ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 60 การเปลี่ยนแปลง
บทที่ 60 การเปลี่ยนแปลง
ไป๋ชิวหรานกับหวงฝู่เฟิงบินเข้าใกล้ถ้ำเล็กน้อย หวงฝู่เฟิงควบคุมกระบี่เดินวนรอบแผ่นหินที่สูงขึ้นหลายสิบจั้ง
“ศิลาจารึกไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพียงแต่อัตราส่วนของมันขยายใหญ่ขึ้นตามที่เจ้าบอก”
ไป๋ชิวหรานกล่าวหลังจากสังเกตการณ์
“อักขระที่จารึกโดยคนรุ่นหลังก็ขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน”
หวงฝู่เฟิงเคลื่อนไหวพลังปราณ ก่อนเอื้อมมือออกไปสัมผัสปลาประหลาดที่มีความยาวกว่าหกจั้ง ปลาประหลาดรูปทรงหัวคล้ายกับสุนัขร้ายที่ถูกจับโยนขึ้นไปบนพื้นดิน
เจ้าปลาประหลาดกระแทกเข้ากับแผ่นหิน ก่อนจะไถลไปตามแผ่นศิลา แล้วล้มลงพื้นพร้อมส่งเสียงคำรามแปลกประหลาด ดิ้นทุรนทุราย กระดิกหางพยายามเคลื่อนตัวไปยังแม่น้ำอย่างสุดชีวิต หลังพยายามไม่นานจึงลงสู่แม่น้ำได้สำเร็จ ทันใดนั้นบนผืนน้ำก็ปรากฏหัวของอสูรยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายเป็ด อ้าปากงับปลาหัวสุนัขเข้าไปทั้งตัวเหมือนรอจังหวะนี้อยู่!
ไป๋ชิวหรานกับหวงฝู่เฟิงมองไปที่แผ่นหิน ทว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นใด
“ดูเหมือนจะไม่มีการตอบสนองใด”
หวงฝู่เฟิงกล่าวทันที
“เจ้าพวกนี้… มันสามารถเติบโตขึ้นได้ด้วยตัวเอง ของในแดนทุรกันดารนี้ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง!”
“อย่าชะล่าใจไป”
ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ในเมื่อเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘เซียนแห่งปฐพี’ หรือ ‘จักรพรรดินักสู้ศักดิ์สิทธิ์’ ในสมัยก่อนหน้า เกรงว่าคงไม่ง่ายดายเช่นนี้”
ไม่นานหลังจากที่ไป๋ชิวหรานกล่าวจบ แผ่นหินที่ทอดตัวหลายสิบจั้งได้เปล่งแสงสีฟ้าออกมา จากนั้นจุดแสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นจากตัวอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นศิลา ราวกับหิ่งห้อยที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหน?!”
หวงฝู่เฟิงควบคุมกระบี่ทลายเทพพร้อมสกัดกั้นปราณกระบี่ไว้เป็นตาข่าย ไป๋ชิวหรานที่ลอยอยู่กลางอากาศพ่นพลังลมปราณออกมาสร้างม่านฟ้าปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด แต่ยังคงมองเห็นจุดแสงสีฟ้าเหล่านี้ผ่านตาข่ายแห่งปราณกระบี่และชั้นพลังลมปราณได้ พวกเขาบินขึ้นไปในอากาศด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
“แย่แล้ว นี่ไม่ใช่เพียงของแข็งหรือพลังงานเท่านั้น”
ไป๋ชิวหรานตอบสนองทันทีพร้อมกล่าวกับหวงฝู่เฟิง
“ไปทางนั้น!”
“ทางนั้นคือทิศของเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน”
หวงฝู่เฟิงเปลี่ยนกระบี่ทลายเทพให้กลายเป็นปลาสีขาวขนาดใหญ่ ก่อนจะเหยียบมันพร้อมจับไป๋ชิวหรานเอาไว้
“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง ไปกัน!”
ทั้งสองเหยียบย่ำกระบี่ทลายเทพที่แปลงร่างเป็นปลาสีขาวและกําลังจะไล่ตามลำแสงทัน จู่ ๆ แผ่นศิลาจารึกที่สลักอยู่บนแผ่นหินหลายสิบจั้งพลันเปล่งแสงเพลิงลุกโชนขึ้นมา จากนั้นเหล่าสัตว์อสูรยักษ์ที่ลุกโชติช่วงดุจนกกระเรียนสวรรค์สามหัวก็อ้าปากโจมตีพวกเขา!
พลังของนกกระเรียนยักษ์สามหัวเทียบได้กับอสูรสายฟ้าที่โจมตีภูเขาชิงหมิงก่อนหน้านี้ หวงฝู่เฟิงจึงไม่กล้าประมาท เขารีบแปลงกระบี่แล้วปลดปล่อยพลังปราณออกไป ปราณกระบี่ที่เหมือนกับลําแสงสีขาวพุ่งโจมตี บังคับให้นกกระเรียนยักษ์สามหัวล่าถอยออกไป
ไป๋ชิวหรานที่เดิมทียืนอยู่บนนั้นไม่มีที่ยืนอีกต่อไป อสูรร้ายพุ่งเข้าใส่แม่น้ำแห่งหุบเขาต้วนหุนไม่ลดละ อสูรยักษ์มากมายแหงนหน้ามองเลือดเนื้อมนุษย์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างกระตือรือร้น
อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานพลิกตัวขึ้นพร้อมตบไปที่ผิวน้ำ ปราณอันน่าหวาดหวั่นระเบิดเป็นชั้น ๆ บนแม่น้ำต้วนหุน ส่งผลให้สัตว์อสูรยักษ์หลายตัวลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ รวมถึงอสูรยักษ์ที่เพิ่งกลืนกินปลาหัวสุนัขไปก่อนหน้านี้ด้วย เพราะเห็นหนวดสีแดงสองเส้นที่ปรากฏเหนือศีรษะของมัน
สัตว์อสูรยักษ์เหล่านี้โดนฝ่ามือของไป๋ชิวหรานพุ่งโจมตี เขาใช้พลังฝ่ามือกับพลังสะท้อนของแม่น้ำเพื่อดึงให้สูงขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดก็ปรับทิศทางพร้อมร่อนลงบนแผ่นหินขนาดยักษ์
หลังจากที่ไป๋ชิวหรานมาถึงแผ่นหิน นกกระเรียนสามหัวที่เดิมทีกําลังต่อสู้กับหวงฝู่เฟิงจึงเปลี่ยนร่างในทันทีแล้วพุ่งเข้าหาไป๋ชิวหราน ทว่าหวงฝู่เฟิงขยับตัวมาขวางไว้ข้างหน้าทัน มนุษย์กับสัตว์อสูรต่อสู้กันอีกครั้ง คลื่นลูกใหญ่แผ่กระจายออกไป
“ข้าขอมอบมันให้กับเจ้า!”
ไป๋ชิวหรานตะโกนใส่หวงฝู่เฟิง จากนั้นเอื้อมมือไปจับแผ่นศิลาเอาไว้มั่น ฝ่ามืออันแข็งแรงคว้าเข้าไปด้านในของแผ่นหินอย่างมั่นคง ก่อนจะปีนขึ้นไปทีละก้าวจนมาถึงบริเวณรอบวงเวทที่อยู่บนแผ่นหิน หลังจากที่นกกระเรียนยักษ์ปรากฏตัว เขาได้หยิบหินที่ซ่อนเร้นอยู่ในถุงเก็บของออกมา จดบันทึกภาพจากทุกมุมของค่ายกลอย่างรวดเร็วแล้วหยิบหินวิญญาณเปล่าที่ใช้พลังงานจากแสงออกมาสกัดกั้นพลังงานจากค่ายกล
อีกด้านหนึ่ง หวงฝู่เฟิงปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา เงาของมารได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา เทพอสูรสามหัวยกแขนทั้งสองข้างขึ้น ก่อนที่กระบี่ทั้งสองจะฉีกนกกระเรียนสามหัวออกเป็นชิ้น ๆ
“ฮ่า ๆ เสร็จข้าล่ะ!”
ก่อนที่เสียงหัวเราะเมื่อครู่จะสิ้นไป เปลวเพลิงที่แตกกระจายของนกกระเรียนยักษ์พลันรวมตัวกันโดยพลังที่มองไม่เห็น ก่อตัวเป็นนกกระเรียนเพลิงยักษ์อีกครั้งแล้วพุ่งเข้าหาไป๋ชิวหรานทันที
“ระวัง! มันไม่ยอมตายง่าย ๆ!”
ทว่าไป๋ชิวหรานไม่หันกลับมามอง
หวงฝู่เฟิงได้แต่ยิ้มพร้อมยกกระบี่ขึ้นแล้วเดินเข้าไปหานกกระเรียนเพลิงอีกครั้ง
เขาต่อสู้กับนกกระเรียนเพลิงยักษ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันเป็นเวลานาน สังหารมันหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งที่อสูรร้ายพ่ายแพ้ ประกายไฟจะรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แม้หวงฝู่เฟิงจะทำลายร่างจนแหลกเป็นชิ้นแล้วก็ตาม!
“เอาล่ะ”
ในขณะที่หวงฝู่เฟิงรู้สึกว่าพลังปราณแท้ของตนไม่อาจทนกับการต่อสู้ที่ยาวนานต่อไปได้ ไป๋ชิวหรานจึงพูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
“ข้าถ่ายทอดพลังแล้ว ปล่อยมันมาเถิด”
“ข้ารอเจ้าพูดแบบนี้ตั้งนานแล้ว!”
หวงฝู่เฟิงถอยไประยะหนึ่งก่อนจะเก็บกระบี่กลับเข้าไปในฝัก จากนั้นกระบี่ที่น่าเกรงขามก็พุ่งทะยานออกไป
พลังสังหารแห่งกระบี่ทลายเทพ!
เงาของเทพมารคํารามออกมา เขากวัดแกว่งกระบี่อย่างบ้าคลั่ง ภายใต้การกระตุ้นของพลังปราณแห่งสํานักอสูร บังเกิดตาข่ายขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้าและโลกเอาไว้ นกกระเรียนเพลิงยักษ์ แผ่นหินที่สลักไว้ด้านหลัง ริมฝั่งแม่น้ำที่ล้อมรอบไปด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ถูกกระบี่ของหวงฝู่เฟิงตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
แผ่นศิลาแตกกระจาย ค่ายกลสลายหายไป ในที่สุดร่างเจ้านกกระเรียนเพลิงยักษ์ไม่อาจหลอมรวมกันได้อีก
หวงฝู่เฟิงและไป๋ชิวหรานร่อนลงสู่ซากปรักหักพังบนผืนดิน
“ปล่อยให้จุดแสงเหล่านั้นหายไปเถิด”
ท่าทีของหวงฝู่เฟิงดูไม่สู้ดีนัก
“แล้วลำแสงบนศิลาอะไรนั่นเล่า?”
“ข้าไม่แน่ใจ แต่เดาว่านั่นคงเป็นสัญญาณที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า”
ไป๋ชิวหรานก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อย่างไรเสียพวกเราควรจะกลับไปก่อน จุดแสงสีฟ้าเหล่านั้นคงทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสิบแผ่นดินเป็นแน่!”
จุดแสงสีฟ้านั้นรวดเร็วมาก พริบตาเดียวก็ได้มาถึงเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินจากส่วนลึกของดินแดนรกร้างเสียแล้ว
เมื่อเข้าสู่ดินแดนตะวันตก พวกมันก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน เนื่องจากลำแสงของจุดแสงเหล่านี้อ่อนแรงมาก คนธรรมดาจึงยากที่จะสังเกตเห็น แต่แม้ว่าผู้ฝึกตนจะสังเกตเห็นก็คงจะไม่ใส่ใจนัก… ในไม่ช้าจุดแสงสีฟ้าทั้งหมดก็มาถึงสถานที่ ‘นัดหมาย’ ก่อนจะตกลงสู่ชั้นดิน
หลังจากจุดแสงสีฟ้าเจ็ดส่วนจมลงไปในชั้นดินแล้วจะส่งให้ไม่มีสิ่งผิดปกติใดเกิดขึ้นอีก ส่วนอีกสามส่วนที่ซ่อนอยู่ตามพื้นที่จะเงียบสงบลงทันที
แต่จะมีจุดแสงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้หลังจากจมลงไปในดินตามตําแหน่งที่กําหนด
หลังจากแสงสีฟ้าบานสะพรั่ง พื้นดินเกิดแตกแยกออก ท่ามกลางเสียงระเบิด เมืองโบราณที่สูงตระหง่านค่อย ๆ ลอยขึ้นจากชั้นดิน…