ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 593 ผสมพันธุ์
บทที่ 593 ผสมพันธุ์
บทที่ 593 ผสมพันธุ์
ไป๋ชิวหรานอยู่ในอารมณ์โกรธจัดแล้ว เขาไม่สนใจว่าฉีเก๋อจะจดจำเขาได้หรือไม่ เวลานี้เขาปลดปล่อยพลังพุ่งทะยานกลายเป็นลำแสงสีขาวแซงหน้าฉีเก๋อไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดยืนด้านหน้า
“อู่เล่อ! เป็นเจ้างั้นหรือ!?”
ฉีเก๋อคำรามเกรี้ยวกราด
“เหตุใดเจ้าจึงหักหลังพวกเรา!? เจ้าสังหารพี่ใหญ่เจ๋อลู่ ทั่วอิ้นปี่ ซูเล่อ และเฟยอินเพื่ออะไร?!”
ส่วนไป๋ชิวหรานที่กำลังโกรธจัด เขาไม่อาจทราบเลยว่าตนปลดปล่อยกลิ่นอายที่แท้จริงออกไปแล้ว
เขาชักกระบี่ออกจากฝักก่อนจะฟาดฟันไปทางปีกด้านหลังของฉีเก๋อให้ขาดครึ่งในคราวเดียว
“เจ้าลูกหมา! ช่างไม่สำนึกบุญคุณ เฟยอินมอบโลกที่ดีให้กับเจ้ามากมาย ทั้งยังเมตตาต่อเจ้ามาก!”
เมื่อสูญเสียปีกแล้ว ฉีเก๋อถึงกับสูญเสียการทรงตัว มันร่วงหล่นจากอากาศพุ่งเข้าใส่พายุเกิดพลังงานนับไม่ถ้วน ก่อนจะตกลงไปในสายธารแห่งความว่างเปล่า
มันใช้ปีกในการเคลื่อนที่ตั้งแต่จำความได้ และไม่มีความสามารถในการว่ายน้ำเทียบเท่ากับสหายร่วมเผ่าพันธุ์คนอื่น ๆ เวลานี้มันจึงกลายเป็นดำผุดดำว่าย แต่ยังไม่วายอ้าปากสาปแช่ง
“ทั่วอิ้นปี่ไม่สมควรพาเจ้าเข้าสู่เกาะศักดิ์สิทธิ์ มันน่าจะกินเจ้าให้จบสิ้นไปเสีย!”
ฉีเก๋อโกรธจัด แต่ไป๋ชิวหรานโกรธยิ่งกว่า การทำงานหนักที่เขาเฝ้าทุ่มเทในช่วงหลายปีถูกทำลายในเสี้ยวลมหายใจ ที่แย่กว่านั้นคือเพราะการฝึกฝนเคล็ดหลอมร่างกาย ไป๋ชิวหรานจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างที่เคยได้รับ ไม่ว่าจะเป็นสายธารแห่งความว่างเปล่าทั้งในโลกแห่งเซียน หรือในห้วงแห่งความว่างเปล่า มันไม่มีทางที่จะควบแน่นพลังปราณแก่นแท้ในคฤหาสน์สีม่วงได้อีกแล้ว
“บัดซบ! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเผ่ายักษาของพวกเจ้า!”
ไป๋ชิวหรานปลดปล่อยปราณกระบี่ออกไปอีกนับไม่ถ้วน
“ไปตายซะ!”
ปราณกระบี่มากมายฉีกร่างของฉีเก๋อออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย นาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะตายตก ฉีเก๋อยังไม่วายคำรามลั่น
“ผู้เฒ่าของพวกเราจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนตัดร่างกายของมันออกเป็นหมื่นชิ้น ทั้งหมดตกอยู่สายธารแห่งความว่างเปล่าพร้อมกับถูกพลังงานมหาศาลกลืนกินหมดสิ้น
ไป๋ชิวหรานยืนอยู่เหนือสายธารแห่งความว่างเปล่า เขากำหมัดแน่นและพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อระงับความโกรธ
นานแล้วที่บรรพชนกระบี่ไม่ได้โกรธจัดขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายที่เขาโกรธมากเป็นคราวที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีออกไล่ล่าเข่นฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์
หลังจากฟื้นคืนสติกลับมา เขาใช้จิตสำนึกเทวะตรวจสอบสภาพแวดล้อมอีกครั้ง ก่อนจะยืนยันว่าไม่มีเผ่ายักษาอยู่ใกล้เคียง เขาจึงปล่อยให้ถังรั่วเวยและจื้อเซียนออกจากแขนเสื้อ
ทันทีที่หญิงสาวได้เหยียบอากาศด้านนอก นางจับศีรษะของจื้อเซียนและเดินเข้าหาไป๋ชิวหรานอย่างระมัดระวัง ในสายตาเต็มไปด้วยความกังวล
“ท่านอาจารย์… ท่านสบายดีหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะเหยียดมือคว้าเอาจิตวิญญาณของฉีเก๋อขึ้นจากสายธารแห่งความว่างเปล่า
“ท่านต้องการส่งวิญญาณของมันไปเกิดใหม่หรือไม่?”
ถังรั่วเวยเผยสีหน้าสับสน
“มันจะไม่เกลียดชังท่านหรือ? อย่างไรก็เป็นศัตรูกันแล้ว เป็นเรื่องปกติที่เราจะสังหารพวกมันให้สิ้นซาก”
“ตอนที่ข้าสังหารซาหลง ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำลายจิตวิญญาณของพวกมัน เว้นแต่จะมีความจำเป็นต้องลงมือ”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“แม้คำสัญญานี้จะไม่มีผลบังคับกับข้า แต่อย่างไรข้าก็ต้องกระทำตามที่ข้ากล่าววาจาเอาไว้ นี่คือวิถีของข้า!”
ถังรั่วเวยปรบมือให้กับคำพูดนี้ จื้อเซียนทำเสียงปรบมือด้วยปากของมันเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานถังรั่วเวยก็กล่าวถามอีกครั้ง
“ตอนนี้เหลือเผ่ายักษาอีกหกตน… เราจะไปที่ใดกันต่อหรืออาจารย์?”
“เวลานี้เราจะต้องกลับสู่แดนเซียน เจ้าและข้าต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อขัดเกลาการฝึกฝน”
ไป๋ชิวหรานมองไปรอบ ๆ อย่างครุ่นคิด
“แต่ก่อนจะกลับ เรามีบางสิ่งต้องจัดการ”
…
“เหตุใดฉีเก๋อจึงยังไม่กลับมา?”
ขณะที่กำลังเดินทาง ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาหยุดฝีเท้ากะทันหัน เขารู้สึกไม่ค่อยดีนักเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสำนึกผันผวนภายในห้วงแห่งความว่างเปล่า
“กลิ่นอายเช่นนี้… มันคือสิ่งใดกัน?”
“คงจะไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเฟยอินและพี่ใหญ่เจ๋อลู่ใช่ไหม?”
ยักษาผมสีทองกล่าวขึ้นว่า
“ทุกคนทราบดีว่าพวกมันทั้งสองชื่นชอบเฟยอิน พวกเราทำได้เพียงปิดหูปิดตาข้างหนึ่ง สุดท้ายแล้วนี่คือสัญชาตญานของเผ่ายักษา ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาพยักหน้า
“น่าเสียดาย เพราะพี่ชายจอมละโมบของข้า… เผ่าเราจึงไม่เหลือใครเลย เฟยอินคือสตรีคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ หากไม่ใช่เพราะนาง คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะขยายเผ่าพันธุ์ได้อีก แต่หากมีใครคนหนึ่งทำพิธีผูกจิตกับเฟยอินคงจะลำบากใจไม่น้อย”
พวกเขาเดินต่อไปอีกเล็กน้อย
“แต่ข้าสังหรณ์ไม่ดี… ไม่ดีเลยจริง ๆ มีบางอย่างแปลก ๆ”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาหยุดฝีเท้า ภายในจิตสำนึกของเขามีแต่ความสงสัยล้นออกมา
“พี่ใหญ่เจ๋อลู่กับฉีเก๋อยังกล่าวว่าเฟยอินเป็นผู้ที่ทราบถึงสถานการณ์ของเราเป็นอย่างดี สุดท้ายแล้วพวกเราไม่มีเวลามากนัก สองคนนั้นจะต้องไม่ถกเถียงกันเนิ่นนาน และอีกอย่างด้วยความเร็วของฉีเก๋อ เขาควรจะมาถึงที่นี่แล้ว เว้นแต่ว่า…”
เขากล่าวพร้อมหันหลังกลับ
“ข้าจะกลับไปดู!”
เผ่ายักษาทั้งหมดมองหน้ากันก่อนจะเดินติดตามผู้เฒ่าไป อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ลำแสงสีขาวพุ่งผ่านพวกเขาพร้อมกับหายลับไปในต้นสายของสายธารแห่งความว่างเปล่า
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาเผยสีหน้ากังวล และเวลานี้พวกยักษาทั้งหมดไม่คิดสนใจสิ่งรอบข้าง สำหรับมันแล้ว ลำแสงสีขาวไม่จำเป็นต้องสนใจ มันมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมเสียอีก เช่นนี้จึงเคลื่อนไหวผ่านไปอย่างไม่แยแส
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาเดินกลับมายังซากปรักหักพังของอารยธรรมทางต้นสายของสายธารแห่งความว่างเปล่า ทันทีที่มาถึงสถานที่ที่เศษซากโลกวัตถุลอยอยู่ ยักษาผมสีทองค้นพบบางสิ่งอย่างรวดเร็ว
“ผู้เฒ่า มีบางอย่างอยู่ในสายธาร!”
มันตั้งสติพร้อมกล่าวต่อ
“ดูเหมือนว่า… จะเป็นฉีเก๋อ?!”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาเดินตรงไปยังสายธาร ก้มลงพร้อมเหยียดมือออกไปคว้าเศษซาก มีศีรษะแมลงขนาดใหญ่ซึ่งบ่งบอกว่าคือสหายฉีเก๋อของพวกเขา
“เป็นซากศพ… หลอมรวมร่างกาย!”
ใบหน้าของผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาเคร่งขรึม มันปลดปล่อยพลังจิตสำนึกออกตรวจสอบโดยรอบ
เผ่ายักษาเริ่มทำงานพร้อมกัน พวกมันค้นหาเศษชิ้นส่วนของร่างกายฉีเก๋ออย่างรวดเร็วแล้วนำมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาสั่งให้สหายร่วมเผ่าพันธุ์เดินสำรวจต่อไป
“มีการต่อสู้เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งกลิ่นอายจิตสังหารยังเข้มข้นยิ่งนัก”
ยักษาผมสีทองเดินเคียงข้างผู้เฒ่าก่อนจะตรวจสอบความผันผวนของพลังงานโดยรอบ
“สิ่งที่เหลืออยู่ภายในบริเวณนี้ถูกทำลายด้วยพลังงานบางอย่าง”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสังเกตเห็นกลิ่นอายที่หลงเหลือโดยรอบนี้หรือไม่?”
มีความโศกเศร้าและขุ่นเคืองซุกซ่อนอยู่ภายในจิตสำนึกของผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษา
“ข้าสัมผัสได้ กลิ่นอายนี้เป็นของ…”
ยักษาผมสีทองเงียบไปนานก่อนจะกล่าวต่อ
“มันเป็นกลิ่นอายของอู่เล่อ…”
“มันคือลมหายใจของราชาจอมละโมบพี่ชายข้า ข้าไม่มีวันลืมกลิ่นอายนี้เด็ดขาด…”
ภายในจิตใจของผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษายิ่งรู้สึกเกลียดชัง
“หลังจากทำลายเผ่าพันธุ์ของเราไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ยังไม่คิดปล่อยพวกเราไปอีกหรือ?”
…
ขณะที่เผ่ายักษากำลังกอบกู้ซากศพของฉีเก๋อ ไป๋ชิวหรานพาถังรั่วเวยและจื้อเซียนมายังต้นกำเนิดของสายธารแห่งความว่างเปล่าแล้ว
เมื่อมองไปยังพายุพลังงานที่ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนจากระยะไกล ไป๋ชิวหรานกล่าวว่า
“นี่คือสิ่งที่สามารถทำลายเผ่ายักษาผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น… เราต้องใช้สถานที่แห่งนี้”
เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติเรียกให้หุ่นจักรกลเทพเจ้ายักษ์ผู้ก่อตัวออกมา มันปรากฏตัวขึ้นจากด้านข้างของสายธารแห่งความว่างเปล่า และเดินตรงเข้าสู่ต้นกำเนิดของสายธารแห่งความว่างเปล่าอย่างเชื่องช้า