ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 52 ข้าดีต่อท่าน แต่ท่านกลับปฏิบัติต่อข้าเหมือนน้องชาย!
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 52 ข้าดีต่อท่าน แต่ท่านกลับปฏิบัติต่อข้าเหมือนน้องชาย!
บทที่ 52 ข้าดีต่อท่าน แต่ท่านกลับปฏิบัติต่อข้าเหมือนน้องชาย!
ไป๋ชิวหรานพาทั้งสามคนกลับไปยังเมืองใกล้ ๆ แน่นอนว่าระหว่างทางไม่ได้ทำให้ซูเซียงเสวี่ยโกรธอีก เจ้าสำนักเหอฮวนคนนี้ไม่ได้สุภาพเหมือนก่อน นางสามารถตีไป๋ชิวหรานได้อย่างไร้ความปรานี
เมื่อมาถึง ไป๋ชิวหรานให้จั่วเหยียนเฟยกับถังรั่วเวยอยู่ในแดนเริงรมย์ของซูเซียงเสวี่ยชั่วคราว ส่วนตนจะไปยังภูเขาที่ตั้งของสำนักไป่เยว่
เนื่องจากบรรยากาศในร้านแห่งสำนักเหอฮวน ชวนให้สตรีทั้งสองไม่ค่อยสบายใจนัก ซูเซียงเสวี่ยจึงพาพวกนางไปยังลานหลังแดนเริงรมย์ ลานอันเงียบสงบนี้สร้างขึ้นเพื่ออาศัยอยู่ชั่วคราว หรือเพื่อหารือกันของผู้อาวุโสในสำนัก
“พวกเจ้าไม่ต้องคิดว่าการกระทำที่เขาปล่อยชุ่ยหลัวนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ชายผู้นั้นอายุมากแล้ว ยิ่งได้รู้จักมากเท่าไหร่ นิสัยยิ่งเหมือนเด็ก”
หลังจากเห็นไป๋ชิวหรานจากไป ซูเซียงเสวี่ยจึงบรรเลงพิณให้สตรีทั้งสองฟังพร้อมพูดเล่นเรื่องไป๋ชิวหราน
“ชุ่ยหลัวเป็นหนึ่งในสี่ทูตของจักรพรรดิปีศาจคนปัจจุบัน สถานะของนางจึงพิเศษอย่างมากในโลกปีศาจ หากตายในโลกมนุษย์ เช่นนั้นจะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนจะตายลง”
“เจ้าสำนักซูพูดถึงแต่ไป๋ชิวหราน…”
ถังรั่วเวยมองซูเซียงเสวี่ยอยู่นานก่อนจะเอ่ยถาม
“เจ้าสำนักซูคงจะชอบอาจารย์ของข้ามากสินะ?”
เต้ง!
เสียงของพิณที่ซูเซียงเสวี่ยเล่นอยู่ถึงกับผิดเพี้ยน นางเม้มปากเผยลมหายใจออกมาอย่างรุนแรงก่อนจะกล่าวกับถังรั่วเวย
“เหตุใดน้องหญิงรั่วเวยถึงถามเช่นนี้?”
“ข้านึกไม่ออกว่าทำไมสตรีคนหนึ่งถึงทำให้ผู้ชายมากมายหลงถึงเพียงนี้โดยไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน”
ถังรั่วเวยกล่าว
“ข้าเองก็เป็นสตรี พอจะทราบความคิดหรือการกระทำของสตรีด้วยกัน ยิ่งกว่านั้นท่านยังเป็นคนใหญ่คนโตของฝั่งสำนักมาร ยิ่งใกล้ชิดกับอาจารย์มากเท่าไหร่… คงยิ่งกดดันมากเลยใช่หรือไม่?”
เมื่อยินคำกล่าวนี้ จั่วเหยียนเฟยที่อยู่ด้านข้างจึงก้มศีรษะลงแล้วบ่นกับตัวเอง
“ทำไมพวกเด็กผู้ชายในช่วงวัยเดียวกันชอบบอกว่าเราขี้งก…”
ทั้งซูเซียงเสวี่ยและถังรั่วเวยไม่ได้สนใจคำพูดของจั่วเหยียนเฟย หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ซูเซียงเสวี่ยจึงพูดกับถังรั่วเวยต่อ
“คุณชายไป๋มีความเมตตาต่อข้ามาก แน่นอนว่าต้องตอบแทน หากไม่มีเขา ซูเซียงเสวี่ยคนนี้คงกลายเป็นเพียงหนูทดลองเพื่อใช้ปรับแต่งลมปราณของเจ้าสำนักคนก่อนไปแล้ว อีกทั้งที่ได้เป็นเจ้าสำนักเหอฮวนจนเรียกลมฝนได้ก็เพราะคุณชายไป๋สนับสนุน ซูเซียงเสวี่ยย่อมต้องตอบแทนน้ำใจอันยิ่งใหญ่นี้”
“ข้าไม่เคยเรียนรู้ว่าอสูรเผ่ามารจะรักษาคำพูดหรือตอบแทนความเมตตามาก่อนตอนอยู่ในสำนักกระบี่ชิงหมิง”
ถังรั่วเวยส่ายหัว
“ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้จะต้องการตอบแทนน้ำใจ แต่ท่านก็ทำสุดความสามารถทุกอย่าง ราวกับว่าเขาต้องการอะไรก็หามาให้ได้หมด”
“นี่… เหตุใดสาวน้อยรั่วเวยถึงสนใจชีวิตรักของอาจารย์ล่ะ?”
ซูเซียงเสวี่ยหลีกเลี่ยงที่จะตอบ
“ข้าเป็นลูกศิษย์ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องสนใจ”
ถังรั่วเวยจับคางของตนก่อนเอ่ยถาม
“ท่านลองคิดดู หากในอนาคตเขาตายจริง ๆ เช่นนั้นคนที่ข้าจะมองหาเพื่อเรียกอาจารย์หญิงคงเป็นเจ้าสำนักซู”
ซูเซียงเสวี่ยกับถังรั่วเวยมองหน้ากันชั่วครู่ จากนั้นทั้งสองจึงปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น ขณะที่จั่วเหยียนเฟยมองมาอย่างตกตะลึง
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะถูกเด็กรุ่นเยาว์กว่าเล่นซะพูดไม่ออก”
ซูเซียงเสวี่ยยิ้ม
“ใช่ ข้าอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ถึงแม้จะพยายามอยู่ด้วยกันภายใต้แรงกดดันของฝ่ายธรรมะและอธรรม… นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย น้องหญิงรั่วเวยอยากให้ข้าเป็นอาจารย์หญิงจริงหรือ?”
“ปัญหานี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอาจารย์ ไม่ใช่ข้า”
ถังรั่วเวยให้คำแนะนำซูเซียงเสวี่ย
“แต่หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าสำนักซูคงไม่สมหวังกับความรักไปตลอดชีวิต”
“ฮืม? น้องหญิงรั่วเวยกำลังช่วยข้าแก้ไขปัญหาทางอารมณ์งั้นหรือ?”
ซูเซียงเสวี่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดถึงกังวลเรื่องนี้ล่ะ?”
“เพราะตัวตนของท่านที่เป็นเจ้าสำนักเหอฮวน”
ถังรั่วเวยกล่าวอย่างเฉียบคม
“สำนักเหอฮวนมีชื่อเสียงอย่างไรในโลก? การหลอกลวง การหลอกล่อ หรือปีศาจอันโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงาม… พูดสั้น ๆ คือไม่มีชายใดในโลกจะแต่งงานกับสตรีจากสำนักเหอฮวน ยกเว้นผู้ที่มีงานอดิเรกพิเศษเท่านั้น กล่าวคือ…”
ใบหน้าของถังรั่วเวยเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาขยับวูบไหวไปมาก่อนจะถาม
“เจ้าสำนักซู ท่านเคยเก็บเกี่ยวชายอื่นหรือไม่?”
ฮืม ดูเหมือนนางจะไร้เดียงสาอยู่สินะ
ซูเซียงเสวี่ยยิ้มแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“มันก็ขึ้นอยู่กับคำจำกัดความของคำว่า ‘เก็บเกี่ยว’ ของเจ้าไม่ใช่หรือ? หากพูดถึงการดูดพลังหยางของผู้ชาย… แน่นอนข้าเคยดูดมาแล้วก็จริง ทว่าไม่เคยมุดมุ้งกับใคร”
“อะไรนะ?”
ถังรั่วเวยรู้สึกเขินอาย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จั่วเหยียนเฟยเงี่ยหูฟังอยู่ตลอดการสนทนาของทั้งสอง หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ถังรั่วเวยจึงถามต่อ
“แล้วเจ้าสำนักซูใช้วิธีใดดูดพลังหยางจากผู้ชาย?”
หลังจากมองหน้าซูเซียงเสวี่ยชั่วครู่ ถังรั่วเวยสะบัดมือ
“เอ่อ… หากเป็นความลับของสำนัก เช่นนั้นข้าไม่ต้องการทราบก็ได้”
“ไม่ใช่ความลับของสำนักหรอก อันที่จริงมันถูกปรับเปลี่ยนโดยอาจารย์ของเจ้าเช่นกัน”
ซูเซียงเสวี่ยยิ้มจาง ๆ
“เส้นทางทักษะวิชาของข้านั้นมีเสน่ห์พิเศษบนพื้นฐานของสำนักเหอฮวนอยู่แล้ว อันที่จริงหากเป็นบุรุษธรรมดา สามารถรับพลังหยางได้เพียงแค่พูดคุยกับพวกเขา หากไม่มีใครเข้า… แค่เดินไปตามถนนก็จะได้รับพลังปราณหยางอันนับไม่ถ้วนเอง”
“เอ่อ…”
เมื่อนึกถึงความสามารถของซูเซียงเสวี่ยที่ไป๋ชิวหรานบอกก่อนหน้านี้ ถังรั่วเวยก็ตกตะลึงเล็กน้อย
นี่เป็นเหมือนคำสาปแห่งความงาม หากนางถอดผ้าคลุมหน้า ออกเดินเฉิดฉายต่อหน้าจักรพรรดิแห่งชางโจวและทั้งสามอาณาจักร เช่นนั้นอาจจะทำให้พินาศจนเกิดสงครามได้เลย!
เจ้าสำนักของหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งสำนักฝ่ายมาร ช่างเป็นผู้ที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง!
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ถังรั่วเวยจึงพูดกับซูเซียงเสวี่ยโดยตระหนักถึงสิ่งนี้ในใจ
“เช่นนั้นเจ้าสำนักซูยังคงบริสุทธิ์อยู่งั้นหรือ?”
ซูเซียงเสวี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“แล้วอาจารย์ข้าทราบเรื่องนี้หรือไม่?”
ถังรั่วเวยถามอีกครั้ง
ซูเซียงเสวี่ยคิดอย่างลังเลก่อนจะส่ายหัว
“ข้าไม่เคยบอกเขา”
“ว่าแล้วเชียว”
ถังรั่วเวยประกบมือ
“ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาที่ท่านอยู่ด้วยกัน เขามักจะปฏิบัติต่อท่านราวกับสหายเพศชายคนหนึ่ง เมื่อสหายออกไปหาหญิงอื่น ทำเพียงคิดว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชายด้วยกัน”
“หืม?”
ซูเซียงเสวี่ยครุ่นคิดอยู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอย่างโกรธเคือง
“เจ้าหมายความว่าไป๋ชิวหรานเห็นข้าเป็นผู้ชายมาตลอดงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ลองคิดดูสิ ตั้งแต่ที่ท่านและอาจารย์พบกัน ขั้นพลังการบ่มเพาะพลันสูงขึ้น หลังจากนั้นกลายเป็นเจ้าสำนักเหอฮวน อาศัยอยู่ในแดนเริงรมย์ วันนั้นตอนที่อาจารย์พาข้าไปหาเจ้าสำนักครั้งแรก เขาฝากข้อความผ่านศิษย์เฝ้าประตูว่าให้ไปพาคนที่เชี่ยวชาญที่สุดมา จากนั้นศิษย์เฝ้าประตูจึงพาไปหาท่าน… ข้าเกรงว่า เขายังคิดว่าท่านทำงานปรนนิบัติชายอื่นอยู่ในร้านอาหารของสำนักเหอฮวนอยู่”
ถังรั่วเวยคาดเดา
“อาจารย์มีความสัมพันธ์อันดีกับท่าน ทว่าไม่คิดจะสานต่อ ทำได้แค่ปฏิบัติเหมือนสหายเพศชายทั่วไป หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ เกรงว่าท่านจะได้เป็นน้องชายของเขาไปตลอดชีวิต”
…