ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 550 การปรับตัวของแมลง
บทที่ 550 การปรับตัวของแมลง
บทที่ 550 การปรับตัวของแมลง
“ถูกพบแล้วหรือ?!”
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของแมลง ทุกคนตกต่างตะลึง
“หึหึ ดูท่าพวกมันจะมีวิธีการตรวจจับบางอย่างที่พวกเรายังไม่รู้”
จื้อเซียนยังคงสงบ แนบหน้าลงกับฝากั้นเรือเหาะที่โปร่งใส ขณะมองแมลงพิเศษอย่างตั้งใจ
“ข้าเพิ่งบอกว่าตอนนี้พวกเราถูกล้อมแล้ว!”
หลีจิ่นเหยาบ่น
“ต่อให้เจ้าไม่กลัว แต่ช่วยให้เห็นหัวแมลงเหล่านี้เสียหน่อยได้หรือไม่?”
“ตลกน่า ตาเฒ่าไป๋อยู่ที่นี่นะ เขาน่ากลัวกว่าแมลงอยู่แล้ว”
จื้อเซียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“หึหึ ดูท่าแมลงจะสามารถสั่งการกันเองอื่นได้สินะ”
บนพื้น แมลงพิเศษนั่นส่งเสียงดังระงม ยันเคลื่อนไปบนเปลือกของมัน จากนั้น แมลงจึงเปิดปากแล้วพ่นเปลือกพลังงานยันต์ที่แข็งแกร่งออกมา!
ตอนนี้ ไป๋ชิวหรานไม่สนเกี่ยวกับการรักษาการล่องหน เรือเหาะได้ทำการสำรวจอย่างรวดเร็วขณะหลีกเลี่ยงการโจมตีกระหน่ำ จนมันต้องปรากฏขึ้นจากการล่องหน
ยุทธภัณฑ์ด้านข้างเรือถูกเปิดใช้งานก่อนจะยิงลูกไฟทะยานและพุ่งผ่านไป ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ในหมู่เมฆบนนภาอีกทั้งเกิดการระเบิดครั้งใหญ่นี้มากพอจะครอบคลุมรัศมีหลายลี้!
“พละกำลังของแมลงตัวนี้เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแท้จริง”
หลีจิ่นเหยาหันไปมองนภา กล่าวถามขึ้นว่า
“นี่เป็นผลมาจากการผลักดันระบบยันต์นี้ให้ถึงขีดจำกัดใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่แค่นั้น พวกมันน่าจะทำการปรับแต่งระบบยันต์ของตัวเองด้วย”
ขณะเจียงหลานกล่าว นางดึงแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย
บนพื้น แมลงนับไม่ถ้วนรวมตัวภายใต้การอัญเชิญของตัวตนพิเศษนี้ คลื่นส่งเสียงคำรามในทะเล มีแมลงน้ำนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ใต้น้ำเช่นกัน
“ข้าไม่เข้าใจว่ามันอัญเชิญและควบคุมฝูงได้อย่างไร”
ไป๋ชิวหรานหลับตาแล้วปลดปล่อยสัมผัสเทวะออกไป จากนั้นดึงกลับมา และเผยสีหน้าสีหน้าแปลกประหลาด
“แต่ข้าสัมผัสได้ถึงความพิเศษบางอย่าง… เจียงหลาน”
เมื่อเห็นว่าเจียงหลานกำลังจะปล่อยพิษออกมา จึงยื่นมือไปห้ามการเคลื่อนไหวของนางเอาไว้
“อย่าใช้พิษขั้นสูงเกินไป ครั้งนี้ใช้ขั้นต่ำสุด ทำให้แน่ใจว่าพวกเราจะสามารถหลบหนีได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เจียงหลานพยักหน้า ก่อนจะโบกแขนเสื้อลงอีกครั้ง
จากนั้นนางมาที่ชั้นดาดฟ้าของเรือ มือข้างหนึ่งจับราวของชั้นดาดฟ้าเอาไว้ และอีกมืออีกข้างยื่นออกไปใช้นิ้วชี้แตะพื้นอย่างแผ่วเบา
ควันสีม่วงอ่อนไหลออกจากปลายนิ้วของนาง ไม่ก็หายไปตามสายลม แต่ชั่วเวลาต่อมา แมลงสีดำขนาดยักษ์นับไม่ถ้วนบนพื้น และพ่นฟองสีเขียวออกมาจากปาก ก่อนที่เลือดเนื้อภายในร่างกายจะหลอมละลายด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากช่องว่างบริเวณเปลือกของพวกมัน ทำให้แมลงขนาดยักษ์เหล่านี้ที่เหมือนกับยุทธภัณฑ์สงครามที่หลอมละลายกลายเป็นแอ่งของเหลว
และในน้ำ มีแมลงใต้น้ำนับไม่ถ้วนชักดิ้นชักงอ ก่อนจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำในสภาพหงายท้องเสียชีวิต
“นี่คือพิษขั้นต่ำสุดงั้นหรือ?”
จื้อเซียนมองฉากนี้ รู้สึกขนลุกเล็กน้อย
“เหล่าไป๋ ข้าติดต่อกับภรรยาของท่านไม่มากนัก… คือว่า นางแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยหรือเปล่า?”
“ในฐานะผู้ฝึกตนคนแรกที่บรรลุขอบเขตทำลายล้าง เป็นธรรมดาที่พิษของเจียงหลานจะมีผลขนาดนี้”
ไป๋ชิวหรานตอบ
“แม้กระทั่งพิษขั้นต่ำสุด แต่เมื่ออยู่ในมือของนาง ย่อมสามารถพึ่งพลังปราณแก่นแท้เพื่อกระตุ้นผลที่น่าสะพรึงยิ่งขึ้นมาได้เช่นกัน”
“ดูสิ”
หลีจิ่นเหยาเตือน
“สัตว์ประหลาดนั่นมีการตอบสนองแปลก ๆ!”
บนพื้น แมลงตัวที่คล้ายกับจะสามารถบัญชาแมลงตัวอื่นก็ตอบสนองต่อพิษเช่นกัน คราวที่เจียงหลานปล่อยพิษ พิษนั้นปกคลุมโลกไปหลายสิบลี้ ดูเหมือนแมลงพิเศษตัวนี้จะรับได้ผลไม่ต่างกัน
มีของเหลวสีน้ำเงินหยดออกมาจากใต้เปลือกแข็งสีดำลวดลายสีทอง มันตกลงพื้น พร้อมกับควันสีขาวร้อนพวยพุ่งที่กัดกร่อน
แมงคล้ายกับอ่อนกำลังไปชั่วขณะ ขาทั้งสี่ของมันกางออกอย่างอ่อนแรง ทั่วร่างสั่นสะท้าน ทว่าสภาพนี้คงอยู่ราวหนึ่งเค่อ ก่อนที่แมลงที่มีเปลือกแข็งสีดำลวดลายสีทองพลันพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่า มันมีภูมิคุ้มกันต่อพิษจนถึงแก่นแล้ว
มันลุกขึ้น อีกทั้งบาดแผลที่ถูกกัดกร่อนโดยพิษบนร่างกายยังได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว มันเงยหน้ามองนภาก่อนจะแผดเสียง ตอนนี้ มันใช้วิธีที่ไม่รู้จักเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างไปยังแมลงตัวอื่นทั้งหมด!
จากนั้น แมลงที่รอดชีวิตอยู่ในน้ำ รวมถึงแมลงที่บินได้เหมือนกับค้างคาวในความว่างเปล่าที่กำลังเข้ามา ก็มีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการอันละเอียดอ่อนบางอย่างเกิดขึ้นในตัวพวกมัน
ไม่นาน แมลงบนพื้นกลับยืนขึ้นเสียดื้อ ๆ ไม่มีแมลงน้ำหงายท้องอยู่บนผิวน้ำอีกต่อไป บนท้องฟ้าที่ไกลลิบ แมลงที่บินอยู่พุ่งเข้าสู่ระยะพิษของเจียงหลาน แต่กลับไม่รู้สึกอะไร
พวกมันทั้งหมดมีภูมิต้านทานพิษนี้ที่เจียงหลานปลดปล่อยได้แล้ว!
“ว่าแล้วเชียว…”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของเผ่าพันธุ์ไม่ใช่พละกำลังหรือปริมาณ แต่เป็นการวิวัฒนาการของพวกมัน”
“ช่างเป็นการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”
จื้อเซียนกล่าวอย่างมีอารมณ์เช่นกัน
“เพื่อตอบรับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพิษจนไม่สามารถอยู่รอดได้ ด้วยเวลาเพียงแค่หนึ่งเค่อ …ภูมิคุ้มกันก็วิวัฒนาการ อีกทั้งมันส่งผลต่อประชากรทั้งหมด… หากมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดอารยธรรมจำนวนมากในความว่างเปล่าถึงได้ถูกพวกมันกิน”
“แมลงเหล่านี้น่าจะมีจุดอ่อนบ้างสิน่า”
หลีจิ่นเหยาหยิบกระบี่สองเล่มออกมา กล่าวเช่นกันว่า
“ไม่อย่างนั้นพวกมันคงยึดครองความว่างเปล่าไปนานแล้ว”
“ข้าคิดว่า ข้าอาจจะรู้ถึงจุดอ่อนของพวกมันแล้วล่ะ”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“จิ่นเหยา เจ้าไปกับข้า …ไปรับตัวตนพิเศษนั่นกลับให้มหาเทพหุ่นกลศึกษากันเถอะ”
…
“ชิ”
บนชั้นดาดฟ้า เจียงหลานเห็นฉากที่แมลงมีภูมิคุ้มกันต่อพิษของตัวเอง คิ้วจึงขมวดเล็กน้อยเช่นกัน
ในฐานะบุคคลยิ่งใหญ่ที่เคยใช้พิษมานับแสนปี ในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน และแม้กระทั่งทั่วทั้งโลกเซียน น่าจะไม่มีใครต้านทานวิชาพิษของนางได้ แม้กระทั่งไป๋ชิวหรานผู้เป็นสามี… ก็ป็นเพียงแต่ร่างกายและพละกำลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป ที่ทำให้สามารถต้านทานพิษของนางได้
หากพูดถึงความสำเร็จเกี่ยวกับพิษ ไป๋ชิวหรานผู้จดจ่อกับความสนใจด้านการศึกษาอื่น ๆ และขั้นของการฝึกฝน ถึงกับไม่ได้เก่งกาจเท่าภรรยา
เจียงหลานรับรู้ถึงพลังของพิษเมื่อครู่ ถึงแม้จะได้ฟังคำพูดของไป๋ชิวหรานไปแล้ว แต่ทั้งหมดที่ปล่อยออกมาคือพิษธรรมดา แม้กระทั่งมนุษย์ก็สามารถตระเตรียมได้ แต่พิษนี้ถูกกระตุ้นโดยการฝึกฝนพิษที่น่ากลัวของนาง มันกลายเป็นภัยธรรมชาติที่น่ากลัวยิ่งมาช้านาน จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาวุธชีวภาพ
นางมุ่งสู่โลกวัตถุแห่งหนึ่งเพื่อกระจายพิษนี้ ขอเพียงไม่มีเซียนในโลกนั้นที่ระดับการฝึกฝนสูง ย่อมไม่สามารถรับมือได้ ท้ายที่สุด โลกวัตถุนั้นจะตาย กลายเป็นเป็นโลกที่ไม่มีอะไรนอกจากกระดูกทะเลทราย
แต่แมลงเหล่านี้กลับทนได้ ต้องทราบก่อนว่า… ในด้านพลังต่อสู้ส่วนบุคคล แม้กระทั่งแมลงพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด ยังไม่ต่างอะไรกับผู้ฝึกตนผู้เทียบเท่ากับขั้นวิญญาณแท้จริง
“เป็นการปรับตัวที่น่าสะพรึงกลัวนัก”
เจียงหลานกำลังคิดว่าจะควบคุมทะเลด้วยการใช้พลังแห่งทะเลเพื่อทำลายแมลงกลุ่มนี้ดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นคำสั่งให้หยุดลงมือบุ่มบ่ามของไป๋ชิวหรานมาจากความตระหนักรู้ของนาง
หลังจากนั้น เจียงหลานเหลือบไปเห็นบริเวณใต้เรือที่กำลังทะยาน ภาพมายาของอาจารย์อสูรทั้งสองที่รู้จักในชื่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานและเทพธิดาแห่งความผูกพัน กำลังซ่อนตัวอยู่ในมิติแห่งความตระหนักรู้ พวกมันสัมผัสแมลงพิเศษตัวนั้นได้อย่างเลือนราง