ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 547 ความสุขจากการนั่งคุกเข่าเลียเท้านั้นยอดเยี่ยมกว่า
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 547 ความสุขจากการนั่งคุกเข่าเลียเท้านั้นยอดเยี่ยมกว่า
บทที่ 547 ความสุขจากการนั่งคุกเข่าเลียเท้านั้นยอดเยี่ยมกว่า
บทที่ 547 ความสุขจากการนั่งคุกเข่าเลียเท้านั้นยอดเยี่ยมกว่า
“มันปรากฏตัวขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้งั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินหงหลิงกล่าวเช่นนั้น ไป๋ชิวหราน เจียงหลาน และหลีจิ่นเหยาถึงกับมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
ดังที่ทราบ ครั้งล่าสุดที่พวกเขาออกไปท่องเที่ยวนั้นผ่านมาเพียงเดือนกว่า ในเวลานั้นโลกวัตถุที่ถูกกลืนกินยังอยู่ที่ปลายสายธารแห่งความว่างเปล่า และมันอยู่ห่างไกลจากชายแดนนครสรวงสวรรค์มาก
หากอารยธรรมนั้นไม่ได้ล้ำหน้ามากก็ไม่สามารถเดินทางสู่สถานที่แห่งนี้ได้เลย …ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม
“แมลงพวกนั้นเดินทางได้รวดเร็วเกินไปแล้ว! นี่นับว่าเป็นภัยธรรมชาติยิ่งใหญ่กว่าโรคระบาดซะอีก!”
ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“อย่างไรก็ตาม… ข้าจดจำได้ว่านครสรวงสวรรค์ได้รับการแจ้งเตือนก่อนโลกวัตถุแห่งเซียน เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะถอนกำลังคนออกจากโลกวัตถุชายแดนเหล่านั้นแล้วมิใช่หรือไร?”
“ถอนตัวนั้นถูกต้อง แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมออกมากับพวกเรา ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร บางเผ่าพันธุ์ถึงกับทุบตีทูตที่เราส่งไปด้วยซ้ำ”
หงหลิงกล่าวคำด้วยความขุ่นเคือง
“ทั้งเผ่าเขาโค้ง เผ่านักรบ และอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นอารยธรรมที่บูชาอำนาจและความแข็งแกร่ง”
“เช่นนั้น… เวลานี้พวกเขาคงได้รับความปรารถนาของตนแล้ว” ไป๋ชิวหรานเหลือบตามองก่อนจะกล่าวว่า “พลังของแมลงพวกนั้นยิ่งใหญ่นัก!”
“แต่สิ่งเหล่านั้นไม่อาจเรียกว่าพลังได้” แม่นางน้อยส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวเสริม
“อาวุโสชิวหราน ท่านไม่เข้าใจ โดยปกติแล้วเผ่าพันธุ์เหล่านั้นล้วนชื่นชมความแข็งแกร่ง พวกเขาจะมีความสุขกับสองสิ่ง ประการแรกคือความสุขในการขึ้นเป็นผู้ปกครองและข่มเหงผู้อ่อนแอกว่า และอีกประเภทหนึ่งคือการคุกเข่าแล้วเลียเท้าผู้แข็งแกร่ง นั่นคือสิ่งที่พวกเขายินดีและภาคภูมิใจ แต่เมื่อเป็นเรื่องของแมลง พวกเขาจึงต้องกลายเป็นอาหารของสัตว์ ไร้ความสุขที่จะกระทำร่วมกัน”
“อืม เป็นเช่นนั้น คำกล่าวของหลีจิ่นเหยาถูกต้องแล้ว” ไป๋ชิวหรานพยักหน้าจริงจังก่อนจะมองหงหลิง “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด บอกกล่าวกับข้าสิ?”
“ข้าอยากจะอ้อนวอนขอให้บรรพชนกระบี่ช่วยเหลือชาวนครสรวงสวรรค์ด้วย” หงหลิงโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“หากท่านไปที่โลกวัตถุของแมลงพวกนั้น และนำข้อมูลสำคัญกลับมาให้… เมื่อเผชิญหน้ากับพวกมัน แน่นอนว่าเราจะมอบสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดตามกำลังทั้งหมดที่มีตอบแทน แม้เราจะพ่ายแพ้ แต่เราก็ไม่ต้องการจะนั่งรอความตาย!”
“อืม!” ไป๋ชิวหรานไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “อย่างไรเสีย มันก็เพียงเรื่องเล็กน้อย”
“ขอบคุณสำหรับความเมตตานี้”
หลังจากหงหลิงกล่าวจบ ภาพจำแลงนั้นเลือนหายไป
ในเวลาเดียวกัน หุ่นกลจักรพรรดิเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และเรือเหาะที่ไป๋ชิวหรานกำลังใช้เดินทางก็อยู่บนฝ่ามือของมัน
“ความเร็วของข้าเหนือกว่าเรือลำนี้”
“เช่นนั้นจึงฝากด้วย”
…
โลกวัตถุใต้อาณัติแห่งนครสรวงสวรรค์ที่สาม อดีตบ้านเกิดของชนเผ่าเขาโค้ง
ในอดีต กำแพงป้องกันของโลกวัตถุใบนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพหุ่นกล มันถูกทำลายโดยกระแสน้ำเชี่ยวกรากสีดำนับไม่ถ้วน และแมลงสีดำประหลาดมากมายล้นทะลักเข้าสู่เมืองแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง! มันมาจากรอยแตกเล็กน้อยของกำแพงป้องกัน ในเมือง… จนเผ่าเขาโค้งถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม!
ความแข็งแกร่งของมันแต่ละตัวเหนือยิ่งกว่านักรบชนเผ่าเขาโค้งเสียอีก และจำนวนก็มากเกินไปจนทำให้คนในชนเผ่าทั้งหมดสิ้นหวัง ดังนั้นนี่คือสงครามที่ไร้ความเท่าเทียมตั้งแต่ต้น!
ในไม่ช้า ทุกชีวิตในเมืองแห่งนี้ถูกฝูงแมลงยักษ์กลืนกินหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสตรี คนชรา เด็ก สัตว์ หรือสิ่งอื่น ๆ แมลงเหล่านี้ปฏิบัติต่อทุกสิ่งมีชีวิตอย่างเท่าเทียม และไม่คิดปล่อยให้ผู้ใดรอดชีวิตไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น… หลังจากกลืนกินเผ่าเขาโค้งเสร็จสิ้นแล้ว แมลงเหล่านี้ก็วิวัฒนาการปลายเป็นแมลงมีเขาโค้งที่แข็งแกร่งบนศีรษะหนึ่งคู่ กล้ามเนื้อขาหน้าของพวกมันวิวัฒนาการอย่างชัดเจน จนกลายเป็นกำยำและกรงเล็บกลายเป็นค้อนยักษ์คู่หนึ่ง… รูปร่างคล้ายกับกำปั้น
แม้แต่ผู้คนในเผ่าเขาโค้งก็ยังสังเกตเห็นว่า… หลังจากที่พวกแมลงสังหารนักรบในเผ่าพันธุ์ของตน และกลืนกินบุคคลผู้นั้นลงไป หลังจากนั้นพลังแห่งยันต์ก็จะปรากฏขึ้น บางตัวถึงกับมีเคียวขนาดใหญ่ที่คล้ายกับใบมีดงอกขึ้นจากขาด้านหน้า
สถานการณ์เป็นไปอย่างสิ้นหวัง ภายในหนึ่งชั่วยาม หลังจากแมลงเปิดฉากโจมตี สมาชิกคนสุดท้ายของเผ่าเขาโค้งหลับซ่อนอยู่ในหอคอยชั้นบนสุดของเมืองก็เลิกความคิดที่จะต่อต้านด้วยความสิ้นหวัง
เขาปลิดชีพของตนเองด้วยการยกยุทธภัณฑ์ขึ้นจ่อขมับ
ก่อนที่เขาจะล้มลงและตายตก เขานึกถึงวันที่ทูตนครสรวงสวรรค์มาเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาอพยพสู่ภาคกลาง
ในเวลานั้น เมื่อผู้นำเผ่าเขาโค้งถีบส่งทูตนครสรวงสวรรค์เข้าไปในห้องโดยสารของเรือเหาะ เขาก็ส่งเสียงหัวเราะเสียงดังบ้าคลั่ง!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าของทูตแห่งนครสรวงสวรรค์มิใช่ความโกรธหรืออะไรเลย แต่เป็นสายตาที่จับจ้องบุคคลที่ตายแล้วเท่านั้น
“แล้วเจ้าจะเสียใจ…”
แต่เขากลับตอบอีกฝ่ายไปว่า
“เผ่าเขาโค้งจะไม่มีวันเสียใจ!”
เป็นเขาที่กล่าวคำนั้นอย่างเย่อหยิ่ง
เวลานี้ผู้นำที่ทรงพลังและฉลาดที่สุดของพวกเขากลายเป็นอาหารนอนขดอยู่ในกระเพาะของแมลงเหล่านั้นแล้ว
ไม่มีวันเสียใจ? ข้ากล่าวประชดประชันใดออกไป…
เผ่าเขาโค้งนอนจมอยู่ท่ามกลางกองโลหิตสาดกระเซ็น …นี่คือความคิดสุดท้ายที่ผุดขึ้นในหัวก่อนจะสิ้นใจ
…
“พวกเขาอยู่ที่นี่ …นี่คือโลกวัตถุวัตถุแถบชายแดนบางส่วนที่ยังไม่ได้มีการอพยพ”
บนสายธารแห่งความว่างเปล่า หุ่นกลระดับจักรพรรดิยื่นฝ่ามือออกมา และปล่อยให้เรือเหาะของไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ลอยออกสู่ห้วงอวกาศตรงหน้า
ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ยืนอยู่บนเรือเหาะก่อนจะมองออกไปรอบโลกวัตถุชายแดนเหล่านั้น
“ภายนอกก็ดูเหมือนไม่มีอะไรหนิ”
หลังจากตรวจสอบสักครู่ หลีจิ่นเหยาจึงกล่าวว่า
“ข้ามองไม่เห็นว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในโลกวัตถุใบนั้น”
“ผู้นำแห่งนครสรวงสวรรค์ ท่านพยายามจะติดต่อกับสถานที่แห่งนั้นหรือ?”
เจียงหลานกล่าว
“ข้าติดต่อพวกเขาได้เสมอ นับตั้งแต่ข้าทราบตำแหน่งพวกเขา เราสามารถติดต่อพวกเขาได้ตลอดเวลา”
หงหลิงตอบกลับ
“แต่เมื่อสามวันที่แล้ว กลับไร้การตอบสนองใด”
“เช่นนั้นคงมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับโลกวัตถุใบนั้นแล้ว”
หุ่นกลจื้อเซียนที่ยืนติดกับผนังของห้องโดยสารเฝ้ามองโลกวัตถุทั้งหลายผ่านแผ่นแสงแสดงผลอย่างตั้งใจ
“เราจะทราบเมื่อเข้าไปตรวจสอบ”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับหงหลิง
“เจ้ากลับสู่สถานที่ปลอดภัยก่อน หุ่นกลจักรพรรดิที่เจ้าควบคุมเวลานี้คืออาวุธที่อ่อนแอที่สุดในจักรวาลนี้”
“เช่นนั้นขอตัวก่อน”
หงหลิงไม่ได้โกรธเคืองเมื่อได้ยิน แต่หลังจากกล่าวจบ พวกเขารีบควบคุมหุ่นกลจักรพรรดิของตนออกไปจนลับสายตา
“เอาล่ะ พวกเราเข้าไปตรวจสอบกัน”
ไป๋ชิวหรานบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“หลานเอ๋อ จิ่นเหยา เตรียมพร้อมต่อสู้… ส่วนจื้อเซียน เอ่อ เจ้า… เจ้าลองฝึกวิ่งหนีให้เร็วที่สุดดูแล้วกัน”
“อย่าคิดละทิ้งกันง่ายดาย ช่วยปกป้องข้าสักนิดไม่ได้หรือ?”
จื้อเซียนบ่น
ไป๋ชิวหรานเมินเฉยต่อคำพูดนั้นก่อนจะควบคุมเรือเหาะเข้าสู่โลกวัตถุแถบชายแดนเหล่านี้แบบสุ่ม ก่อนจะบุกเข้าไปด้านใน
และเมื่อเข้าสู่ด้านในแล้ว สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนคือฉากอันน่าสะพรึงกลัว!