ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 582 คุณภาพที่ถูกพรากไป
บทที่ 582 คุณภาพที่ถูกพรากไป
บทที่ 582 คุณภาพที่ถูกพรากไป
หลังจากที่ไป๋ชิวหรานออกจากกำแพงแห่งเวลา สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเขาคือศิษย์ที่นั่งอยู่บนม้านั่งผลึกแก้ว สายตาราวกับคิดบางสิ่งในขณะจับจ้องเขาอย่างมั่นคง
“อะไร?”
เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวถาม
“เจ้ามองหาอะไร?”
ถังรั่วเวยตกใจเช่นกันเมื่อเห็นว่าไป๋ชิวหรานลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน นางไม่ได้เผยความตื่นตระหนกนัก เพียงกลอกตาไปมาอย่างสงบ
“เป็นอะไรหรือ? ข้ามองท่านไม่ได้หรือไร? ทำตัวเป็นบุรุษโฉมงามผู้หวงแหนร่างกายไปได้”
ไป๋ชิวหรานรับฟังแล้วครุ่นคิด
“เจ้าไม่คิดจะทำอย่างอื่นนอกจากจับจ้องข้าหรือไร?”
“อืม… ทำไมหรือ?”
ถังรั่วเวยตอบกลับเสียงดังฟังชัด
“ก็เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดให้ชมนอกจากตัวท่าน”
“ช่วงนี้เจ้าทำตัวไร้ยางอายหนักขึ้นทุกวัน…”
ไป๋ชิวหรานรู้สึกขนลุก
ถังรั่วเวยไม่สนใจคำตำหนิเหล่านั้น ก่อนจะกลับมากล่าวถามในประเด็นสำคัญ
“ท่านอาจารย์ ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วหรือ?”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้ารับ
“แล้วใยเส้นลำแสงพวกนั้นมันคืออะไร?”
ถังรั่วเวยกล่าวถามอย่างใคร่รู้
“อ่า มันยากจะอธิบาย มันเป็นแนวคิดและพลังที่ถูกแทนที่ด้วย… อืม ข้าเดาว่ามันน่าจะเป็นพลังบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของอารยธรรมหนึ่ง”
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ
“ลองดูนี่สิ”
เขาหลับตาลง เส้นใยลำแสงปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือและก่อตัวเป็นลูกบอล ไป๋ชิวหรานถือมันไว้ในมือก่อนจะเขวี้ยงมันออกไปทางม้านั่งผลึกแก้วที่ถังรั่วเวยนั่งอยู่!
แสงสีอ่อนจางด้านบนของม้านั่งผลึกแก้วก่อตัวเป็นรัศมีประหลาด ก่อนจะกระจัดกระจายออกไปตามพื้นผิว เมื่อลำแสงนี้เคลื่อนที่ผ่าน ม้านั่งผลึกแก้วกลับกลายเป็นไม้เนื้อประหลาดที่ดูพิเศษยิ่งนัก ซึ่งสิ่งนี้ถังรั่วเวยไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“มันคืออะไร?”
หญิงสาวอุทานด้วยความประหลาดใจ
“นี่คือการพรากคุณภาพของมันไป หรือจริง ๆ แล้ว มันคือรูปลักษณ์ดั้งเดิมที่สมควรจะเป็นตั้งแต่แรก”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเสียงต่ำ
“บางทีข้าอาจคาดเดาบางอย่างได้ เจ้าทราบหรือไม่ว่ายักษาเหล่านั้นมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“อย่างไรหรือ?”
ถังรั่วเวยถามกลับ แต่ไป๋ชิวหรานไม่ตอบ เขาเดินไปอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นหอสูงที่สุดภายในเมืองผลึกแก้วแห่งนี้ ถังรั่วเวยจึงทำได้เพียงก้าวขาติดตาม
ไป๋ชิวหรานเดินไปยังหอสูงอย่างรวดเร็วก่อนจะยกมือขึ้นแล้วประทับลงแผ่วเบา ลำแสงพลันเปล่งประกายออกมา ก่อนที่หอสูงทั้งหมดจะเปลี่ยนจากผลึกแก้วกลายเป็นหอสูงสีฟ้าหกชั้น… กลายเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่งดงาม
หลังจากทำสิ่งนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานก็ผลักประตูไม้พร้อมกับเดินเข้าสู่หอสูงด้านใน
ถังรั่วเวยเดินตามเข้าสู่หอสูงด้านใน บางทีอาจเป็นเพราะประวัติศาสตร์อันยาวนาน แม้วัสดุภายในหอสูงแห่งนี้จะไม่ได้ดูเก่านัก แต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณแทรกซึมในอากาศ
บันไดของหอสูงมีราวบันไดไม้โบราณสองฝั่งทอดยาวถึงชั้นบน มีห้องขนาดใหญ่พร้อมชั้นวางมากมายภายใน ทั้งยังมีบันทึกมากมายที่เป็นอักขระประหลาดไม่อาจเข้าใจได้วางทับซ้อนกองโต
ไป๋ชิวหรานไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เขาโบกมือเก็บทุกอย่างเข้าสู่กระเป๋าทันที ก่อนจะพาถังรั่วเวยขึ้นสู่ชั้นบนสุดของหอสูง และทุกสิ่งที่พบเจอถูกเก็บเรียบโดยไป๋ชิวหราน
หลังจากรวบรวมทุกสิ่งเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานพาหญิงสาวออกจากเมืองผลึกแก้วพร้อมมุ่งหน้าสู่เมืองถัดไป และเมืองแห่งนี้ถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับเมืองผลึกแก้ว หลังจากรวบรวมทุกสิ่งเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงพาถังรั่วเวยกลับไปที่เสาศักดิ์สิทธิ์
หลังจากจัดการทุกสิ่งเสร็จสิ้น ทั้งสองก็กลับเข้าสู่ร่างของหุ่นกลเซียนเนรมิต ก่อนจะหันมองมาที่ซาหลง
มังกรสามเศียรยังคงนั่งสมาธิอยู่ใต้เสาศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของไป๋ชิวหรานในเวลานี้เลย
“ท่านอาจารย์”
ถังรั่วเวยมองอีกฝ่ายก่อนจะหันมากล่าวกับไป๋ชิวหรานว่า
“กลิ่นอายของท่านคล้ายคลึงกับยักษาเหล่านี้ ท่านต้องเรียนรู้จากยักษาผู้นี้และลองเข้าสู่สมาธิเช่นพวกเขาหรือไม่? แล้วหากทำเช่นนั้น ท่านจะปลุกพลังเหนือธรรมชาติได้หรือไม่?”
“หยุดพล่ามไร้สาระ! ข้าเข้าสู่สมาธิมานานแค่ไหนแล้วเมื่อครั้งตรวจสอบเส้นใยลำแสงพวกนี้”
ไป๋ชิวหรานโบกมืออย่างไม่แยแส
“ข้าตรวจสอบเส้นใยลำแสงเสร็จแล้ว และไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติใด อีกทั้งร่างกายข้ามิใช่เหมือนกับยักษาพวกนี้ ข้าจึงไม่อาจปลุกมันขึ้นมาได้… หรือว่ายักษาเหล่านี้เป็นบรรพบุรุษของสวรรค์ริษยา จึงสามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติที่แท้จริงได้ และเมื่อวิถีสวรรค์สร้างเราขึ้นมา เขาจึงผสมผสานพลังเหนือธรรมชาติเข้ากับร่างกายของสวรรค์ริษยาแล้ว”
“ฟังดูแล้วก็มีเหตุผล”
ถังรั่วเวยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ?”
“แน่นอนว่าต้องหาทางกลับสู่แดนเซียนเพื่อแจ้งข่าวร้ายกับเจิ้นเทียนและคนอื่น ๆ ให้ทราบ”
ไป๋ชิวหรานมองมังกรสามเศียรที่นั่งสมาธิอยู่ภายใต้เสาศักดิ์สิทธิ์พร้อมปลดปล่อยจิตสังหารแผ่วเบา
“และก่อนหน้านั้น… หากข้าสามารถกำจัดความแข็งแกร่งของยักษาเหล่านี้ได้สักเล็กน้อย ก็น่ายินดีแล้ว…”
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นคนดีจริงหรือไม่? เขาผู้นี้ปฏิบัติต่อท่านอย่างดีมาก่อน เจ้าหนุ่มของเผ่ายักษา…”
“หุบปาก! หรือเจ้าอยากให้ข้ามอบโอกาสในการเป็นอาจารย์ให้ เจ้าอยากต่อสู้กับมันตัวต่อตัวหรือไม่!?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างขุ่นเคือง
ถังรั่วเวยปิดปากสนิทไม่กล่าวคำใดอีก
ไป๋ชิวหรานกลับสู่แท่นควบคุมของหุ่นกลเซียนยักษ์ ดวงตาของหุ่นกลเซียนยักษ์สว่างวาบขึ้น ก่อนจะยืดตัวขึ้นจากพื้น ก้าวขาออกเพียงสองสามก้าวก่อนจะหยุดลงด้านหลังของซาหลง
ยักษาตนนี้ดูเหมือนจะตกอยู่ในสภาวะตื่นรู้ขั้นสูงสุด จนมีแสงระยิบระยับเปล่งประกายออกจากผิวของเขา หลังจากนั้นไม่นาน …เมื่อมังกรสามเศียรตนนี้ตื่นขึ้นจากสมาธิ เขาอาจจะสามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติแบบสุ่มได้!
ไม่มียักษาตนใดที่อ่อนแอ และยักษาที่สามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมาได้ยิ่งน่าสะพรึงกลัวมาก!
มันจะก่อให้เกิดภัยพิบัติในอนาคต หากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไป ไป๋ชิวหรานจึงตัดสินใจที่จะใช้หุ่นกลเซียนยักษ์ตนนี้เพื่อจัดการมัน!
เขาจึงยกฝ่ามือขึ้นสูงทันที!!
ภายในคฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์ เตาหลอมโลกาของหุ่นกลจักรพรรดิเริ่มโคจรพลังงาน อักขระแห่งยันต์นับไม่ถ้วนส่องสว่างขึ้นจากหน้าอกของหุ่นกลเซียนยักษ์ พลังอันรุนแรงแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของหุ่นกลราวกระแสน้ำเชี่ยวกราก
แขนที่ถูกยกขึ้นปรากฏลูกบอลเพลิงส่องสว่างปะทุออกมา ก่อรูปร่างเป็นกระบี่ยาวปลดปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว
เดิมทีหุ่นกลเซียนยักษ์ตนนี้เตี้ยมากเมื่อยืนเทียบกับเหล่ายักษา หากซาหลงยืนขึ้น หุ่นกลเซียนยักษ์อยู่เพียงแค่เข่าของเขาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เวลานี้เป็นโอกาสอันดีเพราะซาหลงนั่งอยู่ จึงเปิดโอกาสให้ไป๋ชิวหรานลงมือได้
ทั้งเกาะสั่นสะเทือนเล็กน้อย หุ่นกลเซียนยักษ์ถีบตัวขึ้นสู่อากาศสับฟันลงที่ศีรษะทั้งสามของซาหลงอย่างโหดเหี้ยม
โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ เสียงกรีดร้องของยักษาซาหลงดังกึกก้องไปทั่วห้วงแห่งความว่างเปล่า…