ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่ามันคล้ายกับคาถาที่เขากำลังต้องการในเวลานี้
สำหรับไป๋ชิวหราน เวลานี้เจตจำนงของมหาเทพหุ่นกลเปรียบเสมือนมือขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกระแสจิตสำนึกของโลกนับไม่ถ้วนอยู่ภายในราชสำนักหุ่นกล ซึ่งเส้นเลือดของมหาเทพหุ่นกลและความคิดที่ไหลเวียนอยู่ภายในเปรียบเสมือน “เลือด” และเขาสมควรที่จะสร้าง “ยาพิษ” ที่สามารถทำลายความคิดได้โดยเฉพาะ แล้วจากนั้น…
ดวงตาของไป๋ชิวหรานวูบไหว… ความคิดอันชาญฉลาดที่แล่นเข้ามาในหัว
…
สี่เดือนต่อมา ไป๋ชิวหรานจึงออกมาจากห้อง
บรรพชนกระบี่พึงพอใจกับผลงานของตนเองยิ่งนัก เวลานี้เขาเรียกเหล่าเซียนทั้งหมดมารวมตัวกัน เพื่อทดสอบการฝึกฝนร่างกายที่ถูกถังรั่วเวยจัดเตรียมไว้
เพราะว่าไม่มีโลกเซียนภายในห้วงแห่งความว่างเปล่า นางจึงยังไม่ได้ขึ้นสู่สวรรค์ แต่ฐานการฝึกฝนของร่างกายนางทะลวงสู่แดนเซียนแล้ว และดูเหมือนว่าถังรั่วเวยจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจากหน่วยข่าวกรองของเหล่าเซียนเพียงเวลาไม่กี่เดือน
“ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะทำงานกันอย่างหนัก”
ไป๋ชิวหรานลูบศีรษะของหญิงสาว ก่อนจะหันมองกลุ่มเซียนตรงหน้าอย่างเคร่งขรึม
“สหายเอ๋ย ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำ!”
“บรรพชนเซียนโปรดว่ามาเถิด”
กลุ่มเซียนทั้งหมดโค้งคำนับ
“จากนี้ข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไปที่แนวหน้า และช่วยพวกเจ้าฝ่าแนวป้องกันของหุ่นกล เพื่อที่จะได้กลับสู่แดนเซียน”
ไป๋ชิวหรานหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ
“เอาจดหมายนี้มอบให้เล่อเจิ้นเทียน หลังจากที่อ่านจบ เขาจะรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ”
เซียนคนหนึ่งหยิบซองจดหมายพร้อมกับถือมันไว้อย่างระมัดระวัง
“ส่วนข้ายังไม่กลับ เพราะมีสิ่งต้องทำที่นี่”
ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ
“ไปเถอะ ยังไม่สายนัก ไปร่ำลาผู้นำสถานที่แห่งนี้ แล้วข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไป!”
…
หลังจากกล่าวคำลากับชาวต่างเผ่าพันธุ์ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องสถานที่แห่งนี้ออกไป ไป๋ชิวหรานก็นำกลุ่มเซียนออกจากสรวงสวรรค์ในฟองอากาศและมุ่งหน้าสู่รอยแตกของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
การป้องกันหลายชั้นถูกวางโดยกลุ่มกองกำลังของราชสำนักหุ่นกล แต่ไป๋ชิวหรานไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก เขามาที่แนวป้องกัน ชักกระบี่ออกมาฟาดฟันทำลายปราการทั้งหมดทิ้ง แต่ปราณกระบี่นี้ไม่ได้ทำลายราชสำนักหุ่นกล มีเพียงช่องขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นเท่านั้น
ทีมสำรวจจากแดนเซียนใช้โอกาสนี้หลบหนีขึ้นเรือเหาะที่ชาวสรวงสวรรค์ในฟองอากาศมอบให้ โดยมีไป๋ชิวหรานติดตามมาด้วยสักระยะหนึ่งเพื่อกำจัดหุ่นกลที่ไล่ตามบนเส้นทาง จากนั้นจึงพาถังรั่วเวยกลับไป
“ท่านอาจารย์” ถังรั่วเวยซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของโลก นางดึงร่างอาจารย์อสูรของตนออกมาแล้วกล่าวถาม “พวกเราจะไปที่ใดต่อหรือ?”
“ไม่ต้องกังวล ต้องใช้เวลาสักระยะกว่าเจิ้นเทียนจะรู้ถึงแผนการของข้า”
ไป๋ชิวหรานยิ้มพร้อมกล่าวคำ
“และข้าได้พิกัดสถานที่ดี ๆ มาจากจากหงหลิงแล้ว เราจะไปที่นั่นก่อน”