ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 585 จิตวิญญาณยักษา
บทที่ 585 จิตวิญญาณยักษา
บทที่ 585 จิตวิญญาณยักษา
หุ่นกลเซียนยักษ์กระโดดขึ้นจากมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า ครั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก็จะมองเห็นมังกรน้อยสองตัวกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
มันไม่เพียงแต่ฟื้นฟูลำตัว แขน และขาเช่นเดิมเท่านั้น แต่ยังสร้างปีกอวบอ้วนอีกคู่หนึ่ง… ปีกด้านหลังกระพืออย่างต่อเนื่องและบินไปตามแนวระนาบของมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า
“โอ้ ดูเหมือนว่าความสามารถของมังกรสามเศียรนี่จะเพิ่มไม่หยุด”
ภายในแท่นควบคุมของหุ่นกลเซียนยักษ์ ถังรั่วเวยมองผ่านหน้าจอแล้วกล่าวคำ
“อืม และพวกเราไม่ควรประมาท”
ไป๋ชิวหรานเผยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“โชคดีที่ก่อนข้าลงทะเล ข้าสร้างวงแหวนเวทไว้บนเกาะแล้ว”
เขาเปิดใช้งานธนูอีกครั้ง ก่อนจะยิงไปตามทิศทางของมังกรน้อยทั้งสองตัว ในเวลานี้ร่างของมังกรน้อยทั้งสองคล้ายจะสัมผัสถึงลางร้าย มันเก็บปีกพร้อมกับโฉบลงด้านล่างราวกับกระสุนปืน และลูกศรที่ไป๋ชิวหรานยิงออกไปจึงหายวับไปในความว่างเปล่า
ในฐานะเผ่าพันธุ์ที่เป็นอมตะภายในห้วงมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่านี้ ซาหลงไม่มี ประสบการณ์ในการต่อสู้นัก อย่างไรก็ตาม เขาใช้สัญชาตญาณในการต่อสู้ และประสบการณ์ของมังกรสามเศียรตัวนี้พุ่งทะยานราวกับขี่ดาวหาง มันสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายล่วงหน้าสองถึงสามเสี้ยวลมหายใจ แล้วใช้ทักษะหลบหลีกอย่างรวดเร็ว …ความสามารถนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนมากประสบการณ์ก็ไม่อาจมีได้ทุกคน
ไป๋ชิวหรานเปิดใช้งานธนูอีกครั้งก่อนจะปลดปล่อยลูกศรออกไปมากมาย! ช่องเล็ก ๆ งอกขึ้นจากข้อต่อของปีกมังกรน้อย มันพ่นพลังงานสีเงินออกมาราวกับแสงดาวหาง! ด้วยการสนับสนุนของสิ่งนี้ มังกรน้อยสองตัวพุ่งทะยานไม่ต่างจากดาวตก วิถีเส้นทางของมันพร่างพราวและหลบหนีลูกศรของไป๋ชิวหรานได้อย่างงดงาม!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ไป๋ชิวหรานจัดการกับหุ่นกลเซียนยักษ์ให้วางคันธนูในมือลงอย่างเงียบ ๆ
“การโจมตีระยะไกลไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกแล้ว”
เมื่อเห็นว่าศัตรูด้านหลังไม่ไล่ตาม มังกรน้อยจึงสงบลงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่คิดละสายตาและไม่ลดการป้องกัน แต่ยังเพิ่มระดับการป้องกันเป็นสูงสุด ในขณะเดียวกันก็พยายามเร่งความเร็วออกจากระยะการโจมตีของหุ่นกลเซียนยักษ์ทั้งหมด
มังกรน้อยทั้งสองซ่อนตัวอยู่ภายในโลกวัตถุแห่งจักรวาล เพราะไป๋ชิวหรานอ้างตัวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งโลกวัตถุ แม้โลกวัตถุเหล่านี้จะไม่ได้กล่าวว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเขา แต่เขาก็ไม่คิดทำลายโลกวัตถุทั้งหลายตามใจชอบ เรื่องนี้ชัดเจนในการกระทำที่เขาไล่ล่าซาหลงมาตลอดทาง
หากไม่ใช่เพื่อควบคุมการโจมตีให้หลีกเลี่ยงโลกวัตถุต่าง ๆ ระหว่างเขากับซาหลง จังหวะการไล่ล่าและสังหารซาหลงของไป๋ชิวหรานน่าจะไม่ยืดยาวมาจนถึงตอนนี้
ดังนั้นมังกรน้อยจึงจำเป็นต้องใช้โลกวัตถุโดยรอบเพื่อเป็นสถานที่กำบัง เพราะมันทราบว่าไป๋ชิวหรานไม่สามารถทำลายโลกวัตถุเหล่านี้ได้
“ดูเหมือนเจ้าจะคิดมากไปหน่อย”
อย่างไรก็ตาม คลื่นจิตสำนึกดังขึ้นเพื่อขัดจังหวะความคิดของมัน
เมื่อคลื่นจิตสำนึกดังขึ้น มังกรน้อยทั้งสองรู้สึกว่าตนเองสูญเสียการควบคุมร่างกายไปเสียแล้ว
มันก้มศีรษะลงด้วยความสับสน มีรอยแผลปรากฏขึ้นบนร่างกาย บางที่มีโลหิตหลั่งรินออกราวกับน้ำตก ปีกและแขนขาก็หายไปแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น พลังเส้นใยลำแสงที่น่าอัศจรรย์ยังคงแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย และเปลี่ยนเนื้อเลือดเหล่านั้นให้กลายเป็นวัสดุผลึกแก้วโปร่งแสง แม้ความเร็วจะช้าไปหน่อย แต่มันก็เคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายแล้ว
“ตอนเจ้าเข้ามาหลบซ่อนตัวในโลกวัตถุใบนี้ เจ้าคิดว่าข้าคงไม่ลงมือทำสิ่งใด แต่ข้าตัดสินใจจะสังหารเจ้าแล้ว หากจำเป็น… ข้าก็สามารถทำลายโลกวัตถุบางโลกวัตถุได้ เพราะตราบใดที่เจ้าตายตก โลกวัตถุอีกมากมายจะอยู่รอด…”
หุ่นกลเซียนยักษ์เดินตรงเข้าหามังกรน้อยทั้งสอง… ก้าวมาหยุดยืนบนพื้นผิวของมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า ท่วงท่ายิ่งใหญ่ราวกับราชา พร้อมกระบี่สีเงินแวววาวอยู่ในมือหนา
“แต่ที่ข้าหลีกเลี่ยงและชะลอความตายของเจ้า ไม่ใช่เพียงเพราะไม่ต้องการทำลายโลกวัตถุเหล่านั้น เพียงแต่มันง่ายดายนักที่ปราณกระบี่ของข้าจะพลุ่งพล่านไปทั่วจักรวาลนี้! …การโจมตีเจ้าในห้วงแห่งความว่างเปล่านี้ง่ายดายยิ่งกว่าการกระดิกนิ้วเสียอีก”
เขายกกระบี่ยาวขึ้น ปราณกระบี่ทะยานออกจากใบมีดคมปลาบ
“ลาก่อนซาหลง …เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ควรค่าแก่การระลึกถึง”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มังกรน้อยทั้งสองพยายามต่อสู้ มันยืดลำคอขึ้นก่อนจะกระตุ้นพลังจิตสำนึกคลื่นสุดท้ายให้ทะยานออกไป
“ผู้เฒ่า! อู่เล่อต้องการสังหารท่าน!”
ลมหายใจสุดท้ายของเขากลายเป็นคลื่นจิตสำนึกทะยานออกมา… นั้นสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าในขณะพุ่งทะยานข้ามผ่านความว่างเปล่า และลมหายใจต่อมา พลันเกิดการโจมตีรุนแรงโจมตี และสับฟันเขาจนฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
คลื่นแห่งจิตสำนึกทั้งสองที่บรรจุข้อความเอาไว้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายมันถูกปราการป้องกันไร้ลักษณ์ขวางกั้นเอาไว้ ก่อนที่หุ่นกลเซียนยักษ์จะคว้ามันอย่างง่ายดาย
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าเจ้าจะไม่มีวันหลบหนีได้!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวคำ
“นับตั้งแต่ข้าได้พบพวกเจ้า ข้าก็คิดมาเสมอว่าจะสังหารพวกเจ้าอย่างไร พื้นที่ใกล้เคียงกับเกาะแห่งนี้ถูกข้าแทรกซึมหมดสิ้นแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อการปิดกั้นพลังแห่งจิตสำนึกของพวกเจ้า”
หุ่นกลเซียนยักษ์ยื่นฝ่ามือขนาดใหญ่ออก เศษเสี้ยวของวิญญาณร่วงหล่นบนฝ่ามือของไป๋ชิวหราน
ไป๋ชิวหรานถือเศษเสี้ยววิญญาณนี้เอาไว้พร้อมกับร่ายเวท แท่นบูชาลอยขึ้นจากอากาศ ลำแสงเปล่งประกายจากใต้ฝ่าเท้า ก่อนที่เขาจะใช้เศษวิญญาณนี้เป็นสื่อกลางในการพูดคุย
ราวกับวันเวลาถูกย้อนกลับ… ฉากนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง เศษเสี้ยววิญญาณนับไม่ถ้วนลอยขึ้นจากห้วงมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่บนฝ่ามือของเขา ก่อนที่มันจะเริ่มก่อตัวกลายเป็นวิญญาณของมังกรสามเศียรที่มีความสูงเทียบเท่ากับไป๋ชิวหรานล่องลอยกลางอากาศ
วิญญาณนั้นไม่มีขนาดที่ตายตัว จะเล็กใหญ่ก็ย่อมได้ และวิญญาณของยักษาเหล่านี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“อย่างไรก็ตาม กล่าวตามตรงว่าวิญญาณที่รวบรวมได้ยังน้อยเกินไป ดูเหมือนกับว่า… เกิดจากธรรมชาติหรือพลังต้นกำเนิด”
ถังรั่วเวยมองวิญญาณตรงหน้าก่อนจะพยายามคาดเดา
“เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว คงเป็นเพราะการฝึกฝนของเจ้าสูงขึ้นเล็กน้อย บทเรียนที่เจ้าได้รับคงไม่ไร้ประโยชน์แล้ว”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“ข้าเกรงว่าสิ่งที่พวกมันมีอยู่นี้… มันอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“ท่านอาจารย์ แล้วท่านคิดทำอย่างไรกับเผ่ายักษาเหล่านี้?”
ถังรั่วเวยกล่าวถาม
“จะจัดการอย่างไร? อ่า ยักษาเหล่านี้แตกต่างจากพวกเรา หลังจากที่ข้าเอาชนะมันได้ หากตรงสู่เงื่อนไข ข้าจะปล่อยให้พวกมันเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถีของพวกเรา หากพวกมันกลายเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว มันก็จะเลิกกลืนกินโลกวัตถุเป็นอาหาร”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิด
“แน่นอนว่านี่คือเมื่อไร้ซึ่งอุปสรรคใด มังกรสามเศียรผู้นี้รับมือได้ยากยิ่ง และผู้เฒ่าของเผ่าพันธุ์คงจะซุกซ่อนพลังไว้มากมาย เมื่อถึงเวลาต้องต่อสู้ ข้าไม่มั่นใจเลยว่าฝ่ายใดจะชนะ แต่หากข้ายั้งมือในสถานการณ์นั้น ข้าคงจะโง่เขลาเต็มที”
“ยังไม่สายเกินไป เรารีบกลับกันเถิด”
ถังรั่วเวยกล่าวเตือน
“เหล่ายักษาพวกนี้เพิ่งออกเดินทางได้ไม่นานนัก เราควรกลับสู่แดนเซียนเพื่อเตรียมการรับมือ”
“อืม เจ้ากล่าวถูกต้อง”
ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นก่อนจะกำจัดวิญญาณของซาหลง
“จิตวิญญาณของยักษาเหล่านี้แข็งแกร่งนัก น้ำเบญจรสไม่มีผลกับพวกมันแน่นอน ข้าจึงต้องล้างความทรงจำของมันด้วยตนเอง… อ่า ไม่รู้ว่าการบังคับขืนใจกันเช่นนี้จะทำให้สติปัญญาของพวกมันเสียหายมากน้อยเพียงใด”