ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 590 ภายในห้วงความว่างเปล่านี้ ช่างเปลี่ยวเหงายิ่งนัก
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 590 ภายในห้วงความว่างเปล่านี้ ช่างเปลี่ยวเหงายิ่งนัก
บทที่ 590 ภายในห้วงความว่างเปล่านี้ ช่างเปลี่ยวเหงายิ่งนัก
บทที่ 590 ภายในห้วงความว่างเปล่านี้ ช่างเปลี่ยวเหงายิ่งนัก
ไป๋ชิวหรานไม่เคยหวาดกลัวความตาย ถังรั่วเวยที่เป็นศิษย์สายตรงของเขาสมควรจะรู้สึกเช่นนี้ด้วย ส่วนจื้อเซียนนั้นได้รับพรจากสวรรค์ เขาจึงกลายเป็นอมตะ แต่ต่อให้ชายผู้นี้ไม่ได้รับพรจากสวรรค์ ความอยากรู้อยากเห็นก็ยังทำให้จื้อเซียนไม่คิดหวาดกลัวต่อเหล่ายักษาพวกนั้น
ดังนั้นหลังจากได้เห็นท่าทางของผู้เฒ่าแห่งยักษาแล้ว ทั้งสามจึงรีบติดตามพวกเขาไปทันที
ทั้งหมดติดตามยักษาทั้งสามไปยังสนามรบใกล้เคียง ยักษาตนอื่น ๆ อยู่ที่นั่นแล้ว และพวกมันแทบจะทำลายโลกวัตถุทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงสายธารแห่งความว่างเปล่านี้
เหล่ายักษารวมตัวกัน หลังจากที่ผู้เฒ่าของเผ่ามาถึง ทั้งหมดหลีกทางเพื่อเปิดเผยให้เห็นสิ่งที่ทั้งหมดกำลังล้อมเอาไว้
หนึ่งในนั้นคือทั่วอิ้นปี่ที่ลากไป๋ชิวหรานให้ไปรู้จักกับกลุ่มยักษา ภายในท้องของชายผิวสีน้ำเงินถูกเปิดออกเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ พลังงานไร้สิ้นสุดทะลักออกจากช่องท้องของเขา… ลำแสงประหลาดไหลออกมา และดูเหมือนว่าเขาจะตายตกไปแล้ว
ยักษาอีกคนที่ตายพร้อมกันคือยักษ์สีแดงร่างใหญ่เช่นเดียวกับทั่วอิ้นปี่ มันคือยักษาไร้พลังเหนือธรรมชาติเพราะเป็นผู้ที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ ยักษ์สีแดงร่างใหญ่นี้แข็งแกร่งกว่าทั่วอิ้นปี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ศีรษะของมันถูกบางอย่างตัดขาดจนเหลือเพียงลำคอ มันนอนตายอยู่ใกล้เคียงกับร่างของทั่วอิ้นปี่
“แผลเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างไร?”
ผู้เฒ่าเอ่ยถาม
“พวกมัน… สิ่งมีชีวิตบนโลกวัตถุใบนั้นใช้บางสิ่งโจมตีมาที่พวกเรา มันคือกระสุนใหญ่ ซึ่งทั่วอิ้นปี่และซูเล่อตกเป็นเป้าหมายของพลังทำลายล้างเหล่านั้น”
เฟยอินเงียบงันชั่วคราว ดูเหมือนว่านางจะเสียใจไม่น้อย
“ทั่วอิ้นปี่… ซูเล่อ… พวกเขาจะไม่ตายหากไม่เข้ามาปกป้องข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าแล้ว ท่านผู้เฒ่า”
“ไม่ พวกเขาทำถูกต้องแล้ว”
ผู้เฒ่าคุกเข่าลงพร้อมตบไหล่ของเฟยอินเบา ๆ
“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าไม่อาจตายตกได้เพราะเจ้าคือความหวังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์เรา ทั่วอิ้นปี่และซูเล่อต่างคิดเช่นนั้น พวกเขายอมตายเพื่อปกป้องเจ้าเท่านั้น… อย่าได้ทำให้การเสียสละของพวกเขาไร้ความหมาย เอาล่ะ เฟยอิน… ทิ้งความรู้สึกผิดนั้นไปซะ”
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟยอินคุกเข่าลง ก่อนที่ยักษาร่างชมพูจะเริ่มประสานมือราวกับนางกำลังสวดมนต์ภาวนาบางอย่าง
แสงสีขาวเจือจางปรากฏขึ้นบนร่างของยักษาทั้งสอง มันคือปราการป้องกันศพของยักษา เส้นใยลำแสงห่อหุ้มศพก่อนจะเผยรูปร่างเป็นดอกบัวตูมขนาดใหญ่
ขณะที่ศพของทั่วอิ้นปี่และซูเล่อกลายเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ก่อนจะมีดอกไม้เริ่มบานสะพรั่ง… เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นภายในดอกบัวตูมนั้น
เมื่อพิจารณาจากความเร็วของจิตวิญญาณนี้แล้ว ดูเหมือนว่าหน้าที่ของเฟยอินต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี
“พี่เจ๋อลู่ ท่านอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเฟยอิน อย่าให้เกิดสิ่งใดกับนางเด็ดขาด”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่าออกคำสั่งกับยักษาตนหนึ่ง
“ส่วนคนที่เหลือ ตามข้าออกล่าสัตว์ต่อไป นี่คือตอนต้นของสายธารแห่งความว่างเปล่า มันยังต้องมีอีกแน่ และอาจมีการต่อสู้รุนแรงที่นั่น ข้าไม่ต้องการให้มีคนบาดเจ็บหรือล้มตายอีก ต่อไป พวกเจ้าทุกคนต้องทำตามคำสั่งข้าอย่างเคร่งครัด”
“ทราบแล้ว”
ยักษานามว่าเจ๋อลู่ที่มีร่างกายมากด้วยหนามแหลมคม เขายืนขึ้นรับคำสั่ง ก่อนจะยืนเคียงข้างเฟยอิน ส่วนคนที่เหลือติดตามผู้เฒ่าออกจากสถานที่แห่งนี้มุ่งหน้าสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่าตามเส้นทางของสายธารแห่งความว่างเปล่าต่อไป
ในอีกสถานที่หนึ่งซึ่งไม่ไกลจากตำแหน่งของเหล่ายักษามากนัก
ถังรั่วเวยกล่าวคำอย่างกังวลหลังจากเห็นว่ายักษาพวกนั้นออกจากพื้นที่เดิมแล้ว
“พวกเราเหลือเวลาไม่มาก”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานแตะคางของตนขณะมองดูเฟยอิน
“เราเหลือเวลาไม่มากจริง ๆ”
“ท่านอาจารย์ ข้ากำลังพูดกับท่านนั่นแหละ”
ถังรั่วเวยชำเลืองมองเขา
“เราวิ่งไปมาเช่นนี้ ไม่ทราบเลยว่าโลกวัตถุแห่งเซียนผ่านพ้นไปนานเท่าใดแล้ว คงมีเพียงสวรรค์ที่ทราบดีว่าทั้งศิษย์ของท่าน ภรรยา และหลานชายเข้าสู่ขอบเขตใดแล้ว… มีเพียงท่านที่ยังไม่อาจข้ามผ่านขอบเขตก่อสร้างรากฐานได้กระมัง?”
ตุ้บตั้บ!
ลมหายใจต่อมา ถังรั่วเวยเอามือกุมบั้นท้ายของตนอย่างอัปยศ นางก้มศีรษะลงโดยไม่กล่าวคำใด ส่วนไป๋ชิวหรานเพียงเหลือบมองและหันกลับมาสนใจเฟยอินกับพี่ใหญ่เจ๋อลู่อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดแผนการบางอย่าง
“พวกเราเพิ่งได้รับข่าวกรองที่น่าสนใจบางอย่าง”
จื้อเซียนหันมองไป๋ชิวหราน
“เฒ่าไป๋ เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจจะ…”
“นี่คือโอกาส!”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ
“เฟยอินคือหนึ่งในจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเหล่ายักษา หากสามารถจัดการนางได้ มันจะกลายเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์ยักษาทั้งหมด เพียงแค่พี่ใหญ่เจ๋อลู่เป็นยักษาที่มีความสามารถในการต่อสู้ มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากถ้ามันสามารถหลบหนีไปบอกกล่าวกับผู้เฒ่าและคนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลานั้นโลกวัตถุแห่งเซียนจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”
“แต่เฟยอิน…”
ถังรั่วเวยลังเลที่จะกล่าว
“เรื่องนี้เราพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว รั่วเวย ข้าคิดว่าเจ้ายังไม่โตพอที่จะเข้าใจ เมื่อตัดสินใจแล้ว อย่าคิดเปลี่ยนใจ นั่นคือสิ่งที่ข้าเป็น หากข้าบอกว่าต้องการกำจัดยักษาทั้งหมด ข้าจะไม่มีวันหวั่นไหวเด็ดขาด”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างอับจนหนทาง
“เมื่อมองไปรอบ ๆ อารยธรรมเจิดจรัสนี้เคยยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับโลกวัตถุแห่งเซียน แต่ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก มีจิตใจที่ดีมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เจ้าไม่ทราบหรือไรว่าพระแม่ผู้จิตใจดีนั้นสุดท้ายแล้วเหี้ยมโหดนัก มันไม่ใช่สิ่งที่จะกล่าวว่าผู้ใดถูกผิด แต่เรากับยักษาไม่อาจอยู่ร่วมกันได้!”
“อืม ตราบใดที่ท่านคิดว่ามันไม่ผิด มันคงไม่ผิด…”
ถังรั่วเวยพึมพำ
ในความเป็นจริง นางกังวลถึงความรู้สึกของไป๋ชิวหราน ท้ายที่สุดเมื่อเขาอยู่บนเกาะนั้น เฟยอินเป็นสหายที่ยอดเยี่ยมของอู่เล่อ และนางก็ปฏิบัติต่ออู่เล่อหรือไป๋ชิวหรานอย่างดี
ถังรั่วเวยไม่คิดสนใจว่าเฟยอินตายเร็วหรือช้า ในฐานะเซียนแล้ว นางก็คาดหวังว่าเหล่ายักษาพวกนี้จะตายตกโดยเร็ว
“อืม ข้าตัดสินใจแล้ว”
ไป๋ชิวหรานสูดลมหายใจลึก
“มาพนันกันดีหรือไม่ หากชนะ พวกเราจะกลับบ้านไปฉลองด้วยกัน แต่หากแพ้ เจ้าก็จงไสหัวไปฝึกฝนซะ!”
…
อีกด้านหนึ่ง พี่ใหญ่เจ๋อลู่ยืนอยู่ด้านหลังของเฟยอิน หลังจากเผ่ายักษาจากไปแล้ว เขาจึงมุ่งความสนใจต่อสตรีเพียงผู้เดียวของเผ่าพันธุ์
เฟยอินคือสตรีเพียงผู้เดียวของเผ่าพันธุ์ นางมีนิสัยอ่อนโยนและยังปฏิบัติต่อสหายร่วมเผ่าอย่างดีเสมอมา ดังนั้นจึงไม่มีใครไม่ชื่นชอบนาง แต่พี่ใหญ่เจ๋อลู่กลับรู้สึกว่าความรักที่เขามีต่อเฟยอินไม่ใช่สหายเช่นเคย มันค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเป็นความปรารถนาพิเศษที่ต้องการจะครอบครองเพียงผู้เดียว
เขาต้องการจะเป็นบุคคลสำคัญที่แตกต่างจากผู้อื่นในสายตาของเฟยอิน
ดังนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆ พี่ใหญ่เจ๋อลู่จึงเริ่มกล่าวกับเฟยอิน…
“เฟยอิน”
มันกล่าวขึ้นแผ่วเบา
“ภายในห้วงแห่งความว่างเปล่านี้ ช่างเปลี่ยวเหงายิ่งนัก”