ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 514 เมื่อครู่เจ้าว่าร่างผู้ใดถูกทำลาย
บทที่ 514 เมื่อครู่เจ้าว่าร่างผู้ใดถูกทำลาย?
บทที่ 514 เมื่อครู่เจ้าว่าร่างผู้ใดถูกทำลาย?
ในขณะที่ปฐมวิญญาณทั้งหมดในโกดังสว่างขึ้นพร้อมกัน ไป๋ชิวหรานจึงตระหนักขึ้นมาได้
“รั่วเวย ระวัง!”
เขากระโจนเข้าหาหญิงสาวที่กำลังยืนสับสนอยู่ด้านข้าง และกดร่างกายของนางเอาไว้ ในขณะเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยพลังปราณที่แท้จริงเพื่อปกป้องทั้งสองร่าง
พลันเกิดการระเบิดครั้งใหญ่เหนือกว่าที่จะจินตนาการ ลำแสงปกคลุมทั่วท้องฟ้าและกลืนกินทุกสิ่งหมดสิ้น!!
…
หลังเสร็จสิ้นคำนวณว่าไป๋ชิวหรานจะบุกเข้าโจมตีกองกำลังวิถีต้นกำเนิดเมื่อใด สมองของมหาเทพหุ่นกลก็เริ่มคิดถึงระเบียบรับมือขั้นต่อไป
มันอพยพและถ่ายโอนโลกที่อยู่อาศัยของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดทันที และเข้าใจว่าไป๋ชิวหรานใช้เวลาโจมตีไม่มาก ดังนั้นมันจึงมีเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น หลังจากแก้ปัญหาเรื่องของกองทัพปัญญาประดิษฐ์แล้ว กองกำลังวิถีต้นกำเนิดมากมายจึงบุกประจัญบานเพื่อระบายความโกรธแค้นนี้
ดังนั้นขณะที่มหาเทพหุ่นกลกำลังวางแผนอพยพ มันก็ยังวางแผนที่จะจัดการกับไป๋ชิวหรานต่อไป
มันพุ่งความสนใจไปที่ความแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ และความน่าสะพรึงกลัวของไป๋ชิวหราน ที่ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อครั้งต่อสู้กับกองทัพปัญญาประดิษฐ์ หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน มหาเทพหุ่นกลจึงคิดว่าแผนการนี้คือหนทางเดียวที่จะกำจัดเขาได้
นั่นคือการใช้ประโยชน์จากการโจมตีของไป๋ชิวหรานบนฐานทัพนี้ แล้วจากนั้นจึงใช้หุ่นกลจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดเพื่อดักจับเขาไว้ชั่วคราว และควบคุมให้ปฐมวิญญาณมากกว่าครึ่งภายในโกดัง และโรงงานผลิตระเบิดขึ้นพร้อมกัน
ด้วยวิธีนี้ กลุ่มกองกำลังวิถีต้นกำเนิดและราชสำนักหุ่นกลทั้งหมดจะต้องประสบความสูญเสียอย่างหนัก แต่มันก็เป็นสิ่งที่มหาเทพหุ่นกลยอมรับได้
ตราบเท่าที่สามารถกำจัดภัยคุกคามอย่างป๋ชิวหรานได้ก็ไม่เป็นไร ตามข่าวกรองของสายลับที่บุกเข้าสู่แดนเซียนส่งกลับมาบอกว่า แดนเซียนไม่ได้อยู่ในยุคเจริญรุ่งเรืองอีกต่อไป จักรพรรดิเซียนองค์แรกหลับลึกไม่ตื่นขึ้น จากนั้นแดนเซียนจึงถูกปกครองด้วยจักรพรรดิทั้งสี่ แดนเซียนดูคล้ายจะพัฒนาไป แต่ความจริงแล้วมันกลับถดถอย หลังจากนั้นจักรพรรดิเซียนองค์แรกก็กลับมา และสถานการณ์จึงเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้แดนเซียนได้ต่อสู้กับหกอสูรแห่งความปรารถนาภายในเขตแดนจิตสำนึก ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิเซียนองค์แรกก็ล่าถอยและเข้าสู่สังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด จึงสูญเสียพลังการฝึกตนที่สามารถทำลายล้างโลกใบนี้ได้ เหลือเพียงจักรพรรดิเซียนไม่กี่คนที่ยังหลงเหลืออยู่ …รวมถึงสัตว์ประหลาดผมขาวตัวนี้ด้วย
ด้วยความแข็งแกร่งของแดนเซียนภายในเขตแดนจิตสำนึก แม้พวกเขาจะเพิ่งฟื้นฟูพละกำลัง แต่มหาเทพหุ่นกลก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะสามารถปราบปรามกองทัพทหารขนาดใหญ่สองถึงสามกองที่ประจำการอยู่ในแนวหน้าได้
และตราบใดที่ยังพอมีเวลา มันก็ยังสามารถสร้างกองกำลังวิถีต้นกำเนิดขึ้นใหม่ ก่อนจะฟื้นฟูพลังของราชสำนักหุ่นกลให้กลับสู่สภาพเดิมได้
แม้ว่าเขาจะค่อนข้างโอ้อวด แต่เมื่อพูดถึงกองกำลังที่ดุร้ายนี้ หากไม่นับเจ้าสัตว์ประหลาดหัวขาวที่ปรากฏตัวอยู่เป็นครั้งคราวแล้ว …มหาเทพหุ่นกลไม่เกรงกลัวผู้ใดเลย
ครึ่งหนึ่งของปฐมวิญญาณในฐานทัพนี้ถูกจุดชนวนขึ้นในเวลาเดียวกัน และมหาเทพหุ่นกลก็ยิงพลังครึ่งหนึ่งของราชสำนักหุ่นกลไปที่ไป๋ชิวหรานเป็นการส่วนตัวด้วย ทันใดนั้น… ลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าพลันปกคลุมทั้งฐาน! ป้อมปราการที่ปิดกั้นเอาไว้คล้ายกับกระดาษสีขาวที่กำลังจะถูกเจาะให้ขาด!!
หุ่นกลจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดยังฉวยโอกาสยิงยุุทธภัณฑ์ของตนเอง ลำแสงสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา แม้แต่พระโพธิสัตว์เสริมอกที่อยู่ด้านนอกก็ยังไม่อาจปกป้องโลกวัตถุนับสิบที่บริเวณใกล้เคียงซึ่งกำลังระเบิด!
หลังจากกระทำทั้งหมดนี้แล้ว หุ่นจี่เกอถอยห่างออกไปเล็กน้อย ภายใต้เจตจำนงของมหาเทพหุ่นกล มันเริ่มเปิดวัตถุเวทตรวจจับอย่างเต็มกำลังเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอดจากการระเบิด
“บัดซบ… ไอ้สารเลว!”
พายุกรรโชก พลังงานมหาศาลระเบิดออกมา ในขณะที่พระโพธิสัตว์เสริมออกพุ่งออกจากม่านหมอกควัน และทุบตีหุ่นกลจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดอย่างรุนแรง!!
หุ่นกลจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดถูกทุบตีด้วยพลังมหาศาล แต่ในไม่ช้า มันก็กลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง! ในแง่ของพลังการต่อสู้แล้ว ความสามารถของพระโพธิสัตว์เสริมอกสูงกว่าหุ่นกลจี่เกอ แต่สำหรับการระเบิดดังกล่าว นางก็ไม่อาจต้านทานที่จะหลบหนีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บได้
น่าทึ่งที่ร่างอาจารย์อสูรสามารถอยู่รอดได้ถึงเวลานี้ …มหาเทพหุ่นกลรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งตรงหน้าไม่น้อย
แต่ถึงกระนั้น ความสามารถของนางก็ค่อนข้างอ่อนแอ นางไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเอาชนะหุ่นกลจี่เกอ
“เจ้าได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ยังคิดเอาชนะข้าในฐานะหุ่นกลจี่เกองั้นหรือ?”
ประกายวูบไหวปรากฏขึ้นในดวงตาของหุ่นกลจากกองกำลังวิถีต้นกำเนิด ซึ่งเป็นเจตจำนงของมหาเทพหุ่นกล
“หุ่นกลนี้ดูไม่แข็งแกร่งในการต่อสู้แนวหน้า แต่เป็นหนึ่งในหุ่นกลจี่เกอ หรืออีกชื่อหนึ่ง… หุ่นกลจักรพรรดิที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดภายใต้คำสั่งของข้า ตอนนี้ร่างกายหลักของเจ้าถูกทำลาย เหลือเพียงร่างกายทรุดโทรม แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดกับข้าได้อีก? ยังไม่กล่าวถึงเรื่องที่ข้าสามารถจัดการกับอาจารย์อสูรที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะประชิดของเจ้าได้ง่ายดายราวกับจับเครื่องบินกระดาษ”
หุ่นกลจี่เกอยกมือขึ้นพร้อมปลดปล่อยพลังเวท อักขระบนปฐมวิญญาณประดิษฐ์เปล่งประกาย จนก่อเกิดเป็นร่างหุ่นกลขนาดยักษ์อีกตัวหนึ่ง รูปร่างคล้ายทารกที่มีสามเศียรและหกกรในทันที
พระโพธิสัตว์เสริมอกคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดก่อนจะเหวี่ยงหมัดออกไป หมัดของนางปลดปล่อยลำแสงพร่างพราว ทว่าหุ่นกลจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดก็เหยียดแขนทั้งหมดออกมาปราบปรามคู่ต่อสุ้ที่กำลังบาดเจ็บสาหัสได้ง่ายดาย
“อสูรทั้งหมดจะต้องถูกข้ากำจัด” มันมองร่างอาจารย์อสูรของถังรั่วเวย “รวมถึงเจ้าด้วย”
มันเหยียดแขนขึ้นด้านบน บีบตราผนึกสองดวงแล้วตบลงที่หน้าผากของพระโพธิสัตว์เสริมอกอย่างรุนแรง
ในพริบตา ท้องฟ้าแลบราวกับเหล็กไหล แสงวูบวาบสว่างไสวในพลัน
ตูม!
แม้จะเป็นเรื่องยากที่เสียงจะเดินทางในความว่างเปล่าได้ แต่ใครก็ตามที่ได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ ย่อมไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน …เสียงเหล่านี้ย่อมดังขึ้นในใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!
กำปั้นทุบใบหน้าจนแก้มยุบไปตามแรง ตอนนี้เนื้อทั้งหมดบนใบหน้ายุบติดกับกระดูกโครงหน้า
แต่นั่นไม่ใช่สภาพของพระโพธิสัตว์เสริมอกที่ถูกโจมตี แต่เป็นหุ่นกลทารกที่ถือกำเนิดใหม่ มันกำลังจะคว้าชัยชนะ แต่จู่ ๆ ท้องฟ้าพลันคำรามกึกก้อง และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือสิ่งที่คล้ายคลึงกับตัวมันเอง เทพเจ้าสงครามชุดเกราะเงินขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น
ก่อนที่ดวงตาของมันจะได้เผยความประหลาดใจ มือหนาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานพลันเหยียดออกมา หมัดทรงพลังอีกสองสามหมัดตรงเข้ากระแทกใบหน้าและร่างกายของหุ่นกลจี่เกออย่างไร้ความปรานี!!
รอยกำปั้นขนาดใหญ่และชัดเจนหลายจุดปรากฏขึ้นบนร่างของหุ่นกลจี่เกอวิถีต้นกำเนิด และมันก็ล่องลอยกลับหัวกลับห่างหลังจากถูกทิ้งระเบิด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดใด
“เจ้ายังมีชีวิตอยู่?”
มันกล่าวพึมพำโดยไม่ได้สนใจเศษซากอุปกรณ์ที่แตกหักออกอย่างต่อเนื่อง
“ข้าเกือบลืมไปแล้ว เจ้าเคยบอกว่าเจ้าเป็นผู้ที่สามารถควบคุมอาจารย์อสูรของตนได้ แล้วนี่คือร่างอาจารย์อูรของเจ้าใช่หรือไม่? แน่นอนว่ามันเป็นศัตรูที่ทรงพลังของข้า แต่… เมื่อเทียบกับตัวหลักของเจ้าแล้ว ดูเหมือนว่าร่างจริงนั้นง่ายดายที่จะจัดการกว่ามาก”
มันหยุดร่างกายของตนไว้ในความว่างเปล่าก่อนจะกล่าวต่อ
“ร่างกายเจ้าสองคนถูกทำลายแล้ว เหลือเพียงร่างอาจารย์อสูรสองตนนี้ ภายใต้การไล่ล่าของกองทัพข้า พวกเจ้าไม่มีทางมีอิสระได้นาน”
“งั้นหรือ?”
ปราณกระบี่ระเบิดออกจากม่านหมอกควันจากการระเบิดด้านล่าง ตัดผ่านอากาศแหวกออกเป็นสองส่วน
ไป๋ชิวหรานอุ้มร่างถังรั่วเวยที่กำลังตื่นตระหนกด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมกับเดินออกมาจากตรงกลาง
“ข้าได้ยินไม่ชัดเจนนัก เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าร่างผู้ใดถูกทำลาย?”