ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 518 ออกมา! อาจารย์อสูรข้า!
บทที่ 518 ออกมา! อาจารย์อสูรข้า!
บทที่ 518 ออกมา! อาจารย์อสูรข้า!
ภายในมหาเทพหุ่นกล มีกองกำลังสงครามหลายสิบกลุ่มภายใต้คำสั่งของมหาเทพหุ่นกล
พวกมันถูกควบคุมโดยมหาเทพหุ่นกล และใช้การได้โดยบรรจุจิตวิญญาณที่ยอมสละตนเพื่อเผ่าหุ่นกล อย่างไรแล้วกองทัพทหารที่เหลือล้วนแต่มีพละกำลังแข็งแกร่ง พวกมันมีหน้าที่แตกต่างกัน และความสามารถก็แตกต่างกันออกไปด้วย
กองทัพปัญญาประดิษฐ์ รับผิดชอบการทรมานและควบคุมความคิดของเชลย ส่วนกองกำลังวิถีต้นกำเนิดที่รับผิดชอบด้านการขนส่งและศูนย์กลางพลังงานถูกไป๋ชิวหรานทำลาย กองกำลังหลักอย่างเช่น เริ่นตี้ ตู้ฮั่ว และจี่เกอกำลังต่อสู้กับกองกำลังเซียนภายในเขตแดนจิตสำนึก
ดังนั้นจึงมีเพียงสองกลุ่มใหญ่ที่คอยปกป้องมหาเทพหุ่นกล
ในบรรดาเก้ากองทหารอารักขานี้มีพลังการต่อสู้ที่ครอบคลุมมากที่สุด และยังมีจำนวนน้อย แต่ทั้งหมดคือหุ่นกลระดับสูงสุด โดยมีมหาเทพหุ่นกลคอยควบคุมความคิด ซึ่งพลังการต่อสู้ของพวกมันเทียบเท่ากับเซียน
ในขณะที่มหาเทพหุ่นกลกำลังจะพังทลาย กองทัพใหญ่ทั้งสองยังไม่ออกจากศูนย์กลาง พวกมันยังคงเฝ้ามหาเทพหุ่นกลอย่างสัตย์ซื่อ
“โชคดีที่กลุ่มกบฏสรวงสวรรค์ในฟองอากาศไม่คิดกล่าวถึงมหาเทพหุ่นกลอีกต่อไป เพราะเหตุนี้มหาเทพหุ่นกลจึงไม่มีความคิดที่จะปกปิดมหาเทพหุ่นกลอีกต่อไป เพราะแม้จะเปิดเผยมันอย่างโจ่งแจ้งก็ไม่อาจมีผู้ใดบุกรุกเข้ามาได้”
ไป๋ชิวหรานพาถังรั่วเวยไปยังโลกแห่งหนึ่งใกล้เคียงกับมหาเทพหุ่นกล ขณะกำลังยืนอยู่นอกโลก เขามองมหาเทพหุ่นกลที่เหมือนจะอยู่ใกล้ ….แต่ความจริงแล้วมันอยู่ห่างออกไปสุดขอบฟ้า
“เวลานี้ ชายผู้นั้นคงไม่ได้อยู่ในมหาเทพหุ่นกลแล้ว”
“แล้วพวกเรามาทำอะไรที่นี่?”
ถังรั่วเวยถามด้วยความสับสน
“เราไม่ได้ไล่ล่ามหาเทพหุ่นกลหรือ?”
“เจ้านี่โง่เขลานัก ดูที่ใจกลางมหาเทพหุ่นกลนั่นสิ ทั้งมหาเทพและขุนนางยังไม่เคลื่อนไหว พวกมันแสร้งทำเป็นว่ามหาเทพหุ่นกลยังซ่อนอยู่ภายใน เป็นไปตามที่ข้าคาดเอาไว้ หึ ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่ามหาเทพหุ่นกลจะไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้ง”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“การติดตามมันอย่างโจ่งแจ้งมีแต่จะทำให้มันยิ่งระมัดระวังและหลบซ่อนมากขึ้น อีกทั้งเจตจำนงของมหาเทพหุ่นกลก็ยังอยู่กับกองทหารยิ่งใหญ่ทั้งสองนี้ มันไม่ต่างอะไรจากสายตาของมหาเทพหุ่นกลเลย ถึงมันจะหลบหนีและซ่อนตัวอยู่มันก็ยังรับรู้ความเคลื่อนไหวภายนอก แม้กองทหารขนาดใหญ่ทั้งห้าที่กำลังทำสงครามกับแดนเซียนก็อยู่ในสายตาของมัน หากเราไม่บุกเข้าโจมตีมหาเทพหุ่นกลนานเกินไป มันก็จะยิ่งตื่นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือดำเนินการตามที่มันคิด บุกเข้าโจมตีมหาเทพหุ่นกลตามแผนเดิม และไล่ล่ามันไปพร้อมกัน”
“แล้วผู้ใดจะไล่ล่ามัน?”
ถังรั่วเวยถาม
“ข้าจะบอกสิ่งใดให้ ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสอง แม้แต่พระโพธิสัตว์เสริมอกของข้ายังไม่สามารถเอาชนะได้ หากท่านคิดจะทิ้งข้าไว้ที่นี่ ท่านอาจารย์ ตัวข้าคงจะเหลือเพียงโครงกระดูกให้ท่านเก็บ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไป๋ชิวหรานมองนางอย่างประหลาดใจ
“อะไร? แล้วทำไม?”
เมื่อเห็นแววตาของไป๋ชิวหราน หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
“ข้าคิดอะไรผิดไปหรือ?”
“ไม่ ความคิดของเจ้าค่อนข้างจะถูกต้อง หากข้าปล่อยให้เจ้าต่อสู้กับกองทัพขนาดใหญ่เพียงคนเดียว เป็นไปได้ว่าเมื่อข้ากลับมา สิ่งที่จะเหลือให้ทำคือเก็บโครงกระดูกของเจ้า”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าเจ้าบุ่มบ่ามเสมอมา แต่ไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะสามารถวิเคราะห์ปัญหาตรงหน้าได้อย่างใจเย็นในเวลาเช่นนี้… อ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว”
“แล้วผู้ใดอยากใจร้อนเล่า?”
ถังรั่วเวยกอดอกพร้อมถอนหายใจ
“ความปรารถนาในชีวิตข้าเพิ่งสำเร็จ อนาคตอันงดงามรอข้าอยู่ และเวลานี้ข้ายังใช้ชีวิตไม่คุ้ม”
“เป็นเช่นนั้นยิ่งดี”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“ข้าก็ไม่ต้องการให้คนผมขาวจัดงานศพให้คนผมดำ”
“แล้วเช่นนั้นท่านอาจารย์คิดทำสิ่งใด?”
ถังรั่วเวยถาม
“ท่านอยู่กับข้าที่นี่ แล้วผู้ใดจะติดตามมหาเทพหุ่นกลที่หลบหนี?”
“มีคนต้องการจะไป”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างมีเล่ห์นัย
“คนที่เกลียดชังมหาเทพหุ่นกลเข้ากระดูกดำสามารถพบเจอได้ในทุกหนแห่ง”
…
ภายในสถานที่แห่งนี้ ไป๋ชิวหรานมองดูสถานการณ์ของกองทัพทหารขนาดใหญ่ที่ประจำการอยู่ภายในมหาเทพหุ่นกล
พวกมันแตกต่างจากหุ่นกลอื่น ๆ มันซับซ้อนและยังมีพละกำลังในการรบมากกว่า ทั้งการป้องกัน การโจมตี พลังในการยิง การระเบิด แล้วยังดูเหมือนว่าจะไม่มีระดับสูงหรือต่ำกว่าในกองกำลัง
หุ่นกลทั้งหมดเป็นไปตามทฤษฎี หุ่นกลทุกตัวที่อยู่ในกองทัพอารักขาจึงเทียบเท่ากับเซียนในช่วงปลายของขอบเขตมหาสมุทร
แต่ที่แตกต่างคือเซียนที่เข้าสู่ช่วงท้ายของขอบเขตมหาสมุทรจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัว หากเทียบการต่อสู้ตัวต่อตัวแล้ว เซียนจะมีวิธีการต่อสู้ที่ยืดหยุ่นกว่าและเอาชนะพวกมันได้อย่างแน่นอน
สำหรับหุ่นจักรกลในกองกำลังขุนนางนั้นหาได้ยากยิ่งกว่า ดูเหมือนว่าหุ่นกลนี้จะมีประเภทเดียว แล้วมีจำนวนเพียงร้อยตัวเท่านั้น มันดูเหมือนหุ่นเชิดที่ชราภาพ มีไม้เท้าและสวมเสื้อคลุม ส่วนสูงไม่ได้มากไปกว่ามนุษย์ทั่วไป เมื่อเทียบกับหุ่นกลอื่น ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าการสร้างพวกมันจะเต็มไปด้วยความปราณีตและละเอียดอ่อน
อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งหมดมีความสามารถในการต่อสู้ขอบเขตเซียน คฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์ที่อยู่ในร่างกายของพวกมันล้วนแต่ได้รับการออกแบบและผลิตโดยมหาเทพหุ่นกล อีกทั้งคฤหาสน์ม่วงประดิษฐ์แห่งสังสารวัฏก็ยังเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เพราะพวกมันไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถบรรลุเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และมนุษย์ได้ สุดท้ายแล้วสังสารวัฏหกวิถีที่สมบูรณ์แบบภายในคฤหาสน์สีม่วงนั้น แม้จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่แข็งแกร่งไปกว่าเหล่าเซียน แต่ถึงอย่างไรแล้วเซียนก็ไม่อาจประมาทพวกมันได้
ดังที่ทราบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีเซียนเพียงไม่กี่คนที่ได้ถือกำเนิดภายในยมโลก ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการจะเกิดใหม่เป็นเซียนนั้นยากเย็นเพียงใด
ดังนั้นเพื่อให้บรรลุขอบเขตสูงสุดในขั้นเหนือเซียน มันยากพอ ๆ กับการทะยานขึ้นสู่สวรรค์ของเซียนทั่วไป
และหุ่นกลจี่เกอที่เป็นผู้นำสองกลุ่มใหญ่คือผู้นำอารักขาและขุนนางอาวุโส แน่นอนว่ามันคือหุ่นกลจี่เกอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไป๋ชิวหรานเหลือบมองมหาเทพหุ่นกลแล้ว เขาเห็นผู้นำอารักขาที่มีแขนขาและดวงดานับพัน แต่เขาไม่เห็นหุ่นกลของขุนนางอาวุโสเลย ภายในห้องโถงประชุม ที่นั่งของผู้นำนั้นว่างเปล่า
เขาถอนสายตากลับมา ก่อนจะกะพริบตาครู่หนึ่งและไตร่ตรองบางสิ่ง
“คงต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้ว”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับถังรั่วเวย
“หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง บุคคลที่กำลังไล่ตามมหาเทพหุ่นกลมีโอกาสที่จะพลิกกลับ”
“เช่นนั้นก็รีบตัดสินใจเถิด”
ถังรั่วเวยสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกล่าวเสียงดัง
“ออกมา! อาจารย์อสูรข้า!”
นางออกไปนอกฐานทัพสู่สายธารแห่งความว่างเปล่า พร้อมปลดปล่อยประกายระยิบระยับ จากนั้นเงาของหญิงสาวยืดยาวออกไปคดเคี้ยวอยู่ภายในกระแสน้ำ ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของโลกวัตถุภายใต้ฝ่าเท้า เงาทมิฬค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวกลายเป็นเทพธิดาร่างใหญ่
พระโพธิสัตว์เสริมอกซึ่งฟื้นฟูร่างกายเสร็จสิ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคำรามออกอย่างเกรี้ยวกราด มือของนางกำแน่นพร้อมกับทุบลงที่มหาเทพหุ่นกลอย่างรุนแรง!!