ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 579 เจ้าชู้
บทที่ 579 เจ้าชู้
บทที่ 579 เจ้าชู้
ไป๋ชิวหรานอยู่ที่นี่สักพัก…
ไม่มีเครื่องบอกเวลาที่ชัดเจนภายในห้วงความว่างเปล่าแห่งนี้ และยักษาเหล่านี้ก็ไม่มีความสนใจที่จะดูเวลาด้วย ดังนั้นไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยจึงไม่ทราบว่าตนอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว
ในช่วงเวลานี้ ไป๋ชิวหรานต้องรับมือกับกลุ่มคนนอก ‘เผ่า’ ที่กระตือรือร้น และพวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไป๋ชิวหรานจะสามารถชดเชยสารอาหารที่ขาดหายไปและเจริญเติบโตได้อีก
เช่นนี้ภายในร่างกาย… เขากับศิษย์จึงต้องทำงานกันอย่างยากลำบาก
ถังรั่วเวยดูเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลบางอย่าง นางมักจะอ้อยอิ่งอยู่กับแท่นที่นั่ง แม้ไป๋ชิวหรานจะออกคำสั่งให้นางฝึกฝน… แต่นางกลับไม่ยินยอม
แม้ว่านางจะได้รับ ‘การบ้าน’ ที่ทำให้นางยุ่งอยู่สักพักหนึ่ง แต่ถังรั่วเวยก็สามารถทำการบ้านทั้งหมดให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้น จากนั้นจึงตามตื๊อเขาต่อไม่หยุดหย่อน
ความเฉลียวฉลาดและสติปัญญาทั้งหมดที่นางเคยศึกษาจากในอดีต… ดูเหมือนในเวลานี้จะถูกปล่อยวางโดยสมบูรณ์
แม้จะไม่ได้กล่าวคำ แต่ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มักจะยั่วยวนเขาเสมอ
คล้ายนางคิดทำตัวเจ้าชู้ใส่เขา…
เขาลอบหัวเราะในใจ!
เหตุใดสตรีผู้นี้จึงคิดยั่วยวนเขา นางไม่สบายงั้นหรือ?
“อู่เล่อ”
ยักษาสีชมพูเฟยอินเดินเข้ามาพร้อมกับโลกวัตถุที่เพิ่งเก็บเกี่ยวหลายใบไว้ในมือ
“นี่คือเสบียงสำหรับวันนี้ ข้าพอมีเหลืออยู่ …จึงมอบให้เจ้า”
“ขอบคุณแล้ว เฟยอิน”
หุ่นกลเซียนยักษ์กลืนโลกวัตถุทั้งหมดที่เฟยอินมอบให้ในคำเดียว
“หากเจ้ากลืนกินแบบนี้ มันจะไม่ได้ลิ้มรสความอร่อยที่ถูกต้องได้”
เมื่อเห็นหุ่นกลเซียนยักษ์ตัวนี้กลืนโลกวัตถุหลายใบในคำเดียว เฟยอินรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“เราต้องค่อย ๆ กิน เมื่อโลกวัตถุแตกออก เสียงสะท้อนกึกก้องของมันคือสิ่งที่อร่อยที่สุดสำหรับพวกเรา”
“โอ้ เข้าใจแล้ว”
หุ่นกลเซียนยักษ์ตอบกลับ
“เอาล่ะ ลืมมันไปซะ… ตราบใดที่เจ้ากินมันได้ก็พอแล้ว”
เฟยอินส่ายศีรษะพร้อมเดินออกไปจากที่นี่
เนื่องจากพิธีกรรมการล่าสัตว์กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ยักษาทั้งสิบสามที่เหลืออยู่ในห้วงความว่างเปล่าจึงมารวมตัวกันสักระยะหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วพวกมันสมควรจะเป็นศัตรูคู่แค้นเสียมากกว่า แต่เพราะจำนวนคนในเผ่าพันธุ์น้อยเกินไป พวกมันจึงเป็นมิตรต่อกันมาก
ยักษาเหล่านี้เริ่มให้อาหารไป๋ชิวหรานซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กที่ ‘ขาดสารอาหาร’ ในช่วงเวลานี้ยักษาทั้งหมดพยายามส่งอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด และโลกวัตถุที่เต็มไปด้วยอารยธรรมมากมายพร้อมสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดมาให้เขากินในทุก ๆ วัน!
และเพื่อรับความปรารถนาดีจากยักษาเหล่านี้ ไป๋ชิวหรานจึงไม่ปฏิเสธ และกลืนโลกวัตถุทั้งหมดลงท้องไปอย่างว่าง่าย
แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้หุ่นกลเซียนยักษ์นี้ย่อยสลายโลกวัตถุเหล่านั้น ทุกสิ่งที่ถูกกลืนลงไปถูกบีบอัดด้วยเวทมิติและเก็บไว้ในท้องของเขา
เขากำลังเฝ้ารอโอกาสที่จะออกจากที่นี่ และกลับยังโลกวัตถุเซียน แล้วเวลานั้นเขาจะนำโลกวัตถุเหล่านี้ออกไปวางไว้ในความว่างเปล่าที่อยู่ภายใต้อำนาจคุ้มครองของโลกวัตถุแห่งเซียน
ถังรั่วเวยและไป๋ชิวหรานมองดูเฟยอินเดินออกไป หลังนานไม่นานถังรั่วเวยจึงกล่าวขึ้นว่า
“ยักษาตัวนี้ใจดีนัก… และพวกมันทั้งหมดก็ใจดีกับท่านมาก”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“ไม่แปลกใจเลย… เพราะจำนวนพวกเขาน้อยมาก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจึงแน่นแฟ้นยิ่ง”
“แต่อย่างไรเสีย เราต้องจัดการกับพวกเขาในอนาคต”
ถังรั่วเวยมองไป๋ชิวหรานอย่างลังเลก่อนจะกล่าว
“ท่านอาจารย์ ท่าน…”
ไป๋ชิวหรานชำเลืองมองศิษย์ของตน
สตรีผู้นี้กังวลว่าหลังจากที่เขายอมรับความตั้งใจของยักษาเหล่านี้แล้ว มันยากที่เขาจะเคลื่อนไหว ระหว่างยักษากับแดนเซียนเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ร่วมกันได้… หากลงมือทำย่อมมีแต่ความเจ็บปวด
เขาเอื้อมมือลูบศีรษะของหญิงสาว
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น อาจารย์ของเจ้าเป็นใคร? เจ้าจะมากังวลเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรให้ข้ามากมายเพียงใด แต่พวกเขาเพียงมอบให้ในฐานะสหายร่วมเผ่าพันธุ์เท่านั้น สุดท้ายแล้วข้าไม่ใช่อู่เล่อ แต่เป็นไป๋ชิวหราน ผู้ฝึกตนแห่งเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินและในแดนเซียน สุดท้ายแล้วสำหรับแดนเซียน ยักษาเหล่านี้คือศัตรูอย่างแท้จริง… ข้าจะผ่อนปรนให้พวกเขาได้อย่างไร?”
สายตาของเขาทอดออกไปไกล เวลานี้เขามองเห็นทั่วอิ้นปี่กำลังอ้าปากดูดกลืนโลกวัตถุหลายใบและเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย ไป๋ชิวหรานในฐานะจักรพรรดิภูตผี สามารถมองเห็นลำแสงเปล่งประกายออกจากปากของมันได้ชัดเจน นั่นคือการทำลายล้างชีวิตและอารยธรรม วิญญาณนับไม่ถ้วนถูกบดขยี้จากพายุพลังงาน …จนทั้งหมดกรีดร้องอย่างเจ็บปวด!!
นี่คืออนาคตที่ซวี่เซียงและโม่เซวี่ยต้องเผชิญ… ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่!
…
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าของเผ่าขึ้นยืนบนจุดสูงสุดของเกาะ ประกาศให้ยักษาทุกตัวมารวมกัน
ไป๋ชิวหรานติดตามเฟยอินไปยืนอยู่ด้านหน้าของผู้เฒ่าและรับฟังคำกล่าวของเขา
“สหายเอ๋ย …ถึงเวลาแล้ว”
ผู้เฒ่าโบกมือขนาดใหญ่ พร้อมเขาทั้งสามบนศีรษะฉายแสงเจือจาง
“ยักษาแห่งห้วงความว่างเปล่า ถึงเวลาที่เราจะออกสำรวจว่ามีภัยคุกคามภายในอนาคตของเราหรือไม่? คราวนี้พิธีกรรมการล่าสัตว์ยังเป็นกฏเดิม คนหนึ่งดูแลบ้าน ส่วนที่เหลือออกไปล่า ซาหลง คราวนี้เป็นเวลาของเจ้าที่จะต้องเฝ้าเสาศักดิ์สิทธิ์บนเกาะ”
“ทราบแล้ว”
ยักษามังกรสามเศียรก้มศีรษะลงแล้วตอบกลับ
“อู่เล่อ”
ผู้เฒ่าหันมองไป๋ชิวหราน
“เจ้าเพิ่งมาที่นี่ และร่างกายของเจ้าอ่อนแอ อีกทั้งยังแคระแกร็น ข้าจึงไม่บังคับให้เจ้าเข้าร่วมพิธีกรรมการล่าสัตว์คร่าวนี้ เจ้าอยู่ที่นี่และเฝ้าเสาศักดิ์สิทธิ์กับซาหลง ข้าอนุญาตให้เจ้าสองคนฝึกฝนกับเสาศักดิ์สิทธิ์ได้ อ้อ… เจ้าควรจะกินในมากขึ้นในช่วงเวลาที่พวกเราไม่อยู่ หลังจากเรากลับมาแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเติบโตขึ้นได้อีกหน่อย!”
“ทราบแล้ว ท่านผู้เฒ่า”
ไป๋ชิวหรานก้มศีรษะพร้อมตอบกลับ
จากนั้นผู้เฒ่าจัดการบางสิ่งให้กับกลุ่มคนที่เหลือ เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว กลุ่มยักษาทั้งหมดภายใต้การนำของผู้เฒ่าจึงออกสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า พวกเขาแหวกว่ายไปตามสายธารเส้นหนึ่ง
บางตัวกางปีกบินไปตามระนาบของมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า ในขณะที่ตัวอื่น ๆ อาศัยพลังงานผันผวนในแม่น้ำเพื่อลอยตัวไปด้านหน้า ส่วนผู้เฒ่าของเผ่าเหยียบย่ำบนผิวน้ำและเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อไป๋ชิวหรานเห็นว่ายามผู้เฒ่าเคลื่อนไหว เส้นใยโปร่งแสงจะเกิดขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา… มันเป็นเช่นเดียวกับเส้นใยลำแสงของเสาผลึกแก้วใจกลางเกาะ หากไม่มองโดยละเอียดคงไม่มีทางเห็นสิ่งนี้แน่นอน
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความสามารถบางอย่างของยักษา ไป๋ชิวหรานคาดเดาว่านี่น่าจะเป็นผลประโยชน์ที่ผู้เฒ่าของเผ่าพันธุ์ได้รับหลังจากฝึกฝนอยู่กับเสาผลึกแก้วตลอดเวลา
เขามองไปรอบ ๆ และพบว่าในท่วงท่าที่เปิดเผยออกมาในหมู่ของยักษา เห็นเป็นทั่วอิ้นปี่ที่ต้องว่ายน้ำอย่างสบาย ๆ อยูู่ในมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า จึงเข้าใจทันทีว่า… เขาคือผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม