ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 597 เหมือนจะใกล้แล้ว
บทที่ 597 เหมือนจะใกล้แล้ว
บทที่ 597 เหมือนจะใกล้แล้ว
ณ ใจกลางเขตแดนจิตสำนึก อาจารย์อสูรระดับสูงยืนหลับตาอย่างเงียบงัน
มันสวมชุดเกราะสีดำสนิทแต่กลับมีแสงประกายหินหลอมเหลวเรืองรองออกมา เส้นผมสีขาวพลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง ใบหน้าซีดเซียวเผยความน่าเกรงขาม อาจารย์อสูรขงจื๊อผู้นี้มีอกผาย ร่างใหญ่ทรงสง่า มือซ้ายถือกระบองเหล็กขนาดใหญ่ มือขวาถือกงล้อหกแฉก มีเข็มขัดสีเลือดพาดผ่านลำตัว นับตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไป๋ชิวหรานจึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่คล้ายเข็มขัดนี้คือแม่น้ำยมโลกที่กว้างใหญ่
แม่น้ำยมโลกก่อตัวเป็นเส้นเลือดใหญ่ไหลเวียนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และอาจารย์อสูรตนนี้กำลังยืนอยู่บนเรือลำเล็กภายในแอ่งโลหิต
“นี่คือเทพแห่งยมโลก”
หุ่นกลเดินนำไป๋ชิวหรานไปหยุดยืนหน้าอาจารย์อสูร และไป๋ชิวหรานเห็นกลุ่มภูตผีกำลังนั่งไขว่ห้างครุ่นคิดบางอย่างอยู่ใกล้กับเท้าของอาจารย์อสูรร่างใหญ่นี้
ไป๋ชิวหรานเงยหน้าขึ้นมองอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปรียบเทียบความต่างของพลังระหว่างเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานและเทพแห่งยมโลกนี้ สักครู่เขาจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
แม้ว่าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะกลืนกินอสูรไปแล้วจำนวนมาก เวลานี้มันเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิแล้ว แต่ในคราวแรกไม่ว่าศักยภาพของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะมากเพียงใด แต่มันก็เป็นเพียงอาจารย์อสูรที่เกิดจากความปรารถนาในตนเองของไป๋ชิวหราน
ไป๋ชิวหรานเงยหน้ามองร่างใหญ่ภายในยมโลกผู้ที่ถือกำเนิดขึ้นจากความปรารถนาของเหล่าภูตผีหลายร้อยล้านตัวที่ปกป้องสังสารวัฏแห่งการเกิดและความตาย
พลังของผู้คนจำนวนมากนี้ยิ่งใหญ่เสมอ แม้ไป๋ชิวหรานจะได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจมีความปรารถนาเทียบเท่ากับพวกเขาหลายล้านคนได้
“เทพแห่งยมโลกผู้นี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
หุ่นกลกล่าวขึ้นมา
“แต่ในปัจจุบันนี้ ยังขาดแนวคิดและความปรารถนาขององค์จักรพรรดินี”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“ข้าจะเริ่มใส่แนวคิดของข้าบ้างแล้ว โปรดช่วยชี้แนะ”
ประสิทธิภาพของหุ่นกลนี้นับว่ามากล้น เพียงเวลาไม่นานไป๋ชิวหรานก็สามารถแทรกความปรารถนาของเขาลงไปได้ นางจึงเข้าสู่ตำแหน่งหลักก่อนจะเริ่มตระเตรียมทุกสิ่งและเคลื่อนย้ายแนวคิดสู่อาจารย์อสูรตรงหน้า
เพราะเขาเคยทำมาแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับสิ่งนี้ เวลานี้ไป๋ชิวหรานนึกถึงความปรารถนาของตนโดยตรง เขานึกคิดถึงการเอาชนะยักษาเพียงเท่านั้น
ทันใดนั้น เทพแห่งยมโลกพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกราะหินเดือดอันร้อนระอุบนร่างกายลอกออกราวกับหินที่แตกหัก เผยให้เห็นเส้นเลือดสีเงินบริสุทธิ์ใต้ผิวหนัง กระบองเหล็กในมือกลายเป็นทองคำ เผยหนามแหลมที่ดูดุร้ายยิ่งขึ้น
แม่น้ำยมโลกที่พาดผ่านร่างกายกลายเป็นสีแดงฉาน มีกระดูกของภูตผีมากมายไหลเวียนภายใน เดือยกระดูกและเรือใต้ฝ่าเท้าก็ยิ่งใหญ่ขึ้น มีหอกใหญ่แหลมคมปรากฏขึ้นที่หัวเรือ
หลังจากอัดฉีดความปรารถนาของเขาเข้าไปจนเสร็จสิ้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเทพแห่งยมโลกก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ และอาจกล่าวได้ว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาจารย์อสูรทั้งหมดที่เคยถือกำเนิดขึ้น
แม้จะเป็นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเทพแห่งยมโลกนี้ได้
สำหรับเทพแห่งยมโลกตนนี้ ไป๋ชิวหรานไม่คิดรวมมันไว้ในเขตแดนจิตสำนึกเดียวกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เขาคิดจะให้มันสร้างอาณาเขตของตนเอง และสนับสนุนให้มีบริวารอย่างอิสระ
นี่คือการถ่วงดุลอำนาจ หากในอนาคตเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานหรือเทพแห่งยมโลกเกิดปัญหา อีกฝ่ายจะสามารถเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือได้
หลังจากใส่ความปรารถนาเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานก็กลับสู่พระราชวังจักรพรรดิภูตผีและเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดทันที
การฝึกฝนแบบปิดคราวนี้กล่าวได้ว่าเป็นการฝึกฝนแบบสันโดษอย่างแท้จริง จุดประสงค์คราวนี้คือพัฒนาระดับขอบเขตของการฝึกฝน ในระหว่างการฝึกฝน ไป๋ชิวหรานไม่ต้องคิดถึงเรื่องยุ่งยากอย่างเช่นการสร้างแบบฝึก หรือการสร้างขอบเขตใหม่ เขาเพียงต้องมุ่งเน้นไปที่การควบแน่นพลังปราณแก่นแท้ในร่างกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไป๋ชิวหรานหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนี้เป็นเวลานานไม่รู้กี่ปี เขามุ่งเน้นไปที่การก่อสร้างขอบเขตของตนเองเท่านั้น
จิตใจของไป๋ชิวหรานสงบลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะสัมผัสถึงความปั่นป่วนขึ้นมาได้
เขาตื่นขึ้นจากสภาวะกลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติด้วยจิตใจที่เต้นรัว เขาสัมผัสได้ว่าเวลานี้เหล่ายักษากำลังสัมผัสกับเครื่องส่งสัญญาณที่เขาวางเอาไว้ในต้นสายของแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า
ดูเหมือนว่าเหล่ายักษาพวกนั้นจะเดินทางมาจากต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่า
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นจึงเข้าสู่สมาธิดำดิ่งเข้าสู่จุดจื่อฝู่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายในร่างกาย
สีหน้าของเขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยน จากมีความหวังจนกลายเป็นความเกรี้ยวกราด
ภายในคฤหาสน์สีม่วง หลังจากฝึกฝนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน พลังปราณแก่นแท้ของเขามีมากกว่าอัตราส่วนของพลังวิญญาณที่แท้จริงก่อนหน้านี้ แต่อย่างที่วิถีสวรรค์เคยกล่าวเอาไว้ มีอุปสรรถยิ่งใหญ่ติดแน่นอยู่ด้านหน้าของขอบเขตการก่อสร้างรากฐาน
พลังปราณแก่นแท้ในร่างกายของเขามีสัดส่วนมากกว่าเก้าในสิบ เหลือพลังวิญญาณที่แท้จริงไม่ถึงหนึ่งในสิบ อย่างไรก็ตาม มันคือพลังวิญญาณที่แท้จริงที่ไม่อาจลบล้างได้ สุดท้ายมันก็ติดอยู่กับพลังปราณแก่นแท้ในร่างกายนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อสร้างรากฐานได้
ทุกครั้งที่เขาหายใจเข้าออกก็คือการฝึกฝนหนึ่งครั้ง และมันแปรเปลี่ยนพลังวิญญาณที่แท้จริงเหล่านั้นให้เป็นพลังปราณแก่นแท้ได้เพียงเล็กน้อย และพลังวิญญาณที่แท้จริงในร่างกายของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นตามการหายใจเข้าออก สุดท้ายมันก็จะวนกลับสู่สภาวะเดิม
“เพื่อประโยชน์ของแดนเซียนในวันพรุ่งนี้ วิถีสวรรค์ยังไม่เคยถูกสังเวยสักครั้ง…”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิด
“ผายลมเถิด!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างอาจารย์อสูรของวิถีสวรรค์ล่องลอยเข้ามาหาเขา
“เหตุใดข้าจึงต้องระเบิดตนเองเพื่อช่วยเหลือเจ้า?”
“เพราะ…”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ
“เจ้าไม่สามารถเพิกเฉยต่ออนาคตของแดนเซียนในวันพรุ่งนี้ได้”
วิถีสวรรค์เงียบงันไปสักครู่ ดวงตาพร่าวเสน่ห์เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ในที่สุดจึงกล่าวคำอย่างอับจนปัญญา
“ลองคิดดูอีกที แม้ข้าจะระเบิดตัวเอง ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเจ้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อสร้างรากฐานได้”
“เช่นนั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานไตร่ตรอง
“ข้าไม่เชื่อ ทำไมเจ้าไม่ลองระเบิดตัวเองสักครั้งให้ข้าเห็นกับตาล่ะ?”
“ภรรยาเจ้ากำลังรออยู่ด้านนอก”
วิถีสวรรค์ไม่สนใจจะพูดคุยกับไป๋ชิวหรานอีกต่อไป หลังจากกล่าวประโยคนี้จบ เขากลับกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนก่อนจะสลายไป
ไป๋ชิวหรานยักไหล่ ก่อนจะยืดตัวขึ้นชำระร่างกายด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะเปิดประตูถ้ำแล้วเดินออกไปด้านนอก
ภูตผีรับใช้สองคนรออยู่ด้านนอกประตู เมื่อเห็นว่าเขาออกมา หนึ่งในสองคนนั้นรอรับคำสั่งของเขา ในขณะที่อีกคนพุ่งทะยานออกไปอย่างเร่งรีบ หลังจากนั้นไม่นานนัก เจียงหลานในชุดของจักรพรรดินีก็ตรงเข้ามา
“ชิวหราน ท่านออกจากการฝึกฝนแล้วหรือ?”
เจียงหลานถามอย่างกังวล
“แล้วเข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานหรือยัง?”
“เอ่อ… รู้สึกเหมือนกำลังจะทะลวงได้น่ะ”
ไป๋ชิวหรานตอบอย่างหลีกเลี่ยง
“เช่นนั้นหรือ”
เจียงหลานพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ
“ที่ท่านออกมาเช่นนี้ แสดงว่าเหล่ายักษาพวกนั้นกำลังบุกเข้ามาใช่หรือไม่?”