ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 594 เปิดเส้นทาง
บทที่ 594 เปิดเส้นทาง
บทที่ 594 เปิดเส้นทาง
ทางตอนล่างของสายธารแห่งความว่างเปล่า ท่ามกลางซากปรักหักพังของเหล่าอารยธรรมยิ่งใหญ่
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษายืนร่วมกับสหายร่วมเผ่าพันธุ์ทั้งห้า กลิ่นอายที่พวยพุ่งออกจากร่างกายดุร้ายยิ่งกว่าอสูรกายจากปรโลก
ตรงหน้าพวกเขามีศพของเฟยอิน เจ๋อลู่ ทั่วอิ้นปี่ และซูเล่อ ห่างไปไม่ไกลเป็นฉีเก๋อที่กระจัดกระจาย ทั้งหมดถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกันและวางเรียงราย
ชิ้นส่วนของทั่วอิ้นปี่และซูเล่อหายไป เพราะเฟยอินได้หลอมร่างกายส่วนหนึ่งของพวกเขาเพื่อให้กำเนิดใหม่อีกครั้ง แต่เวลานี้พ่อและแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ตายตกไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกสังหารจากเงื้อมมือชั่วร้าย
“เขาทำทุกสิ่งเพียงคนเดียว”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษากำหมัดแน่น
“บาดแผลนี้มาจากคมกระบี่ พวกเขาถูกสังหารภายใต้กระบี่เล่มเดียวกัน”
“อาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากอารยธรรมอื่น?”
ยักษาผมสีทองพูดขึ้น
“เป็นไปไม่ได้ สิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุอื่นจะทราบเส้นทางการล่าของพวกเราได้อย่างไร?”
ผู้เฒ่าพูดเสียงทุ้ม
“ชัดเจนแล้วว่าผู้ใดคือฆาตกร ซาหลงที่อยู่พิทักษ์เกาะศักดิ์สิทธิ์… ข้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเขาด้วยเช่นกัน”
ยักษาผมสีทองหยุดพูดชั่วขณะ
“ไปกันต่อเถอะ พิธีกรรมแห่งการล่าสัตว์ต้องดำเนินต่อ ในเมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หมายความว่ายังมีสิ่งมีชีวิตภายในห้วงแห่งความว่างเปล่าที่สามารถคุกคามพวกเราได้”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาพูดต่อ
“สิ่งใดที่เป็นภัยคุกคามแก่พวกเรา เขาเหล่านั้นต้องถูกกำจัด! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อจากนี้ห้ามแยกตัวออกจากกลุ่มเด็ดขาด พวกเราจะรวมตัวกันจนกว่าจะสิ้นสุดพิธีกรรมการล่า!”
เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้วงแห่งความว่างเปล่า ไม่ไกลนักยังมีโลกวัตถุหลงเหลืออยู่อีกหลายใบ
ยิ่งเขามองก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นในใจ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นแล้วสะบัดมือสร้างพายุรุนแรงทำลายล้างโลกเหล่านั้นจนหมดสิ้น
“เก็บศพของเฟยอินกับคนอื่น ๆ แล้วเดินทางต่อ”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาออกคำสั่ง
“ต้องเร่งมือแล้ว พวกเราไม่เหลือเวลาให้ชักช้า!”
บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ยักษาทั้งหมดเก็บร่างของสหายร่วมเผ่าพันธุ์ และผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาใช้ความสามารถของเขาเพื่อสร้างเรือผลึกแก้วขนาดใหญ่ล่องบนสายธารแห่งความว่างเปล่า จากนั้นจึงนำร่างของเฟยอินและคนอื่น ๆ ขึ้นเรือ ยักษาผมสีทองแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าและมีหน้าที่ดึงเรือผลึกแก้วให้เคลื่อนที่ไปด้านหน้า
จากคำสั่งของผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษา พวเขาเร่งความเร็วและมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งในความว่างเปล่า
นี่คือต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่า…
หลังจากมาถึงสถานที่แห่งนี้ ก็เห็นผลึกแก้วล่องลอยอยู่ตรงหน้า ยักษาทั้งหมดเงยหน้าขึ้นและมองเห็นร่าง ‘เตี้ย’ สีเงินแวววาวยืนอยู่โดยหันหลังให้กับพวกเขา กลิ่นอายนี้เป็นที่คุ้นเคยยิ่ง
“อู่เล่อ! เป็นเจ้า!”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาโกรธจัดจนเส้นเลือดบนขมับปูดโปน
“กล้าดีอย่างไรจึงโผล่หัวมาเผชิญหน้ากับข้า?!”
เขายกมือขึ้นก่อนจะสร้างเกลียวลำแสงผลึกแก้ว ดาบยาวไม่ทราบนามปรากฏขึ้นบนมือของผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษา เขาลากดาบใหญ่ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะตรงเข้าหาหุ่นกลเซียนยักษ์
“เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่ เจ้ามาจากที่ใด จุดประสงค์ในการสังหารพวกเราคืออะไร?”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาถอยห่างจากอู่เล่อระยะหนึ่ง เขาหยุดยืนพร้อมกล่าวคำ
ไม่มีการตอบสนองใดจากหุ่นกลเซียนยักษ์ เขายังคงยืนหันหลังให้กับอีกฝ่าย เงยหน้ามองต้นกำเนิดแห่งความว่างเปล่าขนาดใหญ่ตรงหน้า
“คิดว่าหากไม่พูดแล้วจะรอดพ้นงั้นหรือ?!”
จู่ ๆ ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษายกดาบในมือพร้อมสับฟันออกไปอย่างเกรี้ยวกราด กลิ่นอายใบมีดสีขาวทะยานผ่านห้วงแห่งความว่างเปล่าแทบจะตัดขาดผลึกแก้วเป็นสองส่วน สับฟันแขนข้างหนึ่งของหุ่นกลเซียนยักษ์ให้หลุดออกไป
“คิดจะพูดได้หรือยัง?”
เวลานี้ความโกรธแทบจะบดบังสติปัญญาของผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาแล้ว
เมื่อเห็นว่าหุ่นกลเซียนยักษ์ยังคงนิ่งเฉย เขาตัดมือ แขน และขาของหุ่นกลตรงหน้าหลายครั้ง และทุกครั้งที่ลงมือ เขาจะพูดถามอีกฝ่ายซ้ำ ๆ เช่นเดิม
หลังจากสูญเสียมือและเท้า ร่างของหุ่นกลเซียนยักษ์จึงล้มลงเพราะไร้สิ่งยึดเหนี่ยว เกิดเสียงดังสนั่นจากแรงกระแทกบนผลึกแก้ว ทั้งหมดเดินเข้าไปใกล้ร่างยักษ์พร้อมตระหนักได้ว่าใบหน้าของอู่เล่อนี้ดูแปลกประหลาดไป
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาตรวจสอบอย่างระมัดระวังก่อนจะพูดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ดีแล้ว! กลับ!”
เขาหันศีรษะกลับพร้อมกับคิดถอย เหยียบย่ำไปบนห้วงแห่งความว่างเปล่า เส้นใยลำแสงก่อตัวเป็นฐานรองรับฝีเท้าชั่วคราว ทำให้ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาสามารถกลับไปหาสหายร่วมเผ่าพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว และยักษาตัวอื่น ๆ เมื่อได้ยินเสียงของผู้เฒ่า เขาก็ไม่รีรอ ออกวิ่งในทันที
แน่นอนว่าในขณะที่ผู้เฒ่ากำลังพาทั้งกลุ่มวิ่ง อู่เล่อที่นอนอยู่บนพื้นเกิดมีลำแสงเปล่งประกายออกจากแววตา อักขระยันต์บนร่างกายสว่างขึ้นตามลำดับราวกับถูกวางคำสั่งเอาไว้อย่างรอบคอบ
ร่างกายของเขาเปิดเผยค่ายอาคมขนาดใหญ่ นี่คือสิ่งที่ยักษาเหล่านี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน
จากนั้นหุ่นกลเซียนยักษ์หันมองต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่าแล้วดูดซับพลังนั้นเข้าสู่ร่างกาย
ในอดีต ราชาจอมละโมบพยายามใช้กระเพาะอันไร้ขีดจำกัดของเขาเพื่อครอบครองต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่า แต่ถูกพลังเหล่านี้สะท้อนกลับ พลังที่ระเบิดออกทำร้ายเขาจนตายคาที่ แม้เขาจะมีความสามารถในการฟื้นฟูที่รวดเร็ว แต่สุดท้ายก็ไม่อาจรอดพ้นพลังมหาศาลที่ปะทุออก ยักษาใกล้เคียงยังถูกระเบิดจนตายตกไปด้วยเช่นกัน
เวลานี้แม้ความแข็งแกร่งของหุ่นกลเซียนยักษ์อู่เล่อนี้จะด้อยกว่าพวกเขามาก แต่พลังของเขาก็มาจากเตาหลอมสวรรค์ที่มีพลังงานเป็นทวิปฐมวิญญาณขนาดใหญ่ ทั้งยังมีทักษะอันยอดเยี่ยมของไป๋ชิวหรานที่สามารถบีบอัดพลังงานของต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่าได้
หลังจากพยายามกลืนพลังของต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่าแล้ว ระบบภายในของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
พลังงานไร้สิ้นสุดไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของเขา แทบจะในชั่วเวลาเดียวกัน หุ่นกลเซียนยักษ์ไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลไร้สิ้นสุดได้ จึงเกิดระเบิดรุนแรงขึ้นและกลืนกินทุกสิ่งภายในห้วงแห่งความว่างเปล่านี้ทันที
อย่างไรก็ตาม พลังงานต้นกำเนิดไม่ลดลงแม้แต่น้อย และพลังไร้สิ้นสุดไม่รู้จะไหลทะลักไปทางใด เช่นนี้จึงก่อตัวเป็นกระแสพลังงานไหลลงสู่สายธารแห่งความว่างเปล่าเกิดเป็นระลอกคลื่นยักษ์
เหล่ายักษาหนีไปตามเส้นทางของสายธารแห่งความว่างเปล่าด้วยความตื่นตระหนก ยักษาผมสีทองพยายามที่จะลากเรือผลึกแก้วขึ้นจากกระแสน้ำ และไม่ปล่อยให้ศพของสหายร่วมเผ่าพันธุ์ถูกพัดพาไป
“โชคดีนักที่ผู้เฒ่าของเราเฉียบแหลม มิฉะนั้น…”
พวกเขามองไปยังพลังงานภายในสายธารแห่งความว่างเปล่าที่กำลังก่อตัวขึ้นเป็นพายุ ความหวาดกลัวยังคงติดค้างอยู่ในใจ
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษายืนอยู่เหนือสายธารแห่งความว่างเปล่า มองไปยังพื้นที่ด้านล่างที่กำลังถูกกระแสพลังงานเชี่ยวกรากถาโถมใส่
“เขาวางกับดักพวกเรา…”
ยักษาผมสีทองพูดเสียงแผ่ว
“ผู้เฒ่า เราจะถอยกลับโดยใช้เส้นทางอื่นเพื่อกลับสู่มหาสมุทรแห่งความว่างเปล่าหรือไม่? นี่เป็นการถ่วงเวลาพวกเราอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าอู่เล่อน่าจะถูกควบคุมโดยอารยธรรมบนสายธารแห่งความว่างเปล่าอีกสายหนึ่ง”
“ไม่ต้อง”
ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษาชำเลืองมอง
“หากเราถอยในตอนนี้ เราจะตกหลุมพรางของเขา”
เขายกมือพร้อมชี้นิ้วไปทางบริเวณที่พลังงานไร้สิ้นสุดกำลังเชี่ยวกราก
“เมื่อพลังงานตรงนั้นลดลงสักหน่อย เราจะข้ามเขาไป… ข้าจะเป็นคนเปิดเส้นทางเอง!”