ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 519 ใหญ่โตแล้วได้อะไร เกะกะสิ้นดี!
บทที่ 519 ใหญ่โตแล้วได้อะไร? เกะกะสิ้นดี!
บทที่ 519 ใหญ่โตแล้วได้อะไร? เกะกะสิ้นดี!
ก่อนที่กำปั้นใกล้จะเข้ามา ลมกรรโชกราวกับภัยพิบัติปรากฏขึ้นเพิ่มเติมระดับพลังงานของปราการป้องกันโดยรอบของราชสำนักหุ่นกลในทันที
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้กองทัพอารักขาแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างด้านพละกำลังระหว่างพวกเขากับกลุ่มอื่น ๆ โดยสมบูรณ์
ในช่วงเวลาที่กำปั้นของอาจารย์อสูรของถังรั่วเวยเริ่มกระตุ้นความสนใจของราชสำนักหุ่นกล หุ่นกลเหล่านั้นทะยานขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับกองกำลังทั้งหมดบิดเบี้ยวแปรสภาพ มันสร้างโล่หอคอยขนาดใหญ่สลักไปด้วยยันต์แต่ละด้าน จากนั้นหอคอยก็เริ่มซ้อนทับกันทีละชั้น จนเกิดเสียงโลหะกระทบกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดประกอบร่างเข้าหากันจนกลายเป็นหอคอยสีทองขนาดใหญ่ ทั้งแข็งแกร่ง และแน่นหนา โดยทั้งหมดบรรจุพลังยันต์ไว้หนาแน่นเพื่อรอคอยต้อนรับกำปั้นของถังรั่วเวย!!
กำปั้นของพระโพธิสัตว์เสริมอกปะทะกับสิ่งนั้นดังสนั่นราวกับยุทธภัณฑ์พุ่งโจมตี มันแม่นยำและทะลวงลึกฉีกปราการป้องกันรอบ ๆ ออกเป็นเสี่ยง ๆ ชั้นแรกของป้อมปราการปรากฏคลื่นแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ! แม้กระทั่งพื้นผิวของกำแพงเมืองที่อยู่ใกล้เคียงก็ถูกพัดปลิวไปด้วยพลังมหาศาลนั้น
ภายใต้การเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว เกราะป้องกันของหอคอยนี้ประกอบด้วยหุ่นกลระดับอารักขาราชวงศ์นับไม่ถ้วน มันไม่สามารถสกัดกั้นหมัดที่เต็มไปด้วยพละกำลังของร่างอาจารย์อสูรของถังรั่วเวยที่อยู่เหนือกว่าขั้นจักรพรรดิ และเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด!
อย่างไรก็ตาม หลังจากรับหมัดที่รุนแรงนี้แล้ว หอคอยขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างถึงกับเสียความมั่นคง มันพังทลายพร้อมกับแตกกระจายออกภายใต้พละกำลังมหาศาล! หุ่นกลป้องกันนับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทุกทิศทาง สิ่งอำนวยความสะดวกบนโลกใบนี้ถึงกับพังทลายจากแรงปะทะ!
แต่ความแข็งแกร่งของกองทัพอารักขาแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น หลังจากที่หอคอยป้องกันพังทลายลง หุ่นกลประจำหน่วยป้องกันระยะไกลที่เชี่ยวชาญการยิงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมารวมตัวกัน พวกมันแบกกระสุนยุทธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่บรรจุพลังงานปฐมวิญญาณอัดแน่น เป้าหมายคือร่างอาจารย์อสูรของถังรั่วเวย!
แม้ว่าสำหรับมนุษย์แล้ว ระยะทางระหว่างกระสุนยุทธภัณฑ์กับถังรั่วเวยนั้นห่างกันเทียบเท่าแคว้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามสำหรับอาจารย์อสูรขนาดยักษ์ และหุ่นกลของกองกำลังที่มีอารยธรรมสูงส่งนับว่าใกล้นัก เมื่อเห็นว่ามียุทธภัณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนยิงมาที่ตน ถังรั่วเวยจัดการร่างอาจารย์อสูรของตน นางเปลี่ยนแปลงรูปแบบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ร่างอาจารย์อสูรแปรเปลี่ยนเป็นภูตผีนับไม่ถ้วน ด้วยมือทั้งสองข้างสร้างพายุรุนแรงพัดยุทธภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่พุ่งเข้ามาออกไปโดยตรง อย่างไรก็ตามร่างกายของนางก็ยังต้องบาดเจ็บบ้างเพราะมันใหญ่เกินไป ดังนั้นบางส่วนจึงถูกโจมตีโดยยุทธภัณฑ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง จนอาวุธรุนแรงเหล่านั้นทิ้งบาดแผลขนาดเล็กใหญ่เอาไว้เป็นที่ระลึก
ภายใต้พลังการทักษาของร่างกายที่ยอดเยี่ยม รอยแผลทั้งหมดกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แต่การยิงยุทธภัณฑ์จากหุ่นกลเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อไป หนึ่งรอบ สองรอบ และต่อ ๆ ไปจนนับไม่ถ้วน มันพยายามโจมตีเพื่อขับไล่ให้อาจารย์อสูรตนนี้ออกไป
หลังจากระเบิดพุ่งทะยานลงบนร่างกายของนางสองสามรอบ ถังรั่วเวยก็เริ่มโกรธ นางเพิกเฉยต่อระเบิดเหล่านี้พร้อมกับจัดการควบคุมร่างอาจารย์อสูรของตนโดยตรงเพื่อต่อต้านกับการยิงยุทธภัณฑ์นั้น มือของนางคว้าเอาหุ่นกลบางส่วนพร้อมกับยัดกำปั้นหนัก ๆ ลงไปเพื่อฉีกพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ
“งี่เง่า”
ไม่ไกลนัก ไป๋ชิวหรานเคาะศีรษะของถังรั่วเวยด้วยความหงุดหงิด
“เจ้าเป็นบ้าอะไร? แม้จะกระทำการบ้าบิ่นยังต้องใช้สมองด้วย ความเสียหายที่เจ้าได้รับกับสิ่งที่เจ้ากระทำต่อพวกมันน่ะไม่เท่ากัน เข้าใจหรือไม่?”
ถังรั่วเวยหดศีรษะลง พร้อมตอบโต้อย่างมีเหตุผล
“หากไม่ทำเช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถทะลวงผ่านแนวยิงของพวกมันได้ ข้ากำลังจะทำลายค่ายอาคมยุทธภัณฑ์ของพวกมัน!”
“เจ้าโง่หรือ? รู้หรือไม่ว่าทำไมพวกมันจึงสกัดเจ้าด้วยยุทธภัณฑ์ได้? ก็เพราะร่างของเจ้ามันใหญ่โตเกินไป!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างขุ่นเคือง
“นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะต้องมาเล่นบทบาทของสัตว์ประหลาดยักษ์ต่อสู้กับหุ่น ทำไมต้องให้ร่างอาจารย์อสูรใหญ่โตถึงเพียงนี้? เจ้าทำให้มันเล็กลงไม่ได้หรือไร? ต่อให้ขนาดตัวจะเล็กลง มันคงไม่ทำให้พลังของเจ้าลดลงตาม!”
ถังรั่วเวยคิดไตร่ตรอง
“อ้อ ฉันเคยชินกับการถูกท่านดุด่า และกว่าที่ข้าจะรู้ตัว ข้า…”
นางแลบลิ้นออกมาแก้เขิน
ขณะกล่าว ร่างอาจารย์อสูรของนางก้มลงผ่านพ้นม่านหมอกควันที่ระเบิดออก เทพธิดาร่างใหญ่เดินตรงเข้าสู่หมอกควัน โดยมีร่างเล็กปรากฏขึ้นในม่านหมอกอีกด้านหนึ่ง จากนั้น ร่างอาจารย์อสูรก็ย่อตัวลงเทียบเท่ากับหุ่นกลตรงหน้า เมื่อปรากฏตัวสู่สายตา มันก็กลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งทะยานเข้าหาหุ่นกลอย่างรวดเร็ว!
หุ่นกลโจมตีพร้อมกันด้วยอาวุธในมือ ทั้งมีดยาว โล่กลมถูกตั้งขึ้นเพื่อรอต้อนรับอาจารย์อสูรที่กำลังพุ่งมา พวกมันสร้างค่ายอาคมต่อสู้ขนาดใหญ่เพื่อปิดกั้น ส่วนแนวยิงด้านหลังก็ยังคงปล่อยยุทธภัณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนมาด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อกีดขวางเส้นทางการบินของพระโพธิสัตว์เสริมอก หุ่นกลป้องกันที่ประจำการอยู่ในป้อมปราการกวัดแกว่งมีดยาวในมือ ปลดปล่อยปราณจันทร์เสี้ยวออกอย่างต่อเนื่อง เมื่อผสานกันจำนวนมากจึงกลายเป็นค่ายอาคมตาข่ายอันทรงพลัง
อย่างไรก็ตาม พระโพธิสัตว์เสริมอกย่อขนาดร่างกายลงแล้วจึงมีความปราดเปรียวสูงยิ่ง ความเร็วและพลังของนางเหลือยิ่งกว่ายุทธภัณฑ์และปราณดาบของอมตะทั่วไปด้วยซ้ำ เมื่อมองจากสายตาคู่นี้แล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่าพวกมันลอยอยู่เฉย ๆ
ร่างกายของนางสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ดึงภูตผีออกมาทีละตน ก่อนจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วระหว่างช่องของตาข่ายปราณดาบและฝ่าฟันห่าฝนมิดไซล์ ในที่สุดนางก็มายืนอยู่ตรงหน้าของหุ่นกลในพริบตา
“เมื่อครู่นี้โจมตีโดนข้ารุนแรงนักนะ!”
เจตจำนงของถังรั่วเวยถูกเปล่งออกจากร่างของพระโพธิสัตว์เสริมอก นางแค่นเสียงหัวเราะพร้อมกล่าวอย่างขุ่นเคือง!
“เอาล่ะ! ไปตายซะไอ้พวกสวะ!”
กำปั้นจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยออกไปทันที ในเสี้ยววินาทีคลื่นโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนหุ่นกลโดยรอบ พวกมันทั้งหมดถูกกระแทกกับพลังอันทรงพลังอย่างพร้อมเพรียงกัน
มีเสียงดังเหมือนระเบิดท่ามกลางเสียงสะท้อนสนั่นหวั่นไหว หุ่นกลกองทัพอารักขาจำนวนมากถูกชกจนร่างกายแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทั้งหมดกลายเป็นเพียงชิ้นส่วนที่แตกหักพร้อมกับกระเด็นออกไปด้านหลัง คฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์ภายในร่างกายระเบิดออกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ร่างอาจารย์อสูรจะไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้มีเวลาทำลายตนเอง ในขณะโจมตี หมัดของนางทะลวงร่างกายแข็งแกร่งและยันต์ป้องกันอย่างแม่นยำ พร้อมกันนั้นมันก็ค่อยระเบิดวิถีกำเนิดที่กำลังจะเจริญเติบโตในร่างกายเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหยุดยั้งถังรั่วเวยได้แล้ว หุ่นกลป้องกันจึงตัดสินใจเด็ดขาดในการเปลี่ยนกลยุทธ์ พวกมันละทิ้งการรวมตัวกัน แยกตัวออกจากกัน จากนั้นทุกตัวก็พุ่งทะยานเข้าหาถังรั่วเว่ยจากรอบด้านและใช้ความสามารถเฉพาะตัวออกมาอย่างไม่ออมมือ!
ถังรั่วเวยควบคุมร่างอาจารย์อสูรให้ใช้กำปั้นและฝ่ามือมากมายเพื่อทุบตีพวกมัน! แต่เพราะแผนของหุ่นกลเหล่านี้ที่บินแยกตัวออกจากกัน จึงยังมีหุ่นกลบางส่วนที่สามารถหลบหลีกการโจมตีของนางได้!
หุ่นกลที่เหลือถอยห่างออกไปพร้อมกับเข้าร่วมกลุ่มกับกองกองอารักขา จากนั้นค่อยหันกลับมาสนใจร่างอาจารย์อสูรของถังรั่วเวย
พระโพธิสัตว์เสริมอกเย้ยหยันก่อนจะกระทืบเท้าบนพื้นโลหะของราชสำนักหุ่นกล หลังจากนางบดขยี้เกาะลอยน้ำเสร็จสิ้นแล้ว นางทะยานเข้าหากองกำลังตรงหน้าโดยปราศจากความหวั่นเกรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างของนางบินมาได้ครึ่งทาง ภายในพื้นที่รอบตัวนางเกิดกลุ่มแสงประหลาดเจิดจ้าขึ้นนับไม่ถ้วน…