ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 549 จื้อเซียนนี้ยอมทำทุกสิ่งเพื่อการค้นคว้า
บทที่ 549 จื้อเซียนนี้ยอมทำทุกสิ่งเพื่อการค้นคว้า
บทที่ 549 จื้อเซียนนี้ยอมทำทุกสิ่งเพื่อการค้นคว้า
ไป๋ชิวหรานควบคุมเรือเหาะไปรอบ ๆ และมุ่งหน้าไปยังส่วนหนึ่งของโลกวัตถุนี้
ก่อนมาถึงที่นี่ หุ่นกลจักรพรรดิได้มอบแผนที่ของพรมแดนโลกวัตถุเหล่านี้ให้กับหุ่นกลจื้อเซียน แม้เผ่าพันธุ์ในแถบชายแดนจะไม่ยอมรับการปกครองระบอบของนครสรวงสวรรค์ แต่พวกเขาก็มีพลังเพียงเล็กน้อยที่จะก่อตั้งถิ่นฐานใหม่ในโลกทุรกันดาร ดังนั้นแม้ว่ามหาเทพหุ่นกลจะล่มสลายไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองหุ่นกล ที่มหาเทพหุ่นกลทิ้งไว้ให้พวกเขา
“มีเมืองหุ่นกลทั้งหมดสามเมืองในโลกนี้ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในสามแคว้น”
จื้อเซียนนำทางไป๋ชิวหรานและกล่าวอธิบาย
“ในโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามากกว่าหนึ่งประเภท บางชนิดก็ลงมาจากภูเขาสูง บางชนิดเดิมทีอาศัยอยู่ในป่าทึบ และบางชนิดก็ขึ้นมาจากใต้น้ำ หรืออาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาต่อสู้กันเอง มหาเทพหุ่นกลองค์ก่อนจึงแยกเผ่าพันธุ์ทั้งสามออก และสร้างเมืองให้สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ ดังนั้นโลกชายแดนแห่งนี้จึงนับได้ว่าเป็นอารยธรรมขนาดเล็กทั้งสาม”
“ข้ากำลังคิดว่า… ความอยากอาหารของแมลงเหล่านี้มีวันจบสิ้นหรือไม่”
ไป๋ชิวหรานกล่าวคำ
“แมลงเหล่านี้ไม่ปฏิเสธแม้แต่ก้อนโลหะ หรือวัสดุสำหรับการสร้างหุ่นกล”
“เท่าที่มองดูเวลานี้ คิดว่าไม่”
จื้อเซียนพึมพำ
“หวังว่าแมลงพวกนี้จะเมตตาและเหลือบางสิ่งไว้ให้เราศึกษาบ้าง”
“เวลานี้เจ้าไม่เหมือนนักค้นคว้าสักนิด แต่เหมือนขอทานมากกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของจื้อเซียน หลีจิ่นเหยาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
“สาวน้อย เจ้าไม่เข้าใจ นี่คือทัศนคติที่ดีของนักสำรวจ”
จื้อเซียนส่ายศีรษะพร้อมกล่าวตอบ
“เพื่อศึกษานิสัยการกินของสัตว์ ข้าจึงต้องลิ้มรส… แค่ก ๆ ไม่มีอะไร”
เขายังไม่ทันกล่าวจบประโยค แต่ทันทีที่กล่าวออกมา ทั้งหลีจิ่นเหยาและเจียงหลานถอยออกห่างจากเขาในทันที
“เจ้าน่ารังเกียจเหลือจะเอ่ย” ไป๋ชิวหรานเผยใบหน้าขยะแขยง “อยู่ให้ห่างจากข้า เข้าใจไหม?”
“ข้าเพียงล้อเล่น!”
จื้อเซียนตะโกนเสียงดัง แต่ไป๋ชิวหรานและภรรยาทั้งสองกลับไม่คิดเชื่อถือเขาอีกแล้ว
เพราะตามความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับจื้อเซียนผู้นี้ เขาคือชายที่สามารถอุทิศร่างกายและแม้ทุกสิ่งอย่างเพื่อผลประโยชน์ในการแสวงหาความรู้
เขาไม่ต้องการแม้กระทั่งชีวิต ดังนั้นหากต้องทำ จะไม่มีที่เขาทำไม่ได้
ระบบพรางตัวมาพร้อมกับการเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง และมาถึงดินแดนที่ล้อมรอบด้วยภูเขาพร้อมที่ราบสูง
เดิมทีที่นี่มีเมืองหุ่นกลงดงามสร้างขึ้นโดยมหาเทพหุ่นกล มันสร้างในพื้นที่ไล่ระดับตั้งแต่ภูเขาจนมาถึงพื้นที่ราบด้านล่าง มหาเทพหุ่นกลใช้พลังของเขาทำให้ภูเขาที่ขรุขระเรียบขึ้นมา และจัดการกับแอ่งน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ไว้กลางเมือง เมืองนี้จึงมีแอ่งน้ำอยู่ตรงกลาง ภูเขาด้านหลัง และนอกกำแพงเป็นที่ราบกว้างใหญ่จนงดงาม
ในเมืองนี้ ผู้คนที่อาศัยอยู่แต่เดิมเป็นชนเผ่าเขาโค้ง
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ภูเขาทั้งลูกเกือบจะถูกสัตว์ร้ายพวกนั้นพังทลายสิ้น และพื้นดินถูกปกคลุมด้วยหนอนของแมลงสีดำตัวนั้นที่คล้ายกับเมือกเนื้อกำลังคืบคลาน ไป๋ชิวหรานมาถึงตำแหน่งแห่งนี้ และมองลงมาจากด้านบนเพื่อสำรวจ เวลานี้แอ่งน้ำตรงกลางเมืองหายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยหลุมลึกขนาดใหญ่ ในหลุมนั้นมีมวลขนาดใหญ่กำลังบิดตัวไปมา
“มันน่าจะเป็นรังของแมลงพวกนั้น หรือว่าอะไรสักอย่าง”
จื้อเซียนบันทึกภาพจำนวนมากเพื่อบันทึกสิ่งที่เขาเห็นเอาไว้
“ข้าเพิ่งเห็นไข่แมลงสีดำออกมาจากโพรงเหล่านั้น ตาเฒ่าไป๋ เราไปดูอีกสองเมืองกัน”
ไป๋ชิวหรานควบคุมเรือและออกเดินทาง พวกเขามาถึงเมืองแห่งชนเผ่าชาวป่าครั้งแรก มันคล้ายกับเมืองในภูเขา ในบริเวณนี้เต็มไปด้วยป่าทึบที่ถูกแมลงกลืนกินหมดสิ้น มีหลุมขนาดใหญ่อยู่ในบริเวณ และสิ่งนี้เต็มไปด้วยเมือกเนื้อและมีไข่อยู่ด้านในโพรงจำนวนมาก
ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ มาถึงเมืองแห่งน้ำ เนื่องจากลักษณะเฉพาะทางสถาปัตยกรรม เมืองนี้จึงแตกต่างจากสองเมืองก่อนหน้า
มหาเทพหุ่นกลสร้างเมืองขนาดใหญ่นี้สำหรับเผ่าสะเทินน้ำสะเทินบก ในอ่าวลึกมีเครื่องหุ่นกลมากมาย เมืองนี้อยู่เหนือผืนน้ำ และยังอยู่ใต้น้ำด้วยเช่นกัน
อาจกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งของเมืองหุ่นกลนี้อยู่เหนือผิวน้ำ และอีกครึ่งอยู่ใต้ผิวน้ำ ส่วนเผ่าสะเทินน้ำสะเทินบกนั้นสามารถเดินทางไปมาระหว่างสองเมืองนี้ได้อย่างง่ายดาย
บางทีอาจเป็นเพราะโครงสร้างพิเศษของเมือง แมลงจึงไม่อาจทำลายมันได้โดยง่ายและหยาบคายเช่นเคย เมื่อไป๋ชิวหรานมาถึง พวกเขาพบว่าโครงสร้างพื้นฐานของเมืองยังคงอยู่ มีโลหะบางส่วนถูกทำลาย และมีหลุมหนึ่งซึ่งถูกเมือกเนื้อครอบคลุมและมีรูปทรงไม่ต่างจากที่เคยพบเจอในอีกสองเมืองก่อนหน้า
และภายในเมืองนี้ น้ำทะเลถูกกรองโดยบางสิ่งจึงกลายเป็นของเหลวสีเขียว ในน้ำสีเขียวนี้แมลงในทะเลยังคงปั่นป่วนและสับสน พวกมันทำได้เพียงลงทะเลและออกล่าในมหาสมุทรกว้างใหญ่เพื่อจัดการกับสัตว์น้ำที่เหลืออยู่
สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแมลงพวกนั้น เมืองแห่งนี้ยังมีแมลงบางตัวที่ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ไม่เคยพบมาก่อน
แมลงเหล่านี้คล้ายกับลูกแก้วสีแดงขนาดใหญ่ลอยในอากาศ แต่ภายใต้สิ่งนี้มี ‘ก้อนผลึกใส’ ที่มีหนวดสีดำแผ่ขยายและแขนขามีปล้องแข็งน่าขยะแขยง
แมลงลูกแก้วเหล่านี้ล่องลอยในอากาศราวกับแมงกระพรุนที่ลอยในมหาสมุทร มันบินวนไปรอบเมืองอย่างไร้จุดหมาย และลอยไปลอยมา ศีรษะของมันที่คล้ายกับลูกแก้วเปล่งแสงกระพริบเชื่องช้า
และที่จุดสูงสุดของเมืองด้านล่าง ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ก็พบเจอสิ่งที่แปลกประหลาดออกไปเช่นกัน
แมลงตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นมาก ดังนั้นไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ จึงมองเห็นมันได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายของมันใหญ่กว่าแมลงบนบกกว่าสิบเท่า แต่อย่างไรแล้ว มันก็ยังมีขนาดเล็กกว่าสัตว์ประหลาดที่สามารถทุบตีภูเขาก่อนหน้านี้ แมลงตัวนี้ปกคลุมด้วยเปลือกแข็งสีดำขลับ และดูเหมือนว่ามีพลังแห่งยันต์ที่เต็มไปด้วยพลังปราณที่แท้จริงจะไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ
ลำตัวท่อนบนของแมลงยักษ์ตัวนี้ปกคลุมด้วยเปลือกแข็งสีดำคล้ายกับสวมชุดเกราะหนัก มันมีขาหน้าสี่ข้าง และหลังสี่ข้าง แขนขาแยกออกเป็นรูปสี่เหลี่ยม หนาและทรงพลัง ส่วนปลายของแขนขาเป็นข้อต่อคมปลาบ เมื่อมองแวบแรกก็ทราบถึงอันตราย ส่วนปลายแขนทั้งสี่ของลำตัวส่วนบนมีใบมีดยาวสี่เล่มพร้อมพลังแห่งยันต์เปล่งประกายออก ใบมีดเหล่านั้นสั่นสะเทือนตลอดเวลา ชัดเจนว่ามันอันตรายและไม่อาจประมาทได้
สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือหลังจากสำรวจทั่วโลกแล้ว ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ไม่พบแมลงตัวใดที่คล้ายคลึงกับมันเลย
“นี่ต้องเป็นแมลงที่พิเศษกว่าตัวอื่น หรือมันอาจจะเป็นผู้นำ…”
จื้อเซียนกล่าวอุทาน
“เร็วสิ เฒ่าไป๋ รีบเข้าไปดูใกล้ ๆ ซิ!”
ไป๋ชิวหรานค่อย ๆ ควบคุมเรือเข้าไปใกล้ เมื่อเขาเข้าใกล้แมลงตัวนี้ แมลงลูกแก้วคริสตัลสีก่อนหน้าก็ส่องแสงสีแดงเข้มราวกับส่งสัญญาณเตือนภัย
และแมลงที่พิเศษตัวนั้นเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองหาว่าไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ อยู่ที่ใด…