ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 626 บ้านข้าหลังใหญ่มาก
บทที่ 626 บ้านข้าหลังใหญ่มาก
บทที่ 626 บ้านข้าหลังใหญ่มาก
“ข้าได้นัดสานสัมพันธ์กับนางแล้ว”
ไป๋โม่เสวี่ยที่อยู่ในชุดนอนกำลังส่องห้วงจิตสนทนาอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เหล่าพลพรรคทั้งหมดนั่งอยู่ด้วยกัน
“แต่วันนี้หลินฉีเยว่ตอบช้านิดหน่อย นางคงจะไปที่บ้านของผู้ร้ายคนนั้น ข้าคิดว่าการพูดคุยนี้คงถูกชายชุดดำจับได้แล้ว”
“แล้วเจ้าจะเป็นอันตรายหรือไม่?”
หลี่ลี่กล่าวถามอย่างประหม่า
“ไม่เป็นไร”
ไป๋โม่เสวี่ยส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ
“ไอ้ปีศาจน่าขยะแขยงนั่น… ข้าเกรงว่ามันจะโลภในตัวข้าเสียแล้ว และเป็นไปได้สูงว่ามันจะให้หลินฉีเยว่ใช้กลอุบายเพื่อหลอกล่อให้ข้าติดกับของเขา แต่อย่างไร หลินฉีเยว่ก็ตกหลุมรักข้าแล้ว… ทั้งยังหลงรักข้ามาเนิ่นนานพอสมควร เมื่อข้าพบกับนางอีกครั้ง ข้าจะใช้ทักษะลับของสำนักเหอฮวนเพื่อจุดไฟปรารถนาในกายของนาง และทักษะล่อลวงจิตใจก่อนหน้านี้ของชายชุดดำจะสูญสลายเมื่อเผชิญหน้ากับข้า”
“ไฟแห่งปรารถนา…”
หลี่ลี่พึมพำด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ไป๋โม่เสวี่ยเหลือบมองนางเงียบ ๆ เขาได้ศึกษาสิ่งต่าง ๆ มากมายจากซูเซียงเสวี่ย แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่เขลาเช่นเดียวกับผู้เป็นบิดา และเวลานี้เขาสัมผัสได้ว่าหลี่ลี่กำลังรู้สึกหึงหวง
หลังจากเขาตกลงคบหากับนางอย่างจริงจัง เขากลับต้องไปทำภารกิจด้วยการคบหากับสตรีคนอื่นทันที แต่กับคนรักตัวจริง เขายังไม่เคยทำสิ่งนั้นกับนางสักครั้งจนกระทั่งวันนี้
“หลี่ลี่”
ไป๋โม่เสวี่ยจับมือนางไว้พร้อมกล่าวหนักแน่น
“ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันภายหลัง”
“อืม”
ไป๋ซวี่เซียงซึ่งอยู่ด้านข้างเห็นว่าน้องชายกระซิบกระซาบกับคนรัก นางไม่พอใจจึงกล่าวขัดจังหวะขึ้นมา
“วันที่เจ้าบอกกล่าวให้หลินฉีเยว่ออกมาพบเจอคือเมื่อใด?”
“วันอาทิตย์”
ไป๋โม่เสวี่ยตอบกลับ
“วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่สิบห้า เวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับผู้ฝึกตนปีศาจคนนั้น”
ไป๋ซวี่เซียงมองหลี่ลี่
“เรื่องของเจ้าก็มิใช่เล็กน้อยเช่นกัน”
“ในเมื่อหลี่ลี่เป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับเรื่องนี้ ข้าจึงไม่อาจเมินเฉยหรือทำเป็นปิดตาข้างเดียวได้”
ไป๋โม่เสวี่ยกล่าว
“การจับกุมผู้ฝึกตนปีศาจและโยนเขาเข้าคุกสวรรค์จะเป็นการป้องกันปัญหาในอนาคตที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ฝึกตนปีศาจอยู่ด้านนอก เขาสามารถเข่นฆ่าสตรีบริสุทธิ์ทุกหนแห่ง การจับกุมเขาจะเป็นการช่วยคนบริสุทธิ์จำนวนมากไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ!”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็เหลือบมองไป๋ซวี่เซียง
“พี่หญิง ข้าหวังว่าท่านจะลงมืออย่างเต็มที่”
ไป๋ซวี่เซียงและน้องชายสบตากันสักครู่ เวลานี้ไป๋ซวี่เซียงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด นางโบกมือพร้อมกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“รู้แล้วน่า! นี่เป็นงานของข้าเช่นกัน อย่างน้อยในเรื่องนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า ไม่ต้องกังวล”
“ดี”
ไป๋โม่เสวี่ยถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
หลังจากการพูดคุยสั้น ๆ จบลง ไป๋ซวี่เซียงจึงกลับไปที่ห้องของนาง ในขณะที่ไป๋โม่เสวี่ยพาหลี่ลี่กลับไปที่ห้องของนางอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นเขาปิดประตู หลี่ลี่ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
โม่เสวี่ยคิดทำ ‘สิ่งนั้น’ งั้นหรือ?
หลี่ลี่ลอบคิดในใจ
แม้ว่าทั้งสองจะตกลงเป็นคนรักกันแล้ว และเป็นเรื่องปกติที่จะทำสิ่งนั้น แต่พวกเรายังไม่ได้ตบแต่งกันอย่างเป็นทางการ หากจะทำสิ่งนั้นมันจะไม่เร็วไปหรือ?
เมื่อเห็นความจริงจังและความรู้สึกผิดบนใบหน้าของไป๋โม่เสวี่ย จิตใจของนางจึงผ่อนคลายมากขึ้น
“โม่เสวี่ย”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลี่ลี่จึงตัดสินใจที่จะเริ่มกล่าว
“เจ้าบอกว่ามีบางเรื่องต้องพูดคุยกับข้า ความจริงแล้วข้าก็มีเรื่องคุยกับเจ้าเช่นกัน”
“เช่นนั้นเจ้าพูดก่อน”
“โม่เสวี่ย วันอาทิตย์นี้ เจ้า… จะจุดความไฟปรารถนาในกายของหลินฉีเยว่อย่างไรหรือ?”
หลี่ลี่ถามออกไปด้วยความเขินอาย
“เจ้าจะไปสานสัมพันธ์กับศิษย์พี่งั้นหรือ?”
ก่อนที่ไป๋โม่เสวี่ยจะตอบกลับ หลี่ลี่ก็กล่าวแทรกขึ้นมา
“ข้าขอโทษ… ข้ารู้ว่าทั้งหมดนี้เจ้าทำเพื่อข้า แต่ข้าก็อดไม่ได้ ทุกครั้งที่ข้าคิดว่าเรื่องของเจ้ากับศิษย์พี่หลินฉีเยว่เป็นเพียงเรื่องโกหก แต่อย่างไรพวกเจ้าก็ไปนัดสานสัมพันธ์กันจริง ๆ และข้าไม่ค่อยสบายใจ ต่อให้ฝืนทำเป็นเข้าใจก็ไม่อาจเข้าใจ…”
นางโอบเอวของไป๋โม่เสวี่ยพร้อมฝังศีรษะของตนลงบนหน้าอกของเขาก่อนจะกล่าวแผ่วเบา
“ก็เพราะ… ข้า… ข้าเป็นคนรักของเจ้า…”
ไป๋โม่เสวี่ยมองหญิงสาวและยิ่งรู้สึกผิดในใจ
เขากอดหลี่ลี่อย่างอ่อนโยน แต่เวลานี้หลี่ลี่ปล่อยมือออกและถอยห่างออกไปเล็กน้อย
“โม่เสวี่ย ต้องขอโทษที่ข้างี่เง่าเช่นนี้”
นางกะพริบตาก่อนจะกล่าวต่อ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั้น เป็นเพราะข้าไม่แข็งแกร่งพอจึงต้องให้เจ้าคอยปกป้อง สุดท้ายแล้วข้าก็เข้าใจดีว่าเจ้าทำไปเพื่อความปลอดภัยของข้าทั้งสิ้น”
“ไม่ ข้าต้องอธิบาย”
ไป๋โม่เสวี่ยกุมมือหลี่ลี่เอาไว้พร้อมสบตากับนาง
“สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าเวลานี้คือ… หลี่ลี่ สำนักเหอฮวนไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด ไม่ต้องกังวล ข้าไม่คิดเกินเลยกับหลินฉีเยว่ สุดท้ายแล้วหากจำเป็นต้องใช้วิธีการที่ต่ำทรามเพื่อปลุกไฟปรารถนาในจิตใจคน ข้าคงต้องถูกท่านแม่ลากกลับบ้านและทุบตีด้วยเหล็กแน่”
เขาเช็ดน้ำตาของหลี่ลี่ก่อนจะกล่าวปลอบแผ่วเบา
“นอกจากนี้ ข้าทราบว่าการกระทำของพี่สาวยิ่งทำให้เจ้าลำบากใจมาก ข้าขอโทษจริง ๆ แต่หลังจากเราจับกุมผู้ฝึกตนปีศาจคนนั้นได้ เราจะไปเที่ยวกันตามประสาคนรัก ตกลงหรือไม่?”
ดวงตาของหลี่ลี่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง นางพยักหน้ารับพร้อมน้ำตาที่อาบสองแก้ม
“ตกลง!”
…
เช้าวันอาทิตย์ ไป๋โม่เสวี่ยกำลังจะออกไปกับหลินฉีเยว่ตามนัดหมาย เวลานี้เขากล่าวลาหลี่ลี่และไป๋ซวี่เซียง
เมื่อเดินมาถึงทางแยกของถนน เขายืนรอไม่นานนักก่อนที่หลินฉีเยว่จะปรากฏตัวในชุดที่ดึงดูดสายตา
“อรุณสวัสดิ์โม่เสวี่ย”
หลินฉีเยว่ยิ้มกว้างดูงดงามราวสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ในรอยยิ้มนั้นเปี่ยมด้วยความสุขที่แท้จริง นางกล่าวทักทายไป๋โม่เสวี่ยเสียงดัง
“อรุณสวัสดิ์ ศิษย์พี่หลิน”
ไป๋โม่เสวี่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“สาวงาม” ทั้งสองยิ้มให้กันและเดินเคียงข้างกัน… ภาพนี้ทำให้ภูมิทัศน์บนเส้นทางดูน่าสนใจ ผู้คนสัญจรผ่านไปมายังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองความงดงามนี้
ขณะที่คนเหล่านั้นมองมา พวกเขาจะถูกมนต์เสน่ห์ของไป๋โม่เสวี่ยดึงดูดเอาไว้ แม้ว่าจะต้องเดินชนผู้อื่น หรือปะทะกับต้นไม้ริมทางก็ยังไม่คิดจะหันกลับไป
แต่ไป๋โม่เสวี่ยและหลินฉีเยว่ไม่สนใจ ทั้งสองเดินตรงไปที่ร้านตัดผม แต่ขณะนั้นหลินฉีเยว่พลันหยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับมาด้วยรอยยิ้มจาง
“โม่เสวี่ย”
นางกล่าวคำเบา
“จู่ ๆ วันนี้ข้าก็ไม่อยากทำผมแล้ว ไปหาอะไรทำสนุก ๆ ที่บ้านของข้าดีหรือไม่? บ้านข้าหลังใหญ่มาก คืนนี้ไปนอนที่บ้านข้าเถอะ”
“เรื่องนี้…”
ไป๋โม่เสวี่ยลังเลพร้อมกล่าวว่า
“แต่คืนนี้ข้าก็มีเรื่องสำคัญต้องทำหลังจากกลับบ้าน…”
“มีเรื่องสำคัญหรือ?”
หลินฉีเยว่ถามกลับ
“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก”
ไป๋โม่เสวี่ยเล่นเส้นผมตนเอง เผยใบหน้าเคอะเขินอันทรงเสน่ห์
“เพราะข้าออกมาเดินเล่นกับศิษย์พี่สองสามวันนี้ การบ้านของข้าจึงยังไม่เสร็จเสียที”
“เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมแล้ว”
หลินฉีเยว่ยกยิ้ม
“อย่างไรเสีย วันนี้เรายังมีเวลาอีกมาก งั้นกลับไปเอาการบ้านที่บ้านของเจ้าก่อน แล้วค่อยไปบ้านข้าภายหลัง อีกอย่าง เราควรจะซื้อขนมระหว่างทาง จากนั้นเราค่อยนั่งทำการบ้านด้วยกันในห้องนั่งเล่นของข้า เช่นนี้ดีกว่าหรือไม่?”