ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 517 เริ่มต้นสงคราม
บทที่ 517 เริ่มต้นสงคราม
บทที่ 517 เริ่มต้นสงคราม
ไม่กี่เดือนถัดมา ภายในราชสำนักหุ่นกลบนสายธารแห่งความว่างเปล่าใกล้กับกำแพงแห่งความตระหนักรู้มีเส้นทางหนึ่งถูกเปิดออก
เรือขนส่งเต็มไปด้วยจุดจื่อฝูประดิษฐ์และปฐมวิญญาณประดิษฐ์ถูกขนส่งออกไปยังแนวหน้าอย่างนับไมถ้วน นี่คือสิ่งจำเป็นและยุทธปัจจัยสำหรับการเผชิญหน้ากับกองทัพหุ่นกลกับแดนเซียนในเวลาฉุกเฉิน
แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังจากเปิดเส้นทางนี้ จู่ ๆ พลันเกิดหายนะใหญ่หลวงขึ้น
ปราณกระบี่ถาโถมเข้ามาราวกับพายุ ปราณกระบี่สีขาวขนาดใหญ่ราวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติน่าสะพรึงที่สุด กลืนกินเรือขนส่งนับไม่ถ้วนจนแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หากมีใครมองมาจากมุมสูง พวกเขาจะเห็นพระจันทร์เสี้ยวสีขาวขนาดใหญ่ตัดขาดสายธารแห่งความว่างเปล่าออกเป็นสองส่วนในระยะเวลาสั้น ๆ
เมื่อสายธารแห่งความว่างเปล่าถูกตัดขาด เส้นทางทั้งหมดของราชสำนักหุ่นกลก็จะถูกตัดขาดด้วยเช่นกัน และเรือที่อยู่ด้านหน้าก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเพื่อพยายามลำเลียงเสบียงเข้าสู่กำแพงแห่งความตระหนักรู้ก่อนที่ผู้โจมตีจะฉกฉวยไป ในขณะที่เรือขนส่งด้านหลังถูกบังคับให้หยุด พวกมันทั้งหมดแออัดอยู่ตรงนั้น
กองทัพหุ่นกลจำนวนนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกมันพยายามมองหาศัตรูที่หลบซ่อน แต่แล้วพายุกรรโชกพัดกระหน่ำทำลายพวกมันอีกครั้ง
หลังจากเกิดพายุกรรโชกแล้ว เทพสงครามในชุดเกราะสีเงินขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ร่างกายส่วนล่างของเขาแช่อยู่ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า เกิดหมอกควันลอยคละคลุ้งทั่วบริเวณ
สัญญาณเตือนดังขึ้น หุ่นกลคุ้มกันยิ่งรายล้อม แต่สำหรับเทพสงครามยักษ์ที่ปรากฏตัว พวกมันเหล่านี้เป็นเพียงเศษดินเล็กน้อย หากเพียงแค่สะบัดนิ้วก็ทำลายได้สิ้นซาก
ในการต่อสู้กับบุคคลผู้นี้ มันจำเป็นจะต้องส่งหุ่นกลนักรบที่แท้จริงจากราชสำนักหุ่นกลมาร่วม
…
ในแนวหน้าของแดนเซียน ณ ศูนย์บัญชาการ สัญญาณติดต่อบนโต๊ะสว่างขึ้น อักขระโบราณที่อยู่ภายใต้ส่องแสงเรืองรอง
เจ้าหน้าที่เซียนนั่งอยู่ด้านข้างรับสัญญาณ และหลังจากติดต่อกับบุคคลที่อยู่ปลายสายสำเร็จแล้ว เขาหันศีรษะกลับหลังมาพร้อมรายงานว่า
“ฝ่าบาท กลุ่มแนวหน้าของราชสำนักหุ่นกลเคลื่อนไหวแล้ว!”
“เอาล่ะ! รอเวลา!”
เล่อเจิ้นเทียนกล่าวตอบ
“สั่งให้กองเรือทั้งหมดรวมตัวกันและโจมตีสุดกำลัง ไม่ใช่เพื่อสังหารข้าศึก แต่เพื่อชะลอความเร็วของพวกมัน หลังจากโจมตีครบสามรอบแล้ว หากข้าศึกล่าถอย ให้รวบรวมกองกำลังที่เหนือกว่าเปิดการโจมตีที่รุนแรงที่สุดอีกครั้ง เพื่อจัดการกับศูนย์บัญชาการของศัตรู!”
“ทราบแล้ว!”
ภายใต้คำสั่งของเล่อเจิ้นเทียน กองเรือรบแห่งแดนเซียนตอบรับอย่างรวดเร็ว ป้อมปราการแดนเซียนถูกปิดกั้น และตาข่ายสีทองถูกเปิดออก เรือรบจำนวนนับไม่ถ้วนของแดนเซียนที่มีเซียนขั้นสูงควบคุมขับเคลื่อนอาวุธครบมือออกไป และบุกเข้าโจมตีแนวป้องกันของราชสำนักหุ่นกล
หุ่นกลมากมายนับไม่ถ้วน ในหมู่พวกมันยังมีหุ่นกลจี่เกอที่ทรงพลังยิ่ง อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกมัน ตามทฤษฎีแล้ว เซียนเหล่านี้คือต้นกำเนิดของหุ่นกล
ทันทีที่เซียนทั้งหมดเคลื่อนไหว พวกเขาเปิดใช้งานเวทมนตร์ซับซ้อนกว่าหุ่นกล พวกมันมีพละกำลังมากมาย แต่แม้ว่าจะเป็นเวทมนตร์เดียวกันและคำภีร์เดียวกัน แต่เมื่ออยู่ในมือผู้ใช้ที่ต่าง ผลลัพธ์ของมันย่อมแตกต่าง
เมื่อเทียบกับหุ่นกลที่แข็งกระด้าง พลังเหนือธรรมชาติของเหล่าเซียนยืดหยุ่นกว่าหลายเท่า แม้จักรพรรดิเซียนซู่หัวจะเป็นปรมาจารย์ด้านเวทเซียน และมหาเทพหุ่นกลได้สืบทอดความเข้าใจด้านเวทเซียนที่หลากหลายของเขาโดยสมบูรณ์แบบ แต่ในช่วงเจ็ดหมื่นปีที่ผ่านมา แม้แดนเซียนจะถูกกดขี่ภายใต้จักรพรรดิเซียนทั้งสี่ แต่ในความเข้าใจที่จักรพรรดิเซียนทั้งสี่ไม่เคยสนใจ มีดอกไม้นับร้อยกำลังบานสะพรั่ง ทั้งยังเกิดเวทมนตร์ใหม่ ๆ มากมายขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้พวกเขาทะยานก้าวสู่แดนเซียน บางส่วนจำศีล บางส่วนถูกจักรพรรดิทั้งสี่ควบคุมตัว และบางส่วนถูกดึงตัวโดยเล่อเจิ้นเทียนเข้าสู่แดนเซียนกลาง ซึ่งพวกเขาได้รับการปกป้องในช่วงระหว่างจักรพรรดิทั้งสี่คิดคุกคาม การปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของจักรพรรดิเซียนองค์แรกและการสืบทอดตำแหน่งของเล่อเจิ้นเทียน จึงทำให้เหล่าเซียนผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดหลังจากฝนตก
และผู้ที่สามารถเข้าร่วมสงครามคราวนี้ได้คือชนชั้นสูงของโลกเซียนที่ดูดซับผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ การเปลี่ยนแปลงในช่วงเจ็ดหมื่นปีที่ผ่านมาของแดนเซียนนั้น แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากโลกฝึกตนเข้าสู่โลกเซียน แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ววิวัฒนาการของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาเทพหุ่นกล
ท้ายที่สุดไม่ว่ามหาเทพหุ่นกลจะมองการณ์ไกลเพียงใด มันก็เป็นเพียงหุ่นกล แต่การเปลี่ยนแปลงในโลกเซียนนั้นถูกสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน
เมื่อเผชิญหน้ากับหุ่นกลจำนวนมาก เหล่าเซียนมีวิธีการที่ยืดหยุ่นและพร้อมจะพลิกแพลงสถานการณ์ ความแพรวพราวของการต่อสู้นับว่าเหนือชั้น บางคนควบคุมค่ายอาคมดาบยักษ์ได้ด้วยตนเอง บางคนแปลงกายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อสู้ บางคนใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ บางคนใช้ร่างกายบางส่วนแปลงให้เป็นอาวุธและไล่ทุบตีเหล่าหุ่นกล
สำหรับหุ่นกลจี่เกอสองสามตัว เล่อเจิ้นเทียนแยกพวกมันออกจากกัน ศัตรูหนึ่งต่อเซียนสองคน แล้วให้สิ่งมีชีวิตอื่นก่อค่ายอาคมขึ้น ทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมอาวุธแวทมนตร์ขนาดใหญ่เพื่อต่อสู้ เช่นนี้จึงไม่เสียเปรียบ
หุ่นกลต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย นับตั้งแต่พวกมันวิวัฒนาการอารยธรรมของตนมานับหมื่นปี มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเทพเจ้าที่ถูกสังหารโดยกองทัพเซียน
แต่ในขณะนี้ อาจารย์อสูรที่ทรงพลังอย่างยิ่งอยู่เบื้องหลังกำลังทำลายเส้นทางการขนส่งของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง และยังมีหุ่นกลกลุ่มใหญ่ครึ่งหนึ่งแยกตัวออกไปต่อสู้กับสิ่งนั้น
หุ่นกลรบทั้งสามประเภททั้งสามกลุ่มต่อสู้ด้านหน้าเริ่มต่อต้านการรุกรานของแดนเซียนด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด กลุ่มหุ่นกลที่มีความสามารถในการช่วยเหลือคอยเสริมกำลังอยู่ด้านหลัง ในขณะเดียวกันกองกำลังวิถีต้นกำเนิดที่รอดชีวิตครึ่งหนึ่งเข้าสู่สายธารแห่งความว่างเปล่า และตรงผ่านรอยแตกของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เมื่อกองทัพหุ่นกลยังคงอพยพต่อไม่ยอมหยุดฝีเท้า แดนเซียนก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงของการโจมตีขึ้นเป็นระดับสอง
จักรพรรดิเซียนเล่อเจิ้นเทียนไม่หลบซ่อนตัวในเงามืดอีกต่อไป เขาใช้ทักษะลับบางอย่างอาศัยการต่อสู้ที่วุ่นวายตรงหน้าสร้างระเบิดรุนแรงขึ้น คราวแรกเขาตัดศีรษะหุ่นกลจี่เกอ จากนั้นจึงแยกชิ้นส่วนหุ่นกลจี่เกอนี้ออก มันแตกสลายและตกอยู่ในมือของเหล่าเซียน เมื่อภาพเช่นนี้ปรากฏ เซียนทั้งหมดแสดงฝีมือของพวกเขาออกมาอย่างหมดเปลือกเช่นกัน ทั้งหมดต่อสู้กันไม่นานนักก่อนจะบุกตรงเข้าฝ่าแนวป้องกันและเข้าใกล้กองทัพที่อยู่ใจกลางสนามรบของหุ่นกล
กองกำลังหุ่นกลจี่เกอที่เดินทางไปแล้วครึ่งทางต้องล่าถอยในทันที มันถือมีดยาวในมือทั้งสองข้าง ท่าทางโกรธเกรี้ยวราวกับมนุษย์ ก่อนจะเข้ามายืนแทนที่หุ่นกลจี่เกอที่พังทลาย และเคียงข้างกับตู้ฮั่ว ยืนหยัดต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนเล่อเจิ้นเทียนที่ไม่อาจมีผู้ใดหยุดยั้งเขาได้
แต่เมื่อสงครามแนวหน้ากำลังดำเนินไปอย่างเต็มรูปแบบ ร่างของไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยก็เข้ายึดตำแหน่งที่สรวงสวรรค์ในฟองอากาศมอบพิกัดให้ ภายในความเงียบงัน เขาทราบถึงตำแหน่งศูนย์กลางราชสำนักหุ่นกลแล้ว…