ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 551 ความกลัว
บทที่ 551 ความกลัว
บทที่ 551 ความกลัว
แมลงเหล่านี้โจมตีกระหน่ำไปที่เรือเหาะ!
กลิ่นอายพลังงานกระตุ้นพิษรวมถึงการกัดที่ทรงพลังที่สุด แมลงเหล่านี้แข็งแกร่งและดุร้าย ทั้งยังทรงพลังอย่างถึงขีดสุด
แต่การโจมตีอันรวดเร็วเหล่านี้ถูกไป๋ชิวหรานควบคุมชั่วคราวด้วยอาวุธที่เขาติดตั้งบนเรือเหาะนี้ บางส่วนติดตั้งบนชั้นดาดฟ้าของเรือเหาะ มันคืออุปกรณ์บินที่ใกล้เคียงกับกระบี่บิน มีการจารึกหน้าหลังซ้ายขวาของเรือเหาะ แนวรุกใช้เป็นปืนใหญ่ทำการตีกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า
สายลมและเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนถูกควบคุมโดยไป๋ชิวหรานจนเกิดเป็นลูกบอลพลังงานราวกับกระสุนปืนใหญ่ จากนั้นก็ถูกยิงออกไปเสียงดัง แรงระเบิดขนาดใหญ่พลันก่อตัวขึ้นทันที
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์รูปทรงใบมีดคมปลาบนับไม่ถ้วน มันถูกควบคุมโดยไป๋ชิวหรานจนก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่จำนวนมาก ฟาดฟันและฉีกทึ้งแมลงนับไม่ถ้วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
สิ่งที่น่าพิศวงก็คือเมื่อแมลงเหล่านี้พุ่งเข้าหาเรือเหาะอย่างบุ่มบ่าม อาจารย์อสูรทั้งสองที่รู้จักในชื่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานและเทพธิดาแห่งความผูกพันยังคงรักษาสภาพแห่งความตระหนักรู้เอาไว้ และเดินผ่านพวกมันไปช้า ๆ
แมลงเหล่านี้คล้ายกับไม่สามารถรับรู้ความตระหนักรู้ของอาจารย์อสูรได้ ก้อนผลึกแก้วสีแดงของเผ่าแมลงที่ใช้ตรวจจับเรือเหาะกลับไม่มีการตอบสนองต่ออาจารย์อสูรทั้งสอง และปล่อยให้พวกมันมาถึงด้านข้างของแมลงเผ่าพิเศษ
หลังจากมาถึงแมลงตัวนี้ เทพธิดาแห่งความผูกพันยื่นมือออกไปยังทะเลแห่งความตระหนักรู้ของแมลงตัวนี้และสัมผัสข้างใน จากนั้นก็กล่าวกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานว่า
“ผู้อาวุโสชิวหราน แมลงตัวนี้ช่างเล็กจ้อยนัก”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้ยินเช่นนั้นจึงเข้าไปยังทะเลแห่งความตระหนักรู้ของแมลงเพื่อขุดลึกลงไป จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า
“เหมือนอย่างที่ข้าจินตนาการเอาไว้เลย…”
ตอนที่เห็นฝูงแมลงครั้งแรก ไป๋ชิวหรานรับรู้ถึงจำนวนของมันและคิดว่าพวกมันเหมือนกับมหาเทพหุ่นกลที่สร้างทางเชื่อมผ่านความว่างเปล่าด้วยเส้นด้ายแห่งความตระหนักรู้อันยิ่งใหญ่ เพื่อควบคุมการกระทำของตัวตนระดับต่ำกว่า
ประสิทธิภาพการต่อสู้รายตัวของแมลงเหล่านี้ไม่เลวเลย เช่นเดียวกับจำนวนการสืบพันธุ์ที่นับว่าน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก พอมาคิดดูแล้ว ด้านสัญชาตญาณการรับรู้ของพวกมันก็นับว่าไร้ที่ติ
ไป๋ชิวหรานเตรียมวิชาพิษเอาไว้อย่างเงียบงันพลางครุ่นคิด และรอจนกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็หาทางเข้าสู่เครือข่ายความตระหนักรู้เพื่อทำลายแมลงเหล่านี้จากต้นตอ ทว่าแม้ไป๋ชิวหรานจะคิดอย่างรอบคอบแล้ว แต่เขากลับไม่คาดคิดว่าแมลงที่น่ากลัวเหล่านี้ไม่มีการเชื่อมโยงทางวิญญาณหรือความตระหนักรู้ต่อกัน
ไม่เพียงแค่นั้น ความตระหนักรู้ของพวกมันแต่ละตัว หรือแม้กระทั่งวิญญาณช่างอ่อนแอยิ่ง มันอ่อนแอจนดูไม่เหมือนกับร่างชีวิตที่มีสติปัญญา
เริ่มจากตัวข้างหน้าที่สูงสามจั้ง เปลือกแข็งสีดำและลวดลายสีทองโอ่อ่า สำหรับแมลงพิเศษที่มีการปรับตัวอันน่าพรั่นพรึง ตามการประเมินความสามารถการต่อสู้ของหลีจิ่นเหยาแล้ว พลังของมันอยู่ที่ราว ๆ ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแท้จริง จากมุมมองของไป๋ชิวหรานนั้นมันควรน้อยกว่านี้เล็กน้อย แต่ด้านพละกำลังวิญญาณของมัน แทบจะเทียบเท่ากับผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นขั้นกลั่นลมปราณ เป็นผู้มีวิชายุทธ์ที่ยังไม่ได้ปลุกวิญญาณบรรพชนขึ้นมา
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเรือเหาะจากอารยธรรมหุ่นกลที่ล้ำสมัย ทว่าติดตั้งระบบเก่าที่ยกเลิกไปนานแล้ว จนเป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าเครื่องนี้ทำงานได้อย่างไร
“ดูท่ายังมีความลับจำนวนมากซ่อนอยู่ในแมลงเหล่านี้ซึ่งพวกเรายังไม่รู้อีกสินะ”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานดึงมือออกจากทะเลแห่งความตระหนักรู้ของแมลง กล่าวกับเทพธิดาแห่งความผูกพันว่า
“จิ่นเหยา มัดมันเอาไว้ พวกเราจะจับมันแล้วกลับไปศึกษาช้า ๆ”
“ได้”
หลีจิ่นเหยารู้สึกแย่มากเหมือนกัน นางควบคุมเทพธิดาแห่งความผูกพัน ด้วยระดับความตระหนักรู้ที่แมลงตัวนี้ไม่สามารถรับรู้ได้ ทำให้แขนขาของมันถูกมัดด้วยด้ายสีแดงนับไม่ถ้วน หลังจากนั้น นางจึงก้าวออกจากมิติของความตระหนักรู้ช้า ๆ เข้าสู่มิติด้านนอก จนเผยร่างที่แท้จริงต่อหน้าแมลงตัวนี้
“!?”
เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดสองตัวพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แถมเป็นสิ่งที่ยากจะคาดจินตนาการถึง แมลงพิเศษตัวนี้จึงเปิดฉากโจมตีโดยไม่รู้ตัว ทว่าเทพธิดาแห่งความผูกพันคว้าปลายเส้นด้ายสีแดงเอาไว้ และออกแรงดึงอย่างแผ่วเบา เส้นด้ายสีแดงรัดแมลงพิเศษตัวนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานพลันยื่นฝ่ามือออกไป ก่อนจะใช้ทักษะกวาดล้างของจักรพรรดิเซียนโม่เฉินเพื่อควบคุมจักรวาลและรับแมลงตัวนี้มาไว้ในฝ่ามือ
เมื่อเห็นตัวจ่าฝูงถูกช่วงชิง ฝูงแมลงที่ปิดล้อมเรือเหาะจึงกลับมาให้การช่วยเหลือทันที! ทว่าหลังจากร่างจำแลงอาจารย์อสูรทั้งสองเข้าสู่มิติแห่งความตระหนักรู้ แมลงกลุ่มนี้จึงไม่อาจรับรู้ตัวตนของพวกเขาได้อีกต่อไป ทำได้เพียงวนเวียนรอบเมืองราวกับไก่ไร้หัวคิด จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปทางเรือเหาะอีกครั้ง
ครั้งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไป๋ชิวหรานรู้สึกอับอายที่คล้ายกับตนขโมยของจากพวกมัน
“จับแมลงพิเศษนั่นได้แล้ว”
จื้อเซียนตะโกนเสียงดัง
“อาจารย์ ไป!”
“ใครคืออาจารย์ของเจ้าไม่ทราบ?”
ไป๋ชิวหรานสบถ การเคลื่อนไหวของมือไม่มีตก คอยควบคุมเรือเหาะ ทำการกลับเรืออย่างเด็ดขาด เพื่อสลัดให้หลุดพ้นจากแมลงเหล่านี้
ทว่าเรือเหาะต้องเร่งความเร็วอย่างราบรื่นในช่วงระยะหนึ่งจากภายในโลกไปสู่ภายนอกโลก แต่แมลงเหล่านี้กลับไม่ให้โอกาสแม้แต่นิดเดียว แมลงเหล่านี้เข้าสู่สภาพบ้าคลั่งเพราะบ้านเกิดถูกช่วงชิงไป ความเร็วการบินของแมลงเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด พวกมันตามชนิดไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปได้!
เจียงหลานยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือเหาะและกำลังร่ายวิชาต่าง ๆ ควบคุมค่ายกลธาตุขนาดใหญ่จำนวนมาก หลังจากฝึกฝนมาหลายปี ทำให้นางควบคุมอย่างอื่นนอกเหนือจากพิษและทะเลได้ อันที่จริงนางมีความคล้ายคลึงกับสามีของนาง กล่าวคือ มีความสามารถรอบด้าน ทว่าเทียบกับผู้อื่นแล้ว …นางชำนาญพิษและทะเลมากกว่า
ค่ายกลลึกลับนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นใกล้กับเจียงหลาน หมุนอยู่ในกลางอากาศช้า ๆ จากภายในค่ายกลมีการโจมตีจากหินลอยขนาดใหญ่ดุจขุนเขา พายุ ฝนฟ้าคะนอง และคมกระบี่ทุกหนแห่ง ที่ยังคงปรากฏขึ้น พวกมันเล่นงานเข้าใส่แมลงและสัตว์อสูรราวกับพายุอันบ้าคลั่ง
ทว่าจำนวนของแมลงเหล่านี้มีมากจริง ๆ ในระหว่างการบิน เจียงหลานถึงขั้นเห็นแมลงวางไข่บนพื้นขณะบินไล่ล่าพวกเขา ไข่เหล่านั้นตกลงสู่พื้น จนตัวอ่อนบินออกจากเปลือกของพวกมันทันที! พวกมันกางปีกออก และภายในไม่กี่อึดใจก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าไปรวมกับกลุ่มล่า
‘ยาน’ เผ่าแมลงที่มีรูปทรงปลาหมึกขนาดใหญ่เหล่านั้นที่สำรวจพื้นที่ในนภาได้วกกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศช้า ๆ หมายจะสกัดเรือเหาะจากด้านบน
“แบบนี้ไม่มีทางไปได้แน่ ข้าต้องหาทางเก็บกวาดแมลงที่ไล่หลังมาก่อน หรือไม่ก็ต้องควบคุมมัน!”
จื้อเซียนหันไปมองไป๋ชิวหรานผู้กำลังควบคุมเรือ จากนั้นมองหลีจิ่นเหยาที่อยู่ด้านข้าง
“สาวน้อยหลี ทำไมเจ้าไม่ขับแทนเหล่าไป๋ล่ะ เขาจะได้มือว่าง?”
“ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่เรือเหาะ แตะต้องเรือไม่ได้”
หลีจิ่นเหยากางแขน
“ในเวลาแบบนี้ แต่เจ้ายังเคร่งครัดในระเบียบอยู่อีก!?”
จากนั้นจื้อเซียนบ่นออกมาว่า
“เจ้ามาจากสำนักอสูรไม่ใช่หรือ?”
“ไม่จำเป็นที่จิ่นเหยาจะต้องมาแทนที่ข้า เดี๋ยวข้าจะทำให้พวกมันกลัวเอง”
เพราะเจียงหลานได้รับคำสั่งจากไป๋ชิวหรานว่าไม่ต้องแสดงฝีมือที่แท้จริงในตอนนี้ ด้วยเกรงว่าแมลงเหล่านี้จะพัฒนาคุณลักษณะบางอย่างที่เป็นปัญหาเอาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่กับพวกมัน
“ในเมื่อจุดอ่อนของพวกมันคือวิญญาณ เช่นนั้นก็ระเบิดพวกมันด้วยสัมผัสเทวะก็พอ”
ไป๋ชิวหรานขับเรือไปพลางปล่อยความตระหนักรู้ออกไป ซึ่งความตระหนักรู้ที่ว่ามีกลิ่นอายพิเศษอันน่าสะพรึงของสวรรค์ริษยาเช่นกัน
เขากำลังใช้สัมผัสเทวะเพื่อทำให้แมลงตกใจภายในระยะหลายร้อยลี้ จนทำให้เรือเหาะมีเวลาในการเข้าสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่า!
แต่เมื่อไป๋ชิวหรานปล่อยกลิ่นอายออกไป แมลงเหล่านั้นที่สัมผัสได้ก็พลันผงะทันที!
หลังจากนั้น… แมลงเหล่านี้พลันกระจายไปทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่คำนึกถึงแมลงพิเศษที่ถูกพรากไป ราวกับมองเห็นหายนะ!