ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 564 บิดาและบุตรชาย
บทที่ 564 บิดาและบุตรชาย
บทที่ 564 บิดาและบุตรชาย
“เจ้า…”
ไป๋ชิวหรานยังกล่าวไม่จบ เวลานั้นก็มีเสียงราวกับสัตว์ร้ายคำรามกึกก้องดังมาจากด้านหลัง!
ทั้งบิดาและบุตรชายเหลือบมองด้านหลัง ก่อนจะพบร่างใหญ่อ้วนท้วนสมบูรณ์หลายตนกำลังเหยียดตัวตรงจับจ้องมาทางนี้ ร่างนั้นหายใจหอบหนักอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ท่านพ่อ..” ใบหน้าของไป๋โม่เสวี่ยซีดเผือด “อสูรหมูตัวเมีย!”
“ไปให้พ้น!”
ด้วยการสะบัดแขนเสื้อของไป๋ชิวหราน จึงเกิดลมกรรโชกแรงพัดพาอสูรเหล่านั้นให้ห่างออกไป
อสูรหมูตัวเมียกระเด็นกระดอนอย่างไร้ทิศทาง! พวกมันปลิวไปไกลกว่าหลายลี้ก่อนจะถูกฉีกร่างกายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เดิมทีไป๋ชิวหรานไม่ต้องการสังหารผู้ที่หลงเสน่ห์ของบุตรชายตนเอง แต่เพียงเพราะว่าอสูรเหล่านี้บ้าเลือด และพวกมันกินหนุ่มหล่อเป็นอาหาร พวกมันจึงไม่ควรรอดพ้น!
ด้วยเหตุผลนี้ไป๋ชิวหรานจึงไม่คิดหยุดมือ เขายกฝ่ามือขึ้นสูงก่อนจะตรึงพวกมันเอาไว้แล้วเริ่มผนึก
ตูม!
ตราประทับทะยานลงมาจากท้องฟ้ากดทับร่างอสูรหมูตัวเมียตัวเดียวที่ยังมีชีวิต มันจมลงในดินกลายเป็นหลุมลึกทันทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตราประทับรุนแรง
“โฮก… โฮก…”
เมื่อถูกกดทับด้วยน้ำหนักมหาศาล อสูรหมูตัวเมียยังคงดิ้นพล่านอย่างไม่เต็มใจ มันแกว่งขาไปมาพร้อมกับมองไป๋โม่เสวี่ย อีกทั้งต้องการคลานเข้าหาเขาอย่างสุดความสามารถ
“ดูเหมือนว่าข้าต้องจัดการบางอย่างกับพลังของเจ้าแล้ว…”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานถึงกับตกตะลึงในพลังเสน่ห์ของบุตรชาย
อสูรหมูตัวเมียนี้ยังไม่ได้กลายร่างเป็นอสูรโดยสมบูรณ์ มือและเท้าของมันยังคงเป็นมนุษย์ เพียงแต่ลำตัวและศีรษะเป็นหมูป่า เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนของมันยังไม่ถึงขอบเขตแกนทองคำสัมบูรณ์
ไป๋ชิวหรานคิดว่ามันน่าจะอยู่ในขั้นแก่นเสมือน เมื่อเทียบกับขั้นก่อสร้างรากฐานเสมือนของเขาแล้ว เขาอยู่สูงกว่ามันสองขอบเขต
แต่อสูรหมูตัวเมียตัวนี้เผชิญหน้ากับตราประทับของไป๋ชิวหรานถูกตรึงอยู่บนพื้น มันกลับสามารถเคลื่อนไหวได้ และเห็นได้ชัดว่ามันมีพละกำลังมากกว่าขอบเขตฝึกฝน ร่างกายแข็งแกร่ง แผงคอหนา และนัยตาสีแดงเข้ม มันถูกตรึงไว้บนพื้นอย่างน่าสมเพช แต่ก็ยังมีน้ำลายไหลออกจากมุมปาก
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของบุตรชายมากกว่าบุตรสาว…”
ไป๋ชิวหรานเงยหน้ามองขึ้นฟ้าพร้อมถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา
เขาลูบศีรษะของไป๋โม่เสวี่ยพร้อมกล่าวจริงจัง
“ในเวลานี้แม้แต่เด็กชายก็ยังไม่ปลอดภัย โม่เสวี่ย พ่อจะสั่งสอนวิธีป้องกันตัวให้เจ้านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เอาล่ะ เวลานี้มีอสูรหมูตัวเมียต้องการความเป็นชายของเจ้า มันอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับเจ้า เวลานี้มันอยู่ในขั้นแกนเสมือนเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของขอบเขตแกนทองคำ มันด้อยกว่าเจ้ามาก เช่นนั้นเป็นเจ้าที่ต้องสังหารมัน”
“ข้า… ต้องสังหารมัน?”
ไป๋โม่เสวี่ยมองอสูรหมูตัวเมียตรงหน้าพร้อมกับตื่นตระหนกเล็กน้อย
เขาเกิดจากร่างอสูรของซูเซียงเสวี่ยและไป๋ชิวหราน สายเลือดอสูรในร่างกายของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเลือดมนุษย์ ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว การสังหารอสูรจึงไม่ต่างอะไรกับการสังหารมนุษย์มากนัก
ในช่วงที่ไป๋ชิวหรานไม่อยู่ ซูเซียงเสวี่ยทะนุถนอมลูกชายเป็นอย่างดี เช่นนี้จึงทำให้เขาอ่อนแอ ก่อนหน้านี้เมื่อไป๋ซวี่เซียงอายุไม่กี่ขวบ นางสามารถผนึกอสูรและภูตผีลงในแผ่นกระดาษด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ …แต่ไป๋โม่เสวี่ยยังไม่เคยลงมือกับผู้ใดเลย
“ใช่! เจ้าต้องสังหารมัน! นี่คือขั้นแรกของการป้องกันตัว”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า เวลานี้เขาต้องการแก้ไขความขี้ขลาดของบุตรชายผู้นี้ให้หมดสิ้น
“ดูท่าทางของนางหมูตัวเมียนี้เสียสิ! หากเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของมัน เจ้าตายแน่นอน! และพ่อไม่ต้องการให้ในอนาคตเจ้ามาคร่ำครวญว่าเจ้าเผลอร่วม… กับสัตว์ร้าย!”
ไป๋โม่เสวี่ยไม่เข้าใจสิ่งที่บิดาของตนกล่าว บางทีอาจเป็นเพราะอีกฝ่ายคือบุตรชาย ไป๋ชิวหรานจึงตัดบางช่วงออก…
แต่สัญชาตญานของเขาบอกว่า คำกล่าวของบิดาที่ถูกตัดออกไปย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดี!
“เอาล่ะ ข้าจะปล่อยมัน”
ไป๋ชิวหรานไม่เปิดโอกาสให้บุตรชายได้ไตร่ตรองหรือมีโอกาสลังเล เขาเพียงกล่าวคำเบา
“ฟังพ่อ ฆ่ามันซะ!”
“ท่านพ่อ เดี๋ยว!”
ไป๋โม่เสวี่ยก้าวเข้าหาไป๋ชิวหราน แต่สิ่งกีดขวางเจือจางปรากฏขึ้นตรงหน้า เด็กชายตัวน้อยล้มลงราวกับเพิ่งวิ่งชนคันฉ่อง บั้นท้ายของเขากระแทกพื้นรุนแรง
เขาถูบั้นท้ายก่อนจะลุกขึ้นมา จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าผู้เป็นบิดาปิดกั้นพลังของตนแล้ว และตนไม่มีความสามารถเช่นไป๋ซวี่เซียงที่จะสามารถเคลื่อนย้ายได้ดั่งใจ เช่นนี้จึงทำได้เพียงจับจ้องผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“หยุดจ้องมองพ่อได้แล้ว”
ไป๋ชิวหรานยกยิ้มก่อนจะชี้ไปด้านหลัง
“อสูรหมูตัวเมียตัวนั้นกำลังจะเคลื่อนไหว ทำไมจึงไม่รีบจัดการมัน?”
ไป๋โม่เสวี่ยตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาหันศีรษะกลับและเห็นชัดว่าตราผนึกอสูรหมูตัวเมียหายไปแล้ว สัตว์ประหลาดคลานขึ้นมาจากหลุมพร้อมกับร่างกายที่เคลือบด้วยฝุ่นผง มันพุ่งทะยานเข้าหาเขาพร้อมน้ำลายฟูมปาก
“อ๊า!”
ไป๋โม่เสวี่ยย่อตัวลงโดยไม่รู้ตัวเพื่อหลบเลี่ยงการถูกอสูรหมูตัวเมียกระโจนใส่ ความจริงแล้ว หากเขาถูกอสูรหมูตัวเมียตัวนี้กอดรัด เขาก็จะไม่เป็นไร เพราะอย่างไรแล้ว …ไป๋โม่เสวี่ยนับว่าเป็นอัจฉริยะนับตั้งแต่อายุยังน้อย ความแข็งแกร่งของเขามากกว่าหมูป่าตัวนี้ แต่เมื่อเห็นน้ำลายฟูมปากและท่าทีบ้าคลั่งของหมูป่าลิ้นดำที่น่าขยะแขยง ไป๋โม่เสวี่ยจึงไม่ต้องการที่จะถูกมันกอดรัดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!!
อสูรหมูตัวเมียวิ่งเข้ามาอย่างคลุ้มคลั่ง สุดท้ายมันพุ่งชนกับปราการของไป๋ชิวหรานจนสั่นสะเทือนรุนแรง! ดูเหมือนว่ามนต์เสน่ห์จะไม่เลือนรางเลยสักนิด ความเป็นจริงแล้วปราการนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่เซียนยังไม่อาจทำลายได้ แต่เวลานี้ความลุ่มหลงของหมูป่ามีมากเกินไป สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของมันจึงเป็นเพียงทำทุกวิถีทางเพื่อนำร่างไป๋โม่เสวี่ยกลับไปแล้วระบำเพลงรัก
อาจเป็นเพราะความสามารถในการต่อต้านภูตผีและสัตว์ร้ายตั้งแต่กำเนิดต่ำต้อยของเขาจึงทำให้เขาเป็นเช่นนี้ อสูรหมูตัวเมียขอบเขตต่ำกว่าเขามาก แต่ไป๋โม่เสวี่ยยังไม่กล้าต่อสู้ เวลานี้อสูรหมูตัวเมียกำลังวิ่งไล่เขาเป็นวงกลม ไป๋ชิวหรานยืนมองอย่างนั้นพร้อมขมวดคิ้วแน่น
“เป็นอะไรไป? โม่เสวี่ย ต่อสู้เดี๋ยวนี้!”
ไป๋ชิวหรานตะโกนเสียงดัง
“แค่สัตว์ร้ายตัวเดียว หากเจ้าใช้กำปั้นทุบหน้ามัน เท่านั้นก็จบเรื่องแล้ว แต่หากเจ้าคิดจะวิ่งหนีเช่นนี้ต่อไป อย่าได้บอกกล่าวกับผู้อื่นว่าเป็นบุตรชายของไป๋ชิวหราน มิฉะนั้นเจ้าจะทำให้บิดาของเจ้าขายหน้า!”
เพราะไป๋โม่เสวี่ยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อถูกไป๋ชิวหรานตำหนิรุนแรง เขาเจ็บปวดจนร้องไห้ออกมาแล้วกล่าวว่า
“ท่านพ่อ ข้าไม่กล้าสัมผัสมัน…”
“มีหลายวิธีที่สามารถสังหารมันได้โดยไม่ต้องสัมผัส!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ปราณกระบี่ คาถา พลังฝ่ามือ กำปั้น ขา ค่ายอาคม หรือแม้แต่ความสามารถโดยกำเนิดของเจ้า! ล่องเมฆาห่มพิรุณ! เหตุใดเจ้าจึงไม่สามารถเรียกใช้สิ่งเหล่านี้ได้ ทั้งหมดนี้เจ้าไม่ต้องสัมผัสร่างกายมันด้วยซ้ำ โม่เสวี่ย!! นี่เป็นเพียงแค่อสูรหมูตัวเมียต่ำต้อย ใช้สมองของเจ้าเผชิญหน้ากับมัน เจ้าเป็นเด็กผู้ชาย ต้องมีความกล้าหาญที่จะก้าวข้ามสิ่งนี้!”