ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 589 ทักษะลับสุดยอด
บทที่ 589 ทักษะลับสุดยอด
บทที่ 589 ทักษะลับสุดยอด
เห็นได้ชัดว่าสงครามตรงหน้าสิ้นสุดลงแล้ว ภายในสนามรบยังมีชิ้นส่วนจากโลกวัตถุที่แตกสลายล่องลอยในอากาศ …โลกวัตถุที่แตกสลายกระจัดกระจายอยู่ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า อีกทั้งยังมีซากเรือรบรูปร่างประหลาดมากมายนับไม่ถ้วนที่จมลง
มันควรจะเป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองและทรงพลังที่สุดภายในสายธารแห่งความว่างเปล่าแห่งนี้ แต่การมาเยือนของเหล่ายักษาทำให้พวกเขาถูกทำลายหมดสิ้น
โลกจำนวนนับไม่ถ้วน อารยธรรมมากมายถูกทำลาย ทั้งหมดถูกแผดเผาโดยพลังของเหล่ายักษา ณ ใจกลางสนามรบ เศษซากสุดท้ายของอารยธรรมเหล่านี้บ่งบอกว่าพวกเขาต่อสู้กับมันอย่างสุดความสามารถ เรือรบและกองทัพยานอวกาศอัดแน่นไปด้วยกระสุนเพลิง พวกเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อต่อสู้ดิ้นรน
เป้าหมายของการโจมตีคือยักษาผิวสีฟ้า ผู้เฒ่าของเหล่ายักษา
แต่เมื่อเผชิญหน้ากันในลมหายใจสุดท้าย ผู้เฒ่าของเผ่าเพียงแค่เหยียดมือออกไปเล็กน้อย
เส้นใยลำแสงควบแน่นกลายเป็นดาบแก้วแวววาวขนาดใหญ่ ผู้เฒ่าเหวี่ยงดาบในมือก่อนปลดปล่อยปราณดาบแข็งแกร่งปะทะกับกองเรือรบทั้งหมดอย่างเหี้ยมโหด
เกิดการระเบิดรุนแรงขึ้น ร่างของผู้ปกครองอารยธรรมนั้นจมลงใต้สายธารแห่งความว่างเปล่า พวกเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อทั้งหมดถูกทำลาย …เหล่ายักษาก็จากไป
รอบกายของผู้เฒ่ายักษามียักษาอีกสองตน คนหนึ่งคล้ายกับมนุษย์ตั๊กแตนตำข้าว อีกคนคล้ายกับภูเขาไฟเคลื่อนที่ได้ ซึ่งทั้งสองคนนี้ ไป๋ชิวหรานเคยได้พบกับพวกเขาบนเกาะภายในมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่าแล้ว
แม้เหล่ายักษาจะข่มเหงอย่างหนัก แต่อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งปกครองสายธารแห่งความว่างเปล่าก็ไม่ใช่อ่อนด้อย การเผชิญหน้าเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาตอบโต้ยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับเหล่ายักษาได้
มนุษย์ตั๊กแตนตำข้าวและมนุษย์ภูเขาไฟเคลื่อนที่จนเกิดบาดแผลมากมายบนร่างกาย พวกเขาแทบจะหมดลมหายใจ แต่มือหนาสามารถเอื้อมมือออกไปคว้าโลกใกล้เคียงและกลืนกินเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังให้กับร่างกาย เช่นนี้บาดแผลทั้งหมดจึงถูกฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“หึ…”
จื้อเซียนมองเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นเหล่ายักษาเป็นครั้งแรก เมื่อได้สติ เขาก็กล่าวคำเชื่องช้า
“มันเป็น… สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือจินตนาการอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่มันจะสามารถข่มเหงเหล่าอารยธรรมขั้นสูงภายในเขตแดนจิตสำนึกและสังหารเผ่าพันธุ์อื่นจนหมดสิ้น”
“หากเราพ่ายแพ้ ชะตากรรมของโลกแดนเซียนก็ไม่ต่างกัน…”
ถังรั่วเวยยืนอยู่ด้านหลังของไป๋ชิวหราน มือยังคงคว้าเอวของเขาไว้ มองดูสภาพแวดล้อมที่หนาวเหน็บโดยรอบก่อนจะรู้สึกหดหู่อย่างช่วยไม่ได้
“เช่นนั้นเราจึงไม่อาจพ่ายแพ้”
ไป๋ชิวหรานมองผู้เฒ่าเผ่ายักษาจากระยะไกล
“เราต้องตรวจสอบพวกเขาอย่างใกล้ชิด เพื่อเก็บข้อมูลว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บจากสนามรบนี้อย่างไรบ้าง”
ไป๋ชิวหรานควบคุมกระบี่บินพุ่งเข้าหาผู้เฒ่าเผ่ายักษาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาทั้งสองคนกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานผ่านฝ่าเท้าของยักษาทั้งสามอย่างรวดเร็ว แต่ในสายตาของยักษาเหล่านี้ มันอาจเป็นเพียงลำแสงหรือแมลงบินผ่านเท่านั้น
ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงไม่คิดจะหลบซ่อน เขาเพียงใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“อ่า?”
ยักษาอีกสองตนไม่สังเกตเห็นการมีอยู่ของทั้งสอง แต่ดูเหมือนผู้เฒ่าจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง และหันหน้ามองทิศทางของไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวย
“ผู้เฒ่า?”
ยักษามนุษย์ตั๊กแตนตำข้าวกล่าวถาม
“เกิดสิ่งใดขึ้น? ยังหลงเหลือสิ่งมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ เขาเพียงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตราย แต่ข้าอาจจะคิดไปเอง…”
ผู้เฒ่าถอนหายใจพร้อมละสายตา
“บางทีอาจเป็นเพราะนี่คือสถานที่ที่พี่ชายข้าตายตก และครอบครัวของข้าสูญหายหมดสิ้น ข้าจึงรู้สึกหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้กระมัง…”
“ผู้เฒ่า…”
ยักษาร่างภูเขาไฟโน้มตัวไปด้านหน้า มีควันไฟสีดำพุ่งออกจากรูโหว่บนหลัง ทั้งยังเต็มไปด้วยหินหนืดร้อนแรงไหลทะลักออกมา
“ทั่วอิ้นปี่กับซาหลงตายตกแล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ผู้เฒ่าหลับตาลงเชื่องช้า
เวลานี้เหลือเพียงเหล่ายักษาเพียงสิบสี่ตน และทุกการสูญเสียของพวกมันจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสร้างความเจ็บปวดให้กับพวกมันอย่างแท้จริง
“พวกเขายอมตายเพื่อปกป้องเฟยอิน”
ยักษาภูเขาไฟกล่าวกระซิบ
“โชคดีแล้วที่เฟยอินไม่เป็นอะไร”
เฟยอินคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในเผ่าพันธุ์ยักษา และปัจจุบันนางคือสิ่งมีชีวิตที่สำคัญที่สุดรองจากผู้เฒ่าของเผ่าพันธุ์
เหตุที่นางได้ถูกยกย่องให้เป็นคนสำคัญนั้นเพราะเหล่ายักษานั้นไม่มีเพศที่ตายตัว พวกมันไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ที่ดูเด่นชัด เพราะทุกคนมีลักษณะทางกายภาพที่แปลกประหลาด
อย่างไรก็ตาม สตรีในเผ่าพันธุ์ยักษานี้มิใช่ถูกยกย่องจากเพศสภาพ แต่นางถูกยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญจากความสามารถที่แท้จริง
นางคือยักษาที่มีความสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ แม้จะใช้เวลานานกว่าจะให้กำเนิด แต่มันก็คือวิธีเดียวในการสืบพันธุ์ของเหล่ายักษาพวกนี้
นอกจากนี้ บุคคลที่มีรูปร่างคล้ายกับสตรียังสามารถแยกร่างสหายที่ตายตกออกเป็นจิตวิญญาณก่อนจะใช้เส้นใยลำแสงภายในร่างกาย และสร้างไข่ของยักษาขึ้นจากศพไร้ลมหายใจ
เฟยอินเป็นยักษาเพียงผู้เดียวภายในเผ่าที่สามารถกระทำเรื่องเหล่านี้ได้ กล่าวคือ นางมีหน้าที่สืบพันธุ์ให้กับเผ่ายักษา หากเฟยอินตายตก ทั้งกลุ่มจะไม่สามารถขยายเผ่าพันธุ์ได้อีก เว้นแต่ผู้เฒ่าของเผ่าจะละทิ้งความสามารถอันทรงพลังในปัจจุบันและเข้าสู่เสาศักดิ์สิทธิ์โดยสันโดษ ทำพิธีสังเวยต่อทวยเทพ เพื่อขอเปลี่ยนแปลงพลังมหาศาลที่มีให้เป็นพลังแห่งการสืบพันธุ์แทน
“เอาล่ะ เรารีบไปดูพวกเขากันเถอะ”
ผู้เฒ่าเอ่ยเร่งเร้า
ยักษาทั้งสามตัววิ่งผ่านผิวน้ำเคลื่อนตัวไปด้านหน้า ไม่นานหลังจากผ่านพ้นไปแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงออกจากที่ซ่อนอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับถังรั่วเวยและจื้อเซียน
“ผู้เฒ่าของเผ่าพันธุ์นี้นับว่าฉลาดนัก และเขาเกือบจะพบเจอเราแล้ว”
ถังรั่วเวยอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“อาจารย์ ท่านประมาทเกินไป อย่าปฏิบัติราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์”
“อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ชายผู้นั้นรอดชีวิตจากหายนะของเหล่ายักษา และดูเหมือนเขาจะมีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย”
ไป๋ชิวหรานไม่แปลกใจกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาแม้แต่น้อย
เมื่อเขาสังหารซาหลงบนเกาะก่อนหน้านี้ มังกรสามเศียรผู้นั้นไร้ซึ่งประสบการณ์ในการต่อสู้ แต่ยังสามารถวิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ นับประสาอะไรกับผู้เฒ่าแห่งเผ่าพันธุ์ที่รอดชีวิตนับตั้งแต่ยุคโบราณ
ดังนั้นเขาจึงจงใจเข้าหาผู้เฒ่าของเผ่ายักษาก่อน เพื่อตรวจสอบว่าสัญชาตญานของชายผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ผลลัพธ์คือ ผู้เฒ่านี้ซ่อนเร้นความสามารถไว้มากมาย แม้กระทั่งซ่อนมันจากสหายร่วมเผ่าพันธุ์ด้วย
หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานใช้หลังมือแตะศีรษะของถังรั่วเวยก่อนจะกล่าวว่า
“เหตุใดเจ้าจึงตื่นเต้นนัก? ก็เพียงยักษาสามตัว ในฐานะอาจารย์ของเจ้า ข้าย่อมจัดการได้แน่”
“ท่านสามารถต่อสู้กับทั้งสามได้ด้วยตัวคนเดียวหรือ? อีกทั้งในนั้นยังมีผู้เฒ่าอยู่!”
ถังรั่วเวยถามกลับ
“มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะสามารถทำได้ แต่ข้าก็มีทักษะลับบางอย่างที่สามารถทดสอบปฏิกริยาของพวกเขาได้”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเสียงแผ่ว
“ทักษะลับอะไรกัน?”
ถังรั่วเว่ยยิ่งสับสน
“ข้าถึงกับเป็นศิษย์สายตรงคนแรกของท่าน แต่ท่านยังมีความลับปิดบังข้าหรือ?”
“เด็กน้อย ทักษะลับนี้อาจารย์ของเจ้าสั่งสอนเจ้านับตั้งแต่วันแรกที่รับเจ้าเป็นศิษย์แล้ว!”
ไป๋ชิวหรานหันกลับมาตบศีรษะของถังรั่วเวยพร้อมตำหนิคำเบา
“หากเจ้าเอาชนะผู้อื่นไม่ได้ เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักวิธีวิ่ง?”