ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 571 อร่อย
บทที่ 571 อร่อย
บทที่ 571 อร่อย
เมื่อเห็นฉากนี้ แม้ไป๋ชิวหรานจะไม่เข้าใจถึงภาษาของแมลง แต่เขาก็พอจะเข้าใจคร่าว ๆ ว่าพวกมันกำลังสื่ออะไร
“เป็นอะไร? ไม่กินรึ?”
เขาตบไหล่ของศิษย์อย่างเยาะเย้ยก่อนจะกล่าวว่า
“ในฐานะจักรพรรดินีองค์ใหม่!! เหตุใดจึงไม่ยอมรับเล่า?”
ใบหน้าของถังรั่วเวยกลายเป็นซีดเผือด
เมื่อเห็นว่านางพญาองค์ใหม่ของตนยังไม่เคลื่อนไหว องครักษ์จึงเริ่มเข้ามารายล้อมนาง และยืนข้างกายร่างแยกแมลงของถังรั่วเวย นอกจากนี้ยังมีองครักษ์ที่ลากร่างนางพญาที่ตายตกมาไว้ตรงหน้าให้กับถังรั่วเวยด้วย
“…”
เมื่อเห็นซากแมลงที่ไหม้เกรียมจากฝีมือตนเอง ถังรั่วเวยก็รู้สึกไม่ต้องการสัมผัสมันแม้แต่น้อย
หลังจากเห็นว่านางยังไม่เคลื่อนไหว แมลงโดยรอบยิ่งกระสับกระส่าย
“อ่า ข้าจำได้ว่าในระหว่างขั้นตอนนี้ หากนางพญาไม่ยอมกลืนกินจะถือว่าเป็นกบฏ และจะถูกแมลงตัวอื่นรุมกำจัด จากนั้นนางพญาแมลงจะวิวัฒนาการจากองครักษ์แมลงเพื่อมาแทนที่”
ไป๋ชิวหรานหุบยิ้มพร้อมกล่าวเตือน
“รีบกินเข้าไปซะ อย่าให้แผนเราต้องพังเพราะเจ้ารังเกียจมัน”
“ท่านอาจารย์ ท่านยินยอมให้ศิษย์ของท่านกินสิ่งเช่นนี้จริงหรือ?”
ถังรั่วเวยขมวดคิ้ว
“โทษข้าหรือ?”
ไป๋ชิวหรานชี้ไปที่กองเนื้อและโลหิตที่ไหม้เกรียม
“เจ้ามิใช่คนสร้างกองขยะนี้ขึ้นเองหรอกหรือ? เฮอะ มาเถอะ กินข้าวกัน อ้า อ้ำ!”
“ไปให้พ้น!”
ถังรั่วเวยยกมือขึ้นปัดฝ่ามือของไป๋ชิวหรานที่กำลังสร้างปัญหาให้กับนาง
“ฟังให้ดี แม้ข้า ถังรั่วเวยจะต้องตายตกในวันนี้ ข้าก็จะไม่มีวันที่จะ…”
“โฮก… โฮก!!!”
ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นถังรั่วเวยไม่เต็มใจที่จะกลืนกินซากแมลงที่อยู่ตรงหน้า พวกมันยืดตัวขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยแสงออกจากร่างกาย คล้ายกับกำลังจะวิวัฒนาการ
ร่างโคลนนางพญาแมลงของถังรั่วเวยผงะเมื่อเห็นสิ่งนี้ นางควบคุมร่างโคลนนางพญาให้รีบกินซากศพและโลหิตเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ไป๋ชิวหรานมองดูแมลงองครักษ์ที่ถอยห่างออกจากนางพญาแมลงที่กำลังกลืนกินเลือดเนื้อ ก่อนจะหันมาถามถังรั่วเวย
“รู้สึกเหมือนสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์!” น้ำตาใสไหลอาบแก้มสองข้างของถังรั่วเวย นางสำลักพร้อมกล่าวต่อ “ฝากไว้ก่อนเถิด”
ไป๋ชิวหรานเห็นว่านางพญาแมลงกินเนื้อและโลหิตส่วนใหญ่ทั้งหมดภายในสองคำ เขาจึงถามอีกครั้ง
“ว่าแต่… รสชาติของมันเป็นอย่างไร อร่อยไหม?”
ใบหน้าของถังรั่วเวยยิ่งเผยน้ำตาออกมามากขึ้น นางลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“อร่อยมากกก!”
หลังจากที่ถังรั่วเวยจัดการซากศพของนางพญาองค์ก่อนเสร็จสิ้น ร่างโคลนของนางพญาแมลงที่ถังรั่วเวยควบคุมก็ล้มลงนอนทันที
ใต้ผิวกายมีบางอย่างดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง มันดูดซับยีนพิเศษไว้ในท้อง จากนั้นจึงงอกแขนขาและอวัยวะใหม่มากมายจากร่างกายของมันเอง
ในระหว่างขั้นตอนนี้ ร่างกายของถังรั่วเวยที่ยืนอยู่ข้างไป๋ชิวหรานเผยใบหน้าแดงก่ำ และร่างกายของนางสั่นราวกับถูกไฟฟ้าช็อต นางถึงกับจับหน้าท้องส่วนล่างพร้อมกับบิดร่างกายไปมาอย่างกระสับกระส่าย
ไป๋ชิวหรานเดินไปด้านข้างก่อนจะมองศิษย์ของเขาด้วยสายตารังเกียจ
“เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าไม่อาจช่วยเหลือ!”
ถังรั่วเวยกล่าวอย่างขุ่นเคือง
“จะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะเกิดผลข้างเคียงเช่นนี้ ร่างกายของแมลงพวกนี้มันแปลกประหลาดเกินไป… อ๊ะ!”
นางส่งเสียงร้องที่ทำให้ผู้รับฟังถึงกับหวั่นไหว
“รั่วเวย อย่าทำเช่นนี้!” ไป๋ชิวหรานโบกมือพร้อมกล่าวตอบ “ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นสมภารกินไก่วัด! ชื่อเสียงที่ข้าสั่งสมมานานหลายปีไม่อาจถูกทำลายเพียงเพราะกินศิษย์ตนเอง”
“ข้าก็ไม่ได้ต้องการเช่นกัน!”
ถังรั่วเวยกล่าวพร้อมเม้มริมฝีปากสีชมพูแน่น
“ตราบใดที่ท่านสามารถอดทนได้ในช่วงที่ร่างกายของแมลงวิวัฒนาการ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร!”
ขณะที่นางกล่าว นางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าหาไป๋ชิวหราน ก่อนจะใช้ศีรษะถูข้างลำตัวของเขา
“เจ้ากำลังทำสิ่งใด?” ไป๋ชิวหรานรู้สึกประหลาดใจ “ขาดความรักจากบิดางั้นหรือ?”
“ระวังศีรษะท่านจะขาด!”
เสียงของถังรั่วเวยอู้อี้ นางเอาศีรษะพิงหลังของไป๋ชิวหรานราวกับหมดแรง จากนั้นก็ไถศีรษะไปมาบนหลังของเขา
โชคดีในขณะที่พยายามทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม นางก็ยังพยายามอธิบาย
“ตอนนี้ข้ากับแมลงตัวนั้นแบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน ดังนั้นข้าจึงไวต่อสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ที่พุ่งพล่านของมัน อ๊ะ…”
“แล้วจะให้ช่วยอย่างไร?” ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมา “ให้ข้าทุบตีเจ้าดีไหม?”
“หยุด!”
ถังรั่วเวยปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ท่านก็เพียงยืนนิ่ง ๆ รอจนกว่าข้าจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไป!”
…
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดนางพญาแมลงก็สามารถวิวัฒนาการได้โดยสมบูรณ์
ถังรั่วเวยเงยหน้าขึ้นจากอกของไป๋ชิวหราน ใบหน้าของนางแดงก่ำ เส้นผมยุ่งเหยิง และมีบางอย่างติดอยู่ที่มุมปากของนาง
ไป๋ชิวหรานมองลงไป แตะหน้าอกของตนเองแล้วกล่าวว่า
“ทำไมน้ำเยอะจัง? หน้าอกกับเสื้อผ้าข้าเปียกไปหมด!”
“อย่ากล่าวคำน่าเกลียดเช่นนั้น! นี่เพียงน้ำลายไม่ใช่หรือไง?”
ถังรั่วเวยกระทืบเท้า
“หลังจากกลับไป ข้าจะซักอาภรณ์นี้ให้!”
“มันควรเป็นเช่นนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาตากผ้าด้วยพลังปราณที่แท้จริงในร่างกาย ก่อนจะมองไปยังกลุ่มแมลงตรงหน้าแล้วเอามือไพล่หลัง
“แมลงทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้เป็นของเจ้าแล้วหรือยัง?”
ถังรั่วเวยจัดการเส้นผมและอาภรณ์ของตนเองก่อนจะกล่าวตอบ
“อืม ข้าส่งสัญญาณเพื่อรวบรวมเผ่าพันธุ์ทั้งหมดแล้ว และเวลานี้พวกแมลงที่อยู่ด้านหลังในเขตชายแดนแห่งความว่างเปล่าน่าจะกำลังมารวมตัวกันที่นี่”
ไป๋ชิวหรานมองออกไปในระยะไกล และแน่นอนว่าโลกที่หนาแน่นของแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า มีกลุ่มสิ่งมีชีวิตสีดำกำลังทะยานออกจากโลกต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พวกมันรวมตัวกันกลายเป็นกองทัพขนาดมหึมาและพุ่งมาทางนี้
ในไม่ช้า สถานที่ที่ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยซ่อนตัวอยู่ก็ถูกแมลงยักษ์ล้อมรอบ เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยแมลงสีดำสนิท ฉากนี้น่าหวาดกลัวจนแทบจะเป็นลม
“แมลงเหล่านี้เติบโตรวดเร็วเกินไป”
ไป๋ชิวหรานขมวดคิ้ว
“ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี แมลงกลุ่มนี้ชดเชยความสูญเสียจากการต่อสู้คราวก่อนได้แล้ว”
ถังรั่วเวยเห็นด้วยกับสิ่งนี้ นางจึงกล่าวว่า
“เราจะสามารถควบคุมการขยายพันธุ์ของพวกมันได้จริงหรือ?”
“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ผู้ปกครองของพวกมันหรือไง?”
ไป๋ชิวหรานมองนางจากด้านข้าง
“แต่เจ้ากล่าวถูกต้อง นอกจากนางพญาแมลงที่เป็นผู้ปกครองสูงสุด… แมลงเหล่านี้ต้องเชื่อฟังคำสั่งบางอย่างที่ฝังอยู่ในร่างกายผ่านการวิวัฒนาการจากรุ่นต่อรุ่น หากนางพญาแมลงฝ่าฝืนคำสั่ง พวกมันจะก่อความวุ่นวายและกลืนกินนางพญา… เช่นนั้น เพื่อความมั่นคงในระยะยาวของโลก ถึงเวลาแล้วที่เราจะดำเนินการแผนขั้นต่อไป… รั่วเวย”
“อืม ข้าทราบแล้ว”
ถังรั่วเวยเปิดคู่มือการใช้งาน จากนั้นส่งสัญญาณให้นางพญาแมลงของตนส่งคำสั่งให้กับเหล่าแมลงยักษ์ทั้งหมด
หลังจากได้รับคำสั่ง ฝูงแมลงทั้งหมดกางปีกออก พวกมันหันกลับมาและเริ่มบินไปตามกระแสสายธารแห่งความว่างเปล่า…