ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 577 ผู้เฒ่า
บทที่ 577 ผู้เฒ่า
บทที่ 577 ผู้เฒ่า
“สมาชิกใหม่ของเผ่า?”
ใบหน้าของราชาเผยความยินดีออกมา เขามองหุ่นกลเซียนยักษ์ก่อนจะปลดปล่อยคลื่นพลังมหาศาลอย่างไร้การควบคุม ทั้งหมดล้วนแต่เป็นกลิ่นอายที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“เด็กน้อยเอ๋ย ปลดปล่อยกลิ่นอายของเจ้าออกมาให้ข้ารับชมสักหน่อยเถิด”
ได้ยินเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานจึงปลดปล่อยกลิ่นอายออกตามคำกล่าวของอีกฝ่าย
“กลิ่นอายเช่นนี้… เป็นเผ่าพันธุ์ของพวกเราจริง ๆ!”
ความยินดีที่ไม่อาจอธิบายเผยบนใบหน้าของผู้เฒ่าแห่งเผ่าพันธุ์
“แต่ความรู้สึกนี้มัน… อ่า เขาดูเหมือนเติบโตเต็มที่แล้ว แต่เหตุใดจึงสูงเพียงเท่านี้…”
“เขามาจากต้นสายธารแห่งความว่างเปล่าน่ะท่านผู้เฒ่า”
ยักษาสีครามนามว่าทั่วอิ้นปี่กล่าวอธิบาย
“เป็นเพราะสถานที่แห่งนั้นขาดแคลนอาหาร เขาจึงได้รับมันไม่เพียงพอ”
“โอ้ มาจากต้นน้ำ”
ผู้เฒ่าพยักหน้า
“หลังจากวันนั้น หากมีผู้รอดชีวิตสามารถหลบหนีขึ้นสู่ต้นน้ำและให้กำเนิดบุตรหลานได้ มันก็เป็นไปได้… พวกเราล้วนแต่ไม่มีใครรอดพ้นจากสถานที่แห่งนั้น และบ้านเกิดของพวกเรายังคงเป็นเพียงมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า สุดท้ายแล้วมันเป็นเพียงแค่โลกใบเล็ก”
“ท่านผู้เฒ่า”
ทั่วอิ้นปี่เอ่ยคำ
“ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเรา เรื่องนั้นย่อมไม่เปลี่ยนแปลง เราจึงควรบันทึกข้อมูลของเขาที่เสาศักดิ์สิทธิ์”
“อืม สมควรเป็นเช่นนั้น”
ผู้เฒ่าพยักหน้าพร้อมหันมากล่าวกับไป๋ชิวหราน
“ตามข้ามา”
ไป๋ชิวหรานเดินตามผู้เฒ่าไปที่เสาผลึกแก้ว
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”
ผู้เฒ่ากล่าวถาม
“อ่า นามของข้า?”
ไป๋ชิวหรานผงะไปชั่วครู่
เขาอยากจะสุ่มชื่อขึ้นมาอย่างลวก ๆ แต่ทักษะการตั้งชื่อของเขานับว่าเป็นมะเร็งร้าย ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แตกต่างจากสิ่งที่เขาจินตนาการไว้มาก หากเกิดปัญหาขึ้นกับตรรกะการตั้งชื่อที่เลวร้ายของเขา มันย่อมไม่ส่งผลดีแน่นอน
เขาจึงตอบกลับอย่างระมัดระวัง
“ข้าไม่เคยมีนามใด เพราะข้าอาศัยเพียงผู้เดียวมาโดยตลอด”
“หืม? ไม่มีงั้นหรือ? เช่นนั้นจะรังเกียจหรือไม่หากข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า?”
ผู้เฒ่ากล่าวถาม
“ยินดีแล้ว”
หุ่นกลเซียนยักษ์พยักหน้ารับ
“อ่า ขอคิดสักครู่ วันนี้เป็นวันก่อนพิธีล่าสัตว์ อืม… หรือพวกเราจะเรียกเจ้าว่า… อู่เล่อ”
ผู้เฒ่ากล่าวออกอย่างผ่อนคลาย
“เป็นชื่อที่ดี ข้าชอบ”
ไป๋ชิวหรานแสร้งทำเป็นมีความสุข แต่ความจริงแล้วลอบดูถูกชื่อนี้อยู่ในใจ…
“ไม่เป็นไร อู่เล่อ…”
ผู้เฒ่าเผยสัญลักษณ์บางอย่างบนเสาผลึกแก้ว ไป๋ชิวหรานมองเห็นชัดเจน หลังจากสัญลักษณ์นั้นปรากฏตัวขึ้นแล้ว พวกมันกลายเป็นเส้นใยแสงเปล่งประกายพร้อมกระจัดกระจายออกไปรอบ ๆ ก่อนจะเลือนหายไป
“อ่า เสร็จสิ้นแล้ว”
ผู้เฒ่าถอนมือออก ก่อนจะลูบศีรษะของหุ่นกลเซียนยักษ์ไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวคำ
“หลังจากนี้ เจ้าจงติดตามเฟยอินไปเพื่อเรียนรู้เรื่องราวของเผ่าพันธุ์เราสักระยะหนึ่ง แล้วจากนั้นจึงค่อยเป็นอิสระ ไม่มีกฏใดในเผ่าพันธุ์ของเรา ทุกคนล้วนแต่เป็นพี่น้อง เจ้าจะมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมในห้วงสมุทรแห่งความว่างเปล่านี้ พยายามกินให้มากเพื่อชดเชยสิ่งที่เจ้าสูญเสียไป”
“รับทราบแล้ว”
ไป๋ชิวหรานรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย เขาเคยลูบศีรษะผู้อื่น แต่ในเวลานี้กลับถูกผู้เฒ่าตรงหน้าลูบศีรษะ
ด้วยความขุ่นเคือง พลังจิตสำนึกของเขาเผยออกอย่างเงียบ ๆ และพยายามลอบคาดเดาความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าคนนี้
เป็นอย่างที่ทั่วอิ้นปี่ยักษาสีครามสีฟ้าเคยกล่าว… ว่ามันคือยักษาระดับต่ำของเผ่า ถูกต้องแล้ว ผู้เฒ่าแห่งเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งกว่ามันมาก
“แต่หากเทียบกับข้า มันก็สมควรจะด้อยกว่าเล็กน้อย”
ไป๋ชิวหรานลอบคิดวางแผนในใจ
“บัดซบ หากในอนาคตมีโอกาส ข้าจะทุบตีให้เจ้ากลายเป็นสุนัขไร้ขาคืบคลานเข้ามาอ้อนวอนขอชีวิต”
เขาควบคุมหุ่นกลเซียนยักษ์ให้โค้งคำนับอย่างสุภาพ
ผู้เฒ่าพาเขาขึ้นสู่ที่สูงของเกาะก่อนยกมือขึ้นแล้วกล่าวคำ
“สหายทั้งหลาย รับชมสิ่งนี้ ข้าต้องการประกาศข่าวดี วันนี้ทั่วอิ้นปี่นำพาสมาชิกใหม่ของเผ่าพันธุ์เรากลับมา นี่เป็นการพิสูจน์ว่าพวกเราทั้งสิบสามไม่ได้อยู่เพียงลำพังในห้วงความว่างเปล่านี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้าย ยังมีคนในเผ่าพันธุ์ที่รอดชีวิตในต้นน้ำพร้อมกับให้กำเนิดเขาขึ้นมา”
เขาเหยียดมือข้างหนึ่งพร้อมกับดันหุ่นกลเซียนยักษ์ไปด้านหน้า
“นี่คือ อู่เล่อ สมาชิกใหม่ของเผ่าพันธุ์เรา แต่เพราะเขาเติบโตจากต้นน้ำจึงขาดสารอาหารและผอมไปหน่อย อย่างไรเขาก็เติบโตเต็มที่แล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นเด็กน้อย เอาล่ะ อู่เล่อ มาแนะนำตัวให้พวกเขารู้จักเจ้า”
ไป๋ชิวหรานควบคุมหุ่นเทพเจ้ายักษ์ให้เดินไปด้านหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะใช้พลังแห่งจิตสำนึกเปล่งคำ
“สวัสดี ข้านามว่าอู่เล่อ”
“ยินดีต้อนรับอู่เล่อ”
ยักษาที่ดูเหมือนมนุษย์มังกรสามเศียรเป็นคนแรกที่ปรบมือให้เขา
ยักษาที่เหลือจึงปรบมือตาม
“เฟยอิน”
ผู้เฒ่ามองยักษาสีชมพูที่คล้ายกับสตรีแล้วกล่าวว่า
“เวลานี้เจ้าพาเขาไปสั่งสอนสามัญสำนึกเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเรา ส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องเสาศักดิ์สิทธิ์”
“ทราบแล้ว”
เฟยอินพยักหน้าพร้อมกับโค้งคำนับขณะเอามือแตะหน้าอกเล็กน้อย
ผู้เฒ่ากลับไปที่ด้านล่างของเสาผลึกแก้ว นั่งลงและเข้าสู่สมาธิ ขณะที่ไป๋ชิวหรานควบคุมหุ่นกลเซียนยักษ์ให้เดินลาดลงมาจากที่สูงและเข้ามารวมกลุ่มกับยักษา
“สวัสดีเจ้าตัวเล็ก”
ยักษามังกรสามเศียรกล่าวทักทายไป๋ชิวหราน จากนั้นมันวางอุ้งเท้าไว้บนศีรษะของเขาและลูบไปมาอย่างเอ็นดู
ไป๋ชิวหรานไม่กล่าวโต้ตอบ เพียงแต่ลอบสำรวจความแข็งแกร่งของบุคคลตรงหน้า
“ซาหลงเจ้าทำสิ่งใด?”
ยักษาร่างสูงเคลือบโลหะเดินเข้ามาพร้อมกับใช้กรงเล็บกระแทกเข้ากับศีรษะของอีกฝ่าย
“ผู้เฒ่าเพิ่งกล่าวว่าสหายร่วมเผ่าพันธุ์ผู้นี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าได้ปฏิบัติกับเขาเช่นนี้”
“โอ้ ข้าลืมไปเลย”
ยักษามังกรสามเศียรลูบศีรษะตนเองก่อนจะหัวเราะแก้เก้อ
“ขอโทษด้วยแล้ว”
“อย่าใส่ใจเลย เขาเป็นเช่นนี้เสมอ”
ร่างสีเงินยื่นมือออกมาก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของหุ่นกลเซียนยักษ์
“ข้าขอแนะนำตัว ข้าชื่อเว่ยเอ๋อร์เข่อ ส่วนชายผู้นี้นามว่าซาหลง คนที่พาเจ้ามานามว่าทั่วอิ้นปี่ และคนที่จะสอนเจ้านามว่าเฟยอิน อ่า …ส่วนเฟยอินเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเผ่าพันธุ์ของเราที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติของราชาจอมละโมบ”
หลังจากนั้นยักษาหลายตนเริ่มรุมล้อมเขา บางตนมีควันสีดำและเพลิงปกคลุมร่างกาย พวกมันยิ่งใหญ่กว่าทวีปยักษ์บนโลก และบางตัวมากด้วยหนามแหลมคม จึงไม่อาจมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงได้ชัดเจน กล่าวโดยรวมแล้วเผ่าพันธุ์เหล่านี้ล้วนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาอาศัยเพียงกลิ่นอายและรูปร่างเพื่อแยกแยะคนในเผ่าพันธุ์
ไป๋ชิวหรานมองดูยักษ์สิบสองตัวรวมถึงผู้เฒ่าของเผ่าจึงเป็นสิบสาม ตามที่ทั่วอิ้นปี่กล่าวก่อนหน้านี้ นี่น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ทั้งหมดแล้ว
เผ่าพันธุ์นี้ดูเหมือนไม่สามารถคาดเดาได้ และทั่วอิ้นปี่กล่าวว่าพวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างอิสระ โดยทั่วไปแล้วจะไม่รวมตัวกันหากไม่มีเรื่องสำคัญ ดังนั้นการที่พวกเขามารวมกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้อาจเป็นเพราะเกิดเหตุการณ์พิเศษขึ้น
ทั่วอิ้นปี่รีบกล่าวถามเรื่องนี้กับสหายของตนอย่างรวดเร็ว
“เป็นเรื่องยากที่จะได้พบทุกคนพร้อมหน้าเช่นนี้ มีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือไม่?”
ยักษ์สีฟ้ากล่าวถามพวกพ้องรอบ ๆ
“เจ้าไม่ทราบเรื่องจริงหรือ?”
มังกรสามเศียรซาหลงกล่าวอย่างอับจน
“เจ้าลืมหรือไร? ผู้เฒ่าเรียกพวกเรามารวมตัวกันเพราะ ‘พิธีกรรมแห่งการล่าสัตว์’ กำลังจะเริ่มขึ้น!”