ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 574 เผ่าพันธุ์เดียวกัน
บทที่ 574 เผ่าพันธุ์เดียวกัน
บทที่ 574 เผ่าพันธุ์เดียวกัน
เมื่อมองดูเจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้โต้คลื่นอยู่บนผิวน้ำของมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า ถังรั่วเวยก็กล่าวด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“นี่มัน… ตัวอะไรกัน?”
ทันทีที่เจ้าตัวใหญ่ตัวนี้ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาจนนางรู้สึกราวกับเป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้พบพยัคฆ์ร้ายแห่งป่าใหญ่ เวลานี้นางรู้สึกราวกับว่าศัตรูคือไป๋ชิวหราน
หากไป๋ชิวหรานไม่ได้จับแขนของนางเอาไว้ ถังรั่วเวยคงจะต้องทรุดลงนั่งด้วยความหวาดกลัวแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรง ใบหน้าของไป๋ชิวหรานเผยความน่าเกลียดออกมา เขาไม่ได้สูญเสียความสงบเช่นเดียวกับถังรั่วเวย แม้ว่าแรงกดดันของยักษ์นี้จะน่าหวาดกลัว แต่เมื่อเทียบกับช่วงรากฐานเสมือนในเวลานี้ มันยังเป็นช่องว่างที่ยิ่งใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์นี้ก็ไม่สมควรถูกมองข้าม เพราะเมื่อพิจารณาจากแรงกดดันที่มันปลดปล่อยออกมาแล้ว ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตนี้ก็สูงยิ่งกว่าสวรรค์ริษยาของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีแล้ว
หลังจากเคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย ไป๋ชิวหรานเริ่มชะลอความเร็วและมองดูหญิงสาวที่เกาะแขนของเขาแน่น
“อะไร? หวาดกลัวงั้นหรือ? เจ้าคงจะไม่ฉี่ราดใช่ไหม?”
แต่ว่าถังรั่วเวยคว้าแขนของเขาด้วยความยากลำบาก พยายามยืดตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะกล่าวว่า
“ท่านมองข้าสูงเกินไปแล้ว… เฮอะ! หากข้ากระทำท่าทางเช่นนั้นจริง ๆ ท่านจะเชื่อหรือไม่ว่า เมื่อครู่ข้าแอบรักอาจารย์ของตนเอง?”
“เหตุใดเจ้าจึงไร้ยางอายมากขึ้น?”
ไป่ชิวหรานสับสน
“ฮ่า คงเป็นเพราะหน้าอกที่โตขึ้นของข้าแน่ ๆ”
ถังรั่วเวยยืดอกขึ้นพร้อมกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“เราควรรีบทำภารกิจให้เสร็จ!”
“อ้าว!”
ไป๋ชิวหรานไม่สนใจถังรั่วเวยที่ไร้ยางอาย ก่อนจะมองไปยังมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่าแล้วกล่าวพึมพำ
“หากเป็นศัตรูระดับนี้และมีสองตัว คงใช้เวลาในการทำลายโลกแห่งเซียนภายในไม่กี่นาที”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของไป๋ชิวหราน ถังรั่วเวยอดไม่ได้ที่จะจริงจัง นางมองออกไปและสัมผัสได้ว่าฝูงแมลงลดลงอย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวถามว่า
“อาจารย์… ท่านสามารถเอาชนะสิ่งนั้นได้หรือไม่?”
“หากสู้กันตัวต่อตัว น่าจะพอเอาชนะได้”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิด
“แต่หากมันมีสองตัว เกรงว่าคงจะไม่ไหว! และหากมันมีสาม ข้าคงต้องลำบาก หรือถ้ามีสี่ตัว ข้าอาจจะตกอยู่ในอันตราย…”
ถังรั่วเวยเผยความหวาดกลัว
“แล้วโลกแห่งเซียนจะจัดการกับสัตว์ประหลาดนี้อย่างไร…”
นางกล่าวเสียงแผ่ว
“ย่อมจัดการได้”
ไป๋ชิวหรานชำเลืองมองนาง
“อย่าได้ดูถูกอารยธรรมที่เจ้าจากมา ตราบใดที่มีเวลา โลกแห่งเซียนจะสามารถรับมือเรื่องเหล่านี้ได้…”
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะนึกบางสิ่งได้
“เดี๋ยว! รั่วเวย ข้านึกบางสิ่งได้”
“อะไร?”
ถังรั่วเวยมองเขาอย่างระมัดระวังพร้อมสังหรณ์ใจแปลก ๆ
“ไม่ต้องห่วง ข้าย่อมไม่ทำให้เจ้าอยู่ในอันตราย”
ไป๋ชิวหรานเกี่ยวนิ้วก้อยกับนาง
“ช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเถอะนะ”
…
ภายในมหาสมุทรความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ คลื่นพลังมหาศาลปั่นป่วน สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์แหวกว่ายในเกลียวคลื่นอย่างไร้จุดหมาย ไล่ล่าเหยื่อตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์
มันไม่ได้หิวอย่างแท้จริง หากมันหิว แมลงเหล่านี้คงไม่เพียงพอจะตอบสนองความอยากอาหารของมันได้ อาหารของมันสมควรจะเป็นโลกใบใหญ่ที่มากไปด้วยพลังงาน และโลกที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณคือมื้ออาหารอันโอชะของมัน
นี่เป็นเพียงมื้ออาหารว่าง…
สำหรับแมลงเหล่านี้มันคือเผ่าพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่มันได้ค้นพบจากมุมไหนสักแห่งภายในห้วงแห่งความว่างเปล่าขณะที่กำลังเบื่อ หลังจากออกจากโลกของตัวเอง มันออกเดินทางปราบปรามโลกใบอื่น และเวลานี้มันกลืนกินโลกมากมายหลายใบ ร่างกายจึงใหญ่โตและแข็งแกร่ง
มันรู้สึกว่าเผ่าพันธุ์นี้มากด้วยศักยภาพ ดังนั้นเมื่ออิ่มแล้วก็ยังอยากจะลิ้มลอง และพบว่าแมลงเหล่านี้มีพลังจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยม และพลังชีวิตของพวกมันนับว่าอร่อยอย่างคาดไม่ถึง
เปรียบกับขนมหวานบนโต๊ะกว้าง น่ากิน และแก้เลี่ยนได้
มันอดไม่ได้ที่จะอยากกินมากขึ้น และเมื่อแมลงเหล่านี้หลบหนีไปอย่างเงียบ ๆ มันก็รู้สึกเสียใจมากที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้กินพวกมันให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม มันเกียจคร้านและไม่เต็มใจที่จะมุ่งหน้าขึ้นสู่ต้นน้ำในวันที่อาหารขาดแคลน ดังนั้นมันจึงยอมแพ้
วันนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน แมลงเหล่านี้วิ่งกลับมาจากแม่น้ำแห่งความว่างเปล่ากลับมาสู่มหาสมุทรเวิ้งใหญ่แห่งนี้ และนั่นทำให้มันยิ่งมีความสุขมาก
เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงเหล่านี้หลบหนี มันจึงตัดสินใจกินแมลงเหล่านี้ในทันที
ฝูงแมลงหลบหนีไปทุกสารทิศ ยักษ์ยกฝ่ามือขึ้นตบพวกมันเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังโต้บอลกลางชายหาด ทว่าพลังเหนือธรรมชาติของมันกระตุ้นกระแสน้ำเชี่ยวกรากในมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า ก่อเกิดเป็นพายุพลังงานพัดกรรโชกทำให้แมลงจำนวนมากไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึก จากนั้นยักษ์เพียงแค่อ้าปากปลดปล่อยพลังการกลืนกินเพื่อดูดกลืนพวกมัน
ฝูงแมลงขนาดใหญ่ไหลทะลักเข้าปากของมันอย่างไร้แรงต้าน
ยิ่งไปกว่านั้น นางพญาแมลงของถังรั่วเวยและองครักษ์ของมันล่าถอยไปแล้ว หากปราศจากคำสั่งของนางพญา ผู้บัญชาการทั้งหมดจะเริ่มต่อสู้กันเอง บางตัวกลายเป็นเหยื่อของยักษ์ และบางตัวตื่นตระหนกจนต้องหลบหนีเข้าไปในโลกใกล้เคียงเพื่อหลบซ่อน
แต่ทั้งหมดนี้กลับไร้ประโยชน์ เมื่อเผชิญหน้ากับหลุมดำของยักษ์ สิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่งกลายเป็นเท่าเทียม และการวิวัฒนาการในเผ่าพันธุ์เพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใดได้
และแมลงที่ซุกซ่อนอยู่ในโลกใกล้เคียงก็จะถูกกลืนกินไปพร้อมกับโลกใบนั้นเช่นกัน
หลังจากหลบหนีการไล่ล่าอยู่นาน ในที่สุดฝูงแมลงทั้งหมดก็ถูกยักษ์กลืนกินหมดสิ้น แมลงตัวสุดท้ายที่ตื่นตระหนกพุ่งเข้าสู่โลกวัตถุใกล้เคียง และเริ่มกลืนกินสิ่งมีชีวิตภายในโลกใบนั้นเพื่อวิวัฒนาการ และต้องการจะใช้สิ่งนี้เพื่อต่อสู้ในลมหายใจสุดท้าย
“โอ้ เลือกได้ดีเลยทีเดียว…”
สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ตัวนั้นแหวกว่ายมาหยุดอยู่หน้าโลกใบดังกล่าว
“ข้าไล่ล่าพวกเจ้ามานานเกินไป ตอนนี้กำลังหิวพอดี… อ้า~”
มันอ้าปากอย่างคิดกลืนกินฝูงแมลงและโลกใบใหญ่ตรงหน้า แต่จู่ ๆ ก็มีฝ่ามือยื่นออกมาจากรอยแตกและคว้าเอาโลกวัตถุขนาดใหญ่นี้เอาไว้
“…”
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตนนี้ตื่นตระหนกเล็กน้อย มันปลดปล่อยแรงกดดันความขุ่นเคืองออกจากร่างกาย และสัมผัสได้ว่าเจ้าของฝ่ามือยักษ์นี้ค่อนข้างจะ ‘เตี้ย’ กว่ามาก
“เจ้าคือตัวอะไร?”
คลื่นพลังแห่งจิตสำนึกขนาดใหญ่แผ่กระจายออกจากศีรษะของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์
อีกฝ่ายหยุดชั่วคราว ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันคุ้นเคย
“หืม?”
เมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันนี้ สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะระงับความโกรธอย่างรวดเร็วแล้วเผยความยินดีออกมา
“เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับข้าหรือ?”
เจ้าตัวใหญ่ครุ่นคิดก่อนจะส่งคลื่นจิตสำนึกออกไปอีกครั้ง
“เผ่าพันธุ์เดียวกัน… หมายความเช่นไร? ข้าไม่เคยพบเจอเผ่าพันธุ์ของข้าเลยนับตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบเจอสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่เท่ากับเจ้า!!”