ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 591 พี่ใหญ่เจ๋อลู่ ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่
บทที่ 591 พี่ใหญ่เจ๋อลู่ ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่?
บทที่ 591 พี่ใหญ่เจ๋อลู่ ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่?
เมื่อได้ยินว่าพี่ใหญ่เจ๋อลู่คิดกล่าวพูดคุย เฟยอินก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเช่นนั้น เพราะพวกเรากำจัดอารยธรรมโดยรอบหมดสิ้นแล้ว”
เมื่อความสามารถของสตรีปรากฏ มันก็เกือบจะเป็นสัญชาตญาณของเฟยอิน ในระยะนี้นางกำลังตั้งครรภ์และไม่ต้องการทำเรื่องยุ่งยากเกินไป เมื่อดูแลการฟักไข่เสร็จสิ้น เฟยอินจึงคิดพูดคุยกับพี่ใหญ่เจ๋อลู่อย่างผ่อนคลาย
“เฟยอิน ในชีวิตที่ยาวนานของข้า มีสิ่งหนึ่งที่ข้าตระหนักทราบได้”
เจ๋อลู่มองเฟยอินด้วยแววตาเสน่หาก่อนจะกล่าวต่อ
“ความเหงาทำให้พวกเราเข้มแข็งและกลมเกลียว แต่สุดท้ายแล้วยักษาอย่างพวกเราไม่อาจอดทนได้ตลอดไป เฟยอิน ข้าดีใจที่เราได้พบกัน”
“พี่ใหญ่เจ๋อลู่…”
ราวกับรับรู้ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวอะไรต่อไป เฟยอินพลันหลบสายตาด้วยความเขินอาย
“ท่านคิดจะพูดอะไรกับข้ากันแน่?”
“ที่ข้าอยากจะบอกก็คือ…”
น้ำเสียงของเจ๋อลู่เงียบหายไปกะทันหัน
เฟยอินที่รอรับฟังเช่นนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่กล่าวต่อ นางจึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
นางหันศีรษะกลับไปอย่างรวดเร็ว ทว่าภาพที่เห็นได้สร้างความตื่นตระหนกขึ้นมา
ร่างของเจ๋อลู่ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมมากมายยังคงยืนอยู่ ทว่าศีรษะกลับหายไป!
พลังงานเหนือธรรมชาติพุ่งทะลักออกจากบาดแผลที่ลำคอราวกับน้ำพุ!!
แต่เฟยอินไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ นางรู้สึกหวาดกลัวและเริ่มหวาดระแวง
“เป็นเรื่องที่ดี… ที่ทั่วอิ้นปี่ตายตกไปแล้ว”
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทิศทางของพี่ใหญ่เจ๋อลู่
“ข้าจำเป็นต้องสังหารคนผู้นี้… เฟยอิน เจ้าก็เช่นกัน”
เฟยอินกลอกตามองอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมีร่างเล็กจ้อยปรากฏออกจากด้านหลังของพี่ใหญ่เจ๋อลู่
ชายผิวขาวตัวเล็กถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เล็กยิ่งกว่าเส้นผมของนาง เวลานี้เขากำลังเช็ดคราบเลือดที่แขนอีกข้างด้วยท่าทีสบาย ๆ
เขามองเฟยอิน แม้ว่าจะสามารถสังหารเขาได้เพียงลมหายใจเดียว แต่นางรู้สึกว่ากลิ่นอายของผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้เหนือกว่านางหลายเท่า
นอกจากนี้… อีกฝ่ายยังเป็นมือสังหาร
ไม่ต้องกล่าวให้มากความ ไป๋ชิวหรานยกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในมือเพื่อเคลื่อนไหว “ขุนเขาขจี หิมะโรยรา ฟ้าเบิกแสง วิถีสวรรค์ปราณกระบี่สวรรค์ปรากฏ”
ปราณกระบี่ปรากฏขึ้นในอากาศเจือจาง สายธารแห่งความว่างเปล่าอีกสายก็ปรากฏขึ้นในห้วงแห่งความว่างเปล่า จากนั้นสายธารจึงแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่คมปลาบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเฟยอินอย่างบ้าคลั่ง
นางต้องการจะหลบ แต่ในฐานะของสตรี ประสบการณ์ต่อสู้ของนางแทบจะอยู่ในระดับต่ำที่สุดของเผ่าพันธุ์ ในพิธีกรรมการล่าสัตว์ คนอื่น ๆ จะต้องปกป้องนางเสมอ ดังนั้นแม้ว่าต้องการหลบหนีเพียงใด แต่ความหวาดกลัวก็ทำให้ไม่อาจขยับฝีเท้าได้
อย่างไรก็ตาม ศพไร้ศีรษะของพี่ใหญ่เจ๋อลู่เริ่มเคลื่อนไหว ร่างไร้เศียรนั้นกอดเฟยอินเอาไว้อย่างแน่นหนา และใช้แผ่นหลังรับคมกระบี่ทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา
ในเวลาเดียวกัน หนามแหลมในร่างกายแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว มันก่อตัวเป็นเกราะกำบังอันแข็งแกร่ง!
“พี่ใหญ่เจ๋อลู่!”
เฟยอินได้รับการปกป้องจากร่างไร้ศีรษะของพี่ใหญ่เจ๋อลู่ และได้ยินเสียงปราณกระบี่กระทบกับแผ่นหลังของเขาอย่างบ้าคลั่ง เช่นนี้นางจึงตะโกนลั่น
“พี่ใหญ่เจ๋อลู่ ท่านคิดทำอะไร …จะทำอะไร!?”
นางพยายามผลักเจ๋อลู่ออก แต่กลับไม่สามารถทำได้
ปราณกระบี่คมปลาบนับไม่ถ้วนเจาะทะลุเกราะบนร่างกาย ฉีกเนื้อหนังของมันสร้างรูโหว่และบาดแผลฉกรรจ์ จนสุดท้ายแล้วร่างกายของพี่ใหญ่เจ๋อลู่ก็กลับคืนสู่สภาพหนามแหลมอีกครั้ง ก่อนจะระเบิดออกเป็นเศษเนื้อในเสี้ยวลมหายใจสุดท้าย
ในที่สุดปราณกระบี่รุนแรงก็สงบลง และร่างของพี่ใหญ่เจ๋อลู่ทรุดตัวลงจากร่างของเฟยอินอย่างอ่อนแรง มันคว่ำตัวลงในแนวระนาบ ก่อนจะใช้นิ้วชี้ไปด้านหน้าอย่างแปลกประหลาด… คราวนี้มันตายตกแล้วอย่างแท้จริง
“พี่… ใหญ่… เจ๋อ… ลู่…”
น้ำตาพลันไหลออกจากดวงตาของเฟยอิน นางยืดตัวขึ้นมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว และพยายามมองหาตัวฆาตกร
“สิ่งที่ผู้เฒ่ากล่าวนั้นถูกต้อง สุดท้ายเจ้าคือคนที่ถูกปกป้องด้วยชีวิต”
ครั้นไป๋ชิวหรานกล่าวขึ้น เฟยอินจึงหันมองตามทิศทางของเสียงทันที
“หลังจากพี่ใหญ่เจ๋อลู่รับกระบี่ของข้าอย่างสิ้นหวัง เจ้าควรจะรีบหนีไปซะ!”
ในขณะกล่าวคำ ไป๋ชิวหรานสะบัดข้อมือ กระบี่พลันเปล่งประกายแสงออกมา ก่อนที่ร่างของไป๋ชิวหรานปรากฏขึ้นในดวงตาของเฟยอิน …ปราณกระบี่วูบไหวอยู่ตรงหน้า
ปราณกระบี่พวยพุ่งออกมาก่อเกิดเมฆหมอกแดงฉาน กรีดเอาเนื้อหนังของเฟยอินออกเป็นชิ้น ๆ หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องรุนแรงพลันดังขึ้น วิหคสีขาวปรากฏตัวพุ่งทะยานเข้าหาเฟยอินด้วยความเร็วสูง และทะลวงผ่านหน้าอกของนางอย่างโหดเหี้ยม
“ในฐานะบุคคลที่รับผิดชอบการขยายเผ่าพันธุ์ ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้…”
ไป๋ชิวหรานตัดศีรษะของนางในลมหายใจเดียว ก่อนจะจับวิญาณของทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน
“ยักษาเหล่านี้มากด้วยพละกำลัง ทว่ากลับไร้ทักษะ สุดท้ายเจ้าก็ตกเป็นเป้าหมายของข้าอย่างง่ายดาย”
เขาละทิ้งวิญญาณยักษาทั้งสอง ก่อนจะเดินตรงเข้าหาทั่วอิ้นปี่และซูเล่อ เฝ้ามองดอกไม้บานสะพรั่งบนร่างกายของทั้งสองอย่างระมัดระวัง
วิญญาณของทั่วอิ้นปี่และซูเล่อหายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยจิตวิญญาณบริสุทธิ์ และกำลังจะก่อสร้างเป็นยักษาตนใหม่ที่กำลังปฏิสนธิภายในดอกบัวตูม
ไป๋ชิวหรานตรวจสอบมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงกระบี่ออกสับฟันดอกไม้ทั้งสอง ดึงเอาจิตวิญญาณภายในออกมาอย่างระมัดระวังแล้วเก็บเข้าที่ ก่อนจะสับดอกไม้ทั้งสองให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เอาล่ะ ตอนนี้เรากำจัดยักษาได้แล้วสี่ตน”
เขากล่าวแผ่วเบา
“เหลืออีกแปด…”
เขาปัดแขนเสื้อของตนเอง ในระหว่างการต่อสู้ เขาให้ถังรั่วเวยและจื้อเซียนหลบซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ และตอนนี้ เขาคิดจะดึงศิษย์ผู้โง่เขลาออกมา แต่กลับหยุดมือกะทันหัน
เขายืนอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ ก่อนจะดึงกระบี่ออกมาพร้อมหันหลังกลับ ฟาดฟันปราณกระบี่ขนาดใหญ่ออกไปทางด้านหลัง
“โผล่หัวออกมา!”
ปราณกระบี่ก่อตัวเป็นลำแสงสีขาวตัดขาดซากปรักหักพังของโลกวัตถุตรงหน้าไป๋ชิวหรานเป็นสองซีก หลังจากมันพังทลายลง กลิ่นอายคมปลาบสองเส้นพลันปรากฏขึ้นมาเพื่อรับมือกับปราณกระบี่
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นพลังงานแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง จนในห้วงแห่งความว่างเปล่าเต็มไปด้วยพายุพลังงานรุนแรง มนุษย์ตั๊กแตนตำข้าวปรากฏตัวออกจากสภาพล่องหน มันถึงกับสะดุดถอยหลังไปสองสามก้าว
ใบมีดที่ติดอยู่กับปลายแขนทั้งสองข้างของมันถูกปราณกระบี่ตัดขาดจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เมื่อเห็นเช่นนี้ ยักษารูปร่างตั๊กแตนตำข้าวไม่คิดรอช้า มันกางปีกขนาดใหญ่บนหลังออกมาเพื่อจะหลบหนี
“หยุดนะ!”
ไป๋ชิวหรานหยุดความคิดที่จะดึงเอาถังรั่วเวยและจื้อเซียนออกมา ร่างของเขาวูบไหวกลายเป็นลำแสง ก่อนจะติดตามมนุษย์ตั๊กแตนตำข้าวไปทันที