ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 630 ผู้ควบคุมหุ่นกล
บทที่ 630 ผู้ควบคุมหุ่นกล
บทที่ 630 ผู้ควบคุมหุ่นกล
“เหตุใดจึงพูดเหมือนเจ้าจะชนะ?”
ไป๋ซวี่เซียงก้าวออกมาด้านหน้า ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
“มา มาเลย คิดจะต่อต้านจนถึงที่สุดสินะ? ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง ระหว่างจะเข้ามาหาข้าและน้องชายสองคนพร้อมกัน หรือจะให้ข้ากับน้องชายเข้าไปทุบตีเจ้า”
ไป๋โม่เสวี่ยไม่พูดสิ่งใด แต่แสดงท่าทางตอบรับโดยการก้าวขึ้นไปยืนข้างไป๋ซวี่เซียง
ชายชุดดำหัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน
“เจ้าได้ข้อมูลมาจากปากของผู้หญิงคนนั้นสินะ? น่าเสียดาย แม้เจ้าจะสามารถยั่วยวนนางเหมือนที่ข้าทำได้ ทว่าตอนนี้พวกเจ้าก็คงจะสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ… เรื่องค่ายกลที่ข้ากำลังจัดวางขึ้น”
เขากระทืบเท้าลงบนพื้น
“อยากรู้หรือไม่ว่าข้าใช้ค่ายกลอะไร?”
ไป๋โม่เสวี่ยก้มลงมอง ก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า
“ไม่มีอะไรมากไปกว่าค่ายกลอะไรสักอย่างที่หยิบยืมพลังจากฟ้าดินเพื่อเสริมพลังการต่อสู้ของเจ้า นอกเหนือจากนี้ยังจะมีลูกเล่นอะไรอีก? เจ้าควรจะรู้เอาไว้ว่าในศาสตร์ด้านค่ายกล ข้านั้นเหนือกว่าเจ้านัก หากเจ้าสร้างค่ายกลกับดักขึ้นมา ข้าก็สามารถแย่งการควบคุมมาใช้มันจัดการเจ้าได้”
ผู้ฝึกตนปีศาจแทบจะสำลักคำพูดนั้น
“ฮึ่ม เจ้าจะพูดอะไรก็พูดไป”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เขาก็กล่าวต่อ
“อย่างไรเสียก็ต้องสู้กัน เผชิญหน้ากับฝีมือที่แท้จริงของข้าเสียเถอะ!”
เขากระทืบเท้าอีกครั้ง ท้องฟ้าและผืนดินพลันเปล่งสีแดงฉานราวกับโลหิต ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากฟ้าดินผ่านหมู่เมฆ ก่อนจะรวมตัวกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ไกลออกไป
ไป๋โม่เสวี่ยเงยหน้าขึ้นมอง ถึงแม้ค่ายกลจะมีขนาดใหญ่โต ทว่าลำดับรูปแบบอักขระกลับหยาบกร้านและเรียบง่าย ทำให้เขารับรู้ผลของค่ายกลนี้ได้ในทันที
“ฉกชิงพลังผืนดินมาเสริมพลังตนเอง?”
“ถูกต้อง!”
ผู้ฝึกตนปีศาจกล่าวอย่างเคร่งขึม
“ข้ายอมรับว่าในด้านศาสตร์ค่ายกลนั้นข้าอาจจะด้อยกว่าพวกเจ้าสองพี่น้อง ทว่าข้าเหนือกว่าด้านระดับการบ่มเพาะ หากต้องการจะยึดอำนาจการควบคุมค่ายกล นอกจากจะต้องมีระดับการบ่มเพาะเหนือกว่าข้าแล้ว ย่อมไร้หนทางอื่น!”
ด้านหลังศีรษะของเขาปรากฏวงล้อแสงขึ้นมา รัศมีผู้ฝึกตนถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ กลิ่นอายของพลังแห่งสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดของภพภูมิที่เลวทรามลอยวนอยู่รอบตัวเขา วิธีการนี้สำหรับเซียนอาวุโสผู้หนึ่งอย่างเขานับว่าธรรมดาสามัญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นวิธีการสำแดงพลังออกมาได้อย่างโดยตรง
“บัญชาสวรรค์สั่งการพิภพ!”
ด้วยพลังจากผืนดิน ร่างของผู้ฝึกตนปีศาจขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนรีบกระโจนขึ้นไปยังยอดเขา ขณะที่อีกฝ่ายก้มศีรษะที่สูงเทียมหมู่เมฆลงมอง ราวกับเทพสวรรค์ผู้เฝ้ามองโลกหล้า
ข้างกายของเขาล้อมรอบด้วยวิถีเดรัจฉาน ด้วยพรของสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด ผู้ฝึกตนปีศาจผู้นี้จึงกลายเป็นเทพปีศาจในวิถีเดรัจฉานโดยสมบูรณ์ รูปโฉมกลายเป็นอัปลักษณ์ดุร้าย บนหัวพยัคฆ์มีเขากระทิง ฟันเป็นสุกร หางเป็นเสือดาว ในมือถือตรีศูลเหล็กเอาไว้
เพลิงปีศาจลุกโชนบนร่างเทพปีศาจ ด้วยการเคลื่อนไหวทำให้เกิดประกายไฟร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ลามไปตามป่าไม้บนภูเขาได้อย่างง่ายดาย
หลี่ลี่กลั้นหายใจจับแขนเสื้อของไป๋โม่เสวี่ยแน่น ทว่าทางด้านของไป๋โม่เสวี่ยและไป๋ซวี่เซียงทำพียงแค่แหงนหน้าขึ้นมองเทพปีศาจตัวใหญ่ยักษ์
“นั้นคือทั้งหมดที่เขาทำได้แล้วหรือ?”
ไป๋ซวี่เซียงชี้นิ้วออกไปแล้วกล่าวถาม
“โม่เสวี่ย เจ้าจะจัดการหรือให้ข้าเป็นผู้จัดการ?”
“ข้าไปเอง ของของเจ้าเพิ่งจะส่งกลับไปซ่อมแซ่มเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือ?”
ไป๋โม่เสวี่ยถอนหายใจออกมา
“แม้ว่าในด้านความสร้างสรรค์จะไม่ได้เรื่อง ทว่ายังคงมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง ต้องให้เกียรติเขาสักหน่อย… หุ่นกลประจัญบาน!”
สิ้นเสียงเรียกของเขา วงอักขระก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ตามมาด้วยหุ่นกลสีขาวเงินสูงเพรียวค่อย ๆ เผยโฉมออกมา ทิ้งฝ่าเท้ายืนลงบนพื้นจนขุนเขาสั่นสะเทือน
ร่างของมันเตี้ยกว่าร่างแปลงเทพปีศาจเล็กน้อย ทว่ามันเองก็สูงเสียดฟ้า ทะลุเข้าไปในหมู่เมฆ
“หือ?”
ผู้ฝึกตนปีศาจอุทานออกมา ก่อนจะถามกลับด้วยเสียงดังกังวาน
“พวกเจ้าเป็นผู้ควบคุมหุ่นกลอย่างนั้นหรือ?”
ผู้ควบคุมหุ่นกล เป็นกองกำลังที่ถือกำเนิดขึ้นจากสงครามเป็นตายครั้งหนึ่งของโลกแดนเซียนกับเผ่ายักษาที่ต้นสายธารแห่งความว่างเปล่า
เดิมทีหุ่นกลนั้นไม่จำเป็นต้องมีผู้ควบคุม เนื่องจากเป็นอาวุธและเผ่าที่มีอิสระเป็นของตัวเอง โดยมีมหาเทพหุ่นกลเป็นผู้ปกครองสูงสุด
ดังนั้นเพื่อจัดการกับเผ่ายักษา โลกแดนเซียน มหาเทพหุ่นกล และวิถีสวรรค์ได้ร่วมมือกันสร้างหุ่นกลจักรพรรดิออกมาสามตัว ด้วยหุ่นกลระดับนี้ อาศัยเพียงตัวของมหาเทพหุ่นกลควบคุมย่อมเป็นเรื่องค่อนข้างจะยากลำบาก ดังนั้นในช่วงสงคราม เหล่าเซียนจากโลกแดนเซียนจึงถูกเลือกให้มาฝึกฝนจากมหาเทพหุ่นกล เพื่อให้กลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นกล
หลังจากสงครามสิ้นสุด กองกำลังควบคุมหุ่นกลก็ได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อลดความยากลำบากในการต่อสู้กับเหล่าเซียน เป็นต้นว่าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูขนาดใหญ่อันทรงพลัง หรือต่อสู้ในสภาพแวดล้อมเลวร้าย โดยโลกแดนเซียนได้ร่วมมือกับมหาเทพหุ่นกลเพื่อพัฒนาหุ่นกลที่เซียนสามารถใช้งานได้
ประสิทธิภาพของหุ่นกลเหล่านี้แตกต่างกันไป มีตั้งแต่หุ่นกลระดับล่างจนถึงหุ่นกลระดับจักรพรรดิ เหล่าเซียนต้องเข้าไปอยู่ในร่างหุ่น เพื่อควบคุมหุ่นกล ในขณะเดียวกันก็ต่องแบ่งความคิดส่วนหนึ่งถ่ายเข้าสู่คฤหาสถ์สีม่วงของหุ่นกลเพื่อควบคุมมันในการต่อสู้
หุ่นกลที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเหล่านี้ เนื่องจากไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บปวด อาการบาดเจ็บ การใช้พลัง และเส้นลมปราณที่จะเสียหาย จึงสามารถใช้กลวิธีบ้าระห่ำในการต่อสู้ได้ ทำให้โดยทั่วไปแล้วประสิทธิภาพการต่อสู้เหนือกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน ทว่าหากอยากจะกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นกลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ผู้ควบคุมหุ่นกลทุกคนล้วนต้องผ่านการคัดเลือกและทดสอบหลายอย่างจากโลกแดนเซียนหลายขั้นตอนก่อนจะได้รับอนุญาต อีกทั้งหุ่นกลไม่ใช่สิ่งที่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการควบคุมเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างหุ่นกลของตัวเองได้
คู่พี่น้องไป๋ซวี่เซียงและไป๋โม่เสวี่ยเองก็ผ่านการทดสอบเป็นผู้ควบคุมหุ่นกลแล้ว หุ่นกลของพวกเขาทั้งสองได้รับการปรับแต่งจากไป๋ชิวหรานโดยตรง พวกมันเป็นหุ่นกลระดับสูงสุดที่พวกเขาสามารถควบคุมได้ในปัจจุบัน
ด้วยความแข็งแกร่งของสองพี่น้องในตอนนี้ หุ่นกลระดับจักรพรรดิเซียนนับว่ายังยากเกินกว่าที่จะควบคุมเล็กน้อย ดังนั้นหุ่นกล ‘แรกเหมันต์’ ของไป๋โม่เสวี่ยจึงมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนอาวุโสที่กลับชาติมาเกิดใหม่สามรอบ
หลังจากอัญเชิญหุ่นกลออกมาแล้ว ไป๋โม่เสวี่ยก็กระโดดไปทางหุ่นกลสีขาวสะท้อนเงินที่เปิดห้องควบคุมออกมา จากนั้นจึงกลืนไป๋โม่เสวี่ยเข้าไปในร่าง
เขากระตุ้นการทำงานของหุ่นกล อักขระบนตัวหุ่นกลค่อย ๆ สว่างวาบขึ้นตามลำดับ ปล่อยพลังงานสีฟ้าอ่อนออกมาเติมพลังงานของหุ่นกลอย่างช้า ๆ
หลังจากนั้น หุ่นกลก็เงยหน้าขึ้นมาเผยดวงตาเปล่งแสงสีน้ำเงิน
“มาเลย ผู้ฝึกตนปีศาจ”
หุ่นกลเอื้อมมือไปด้านหลัง ตำแหน่งนั้นปรากฏดาบโลหะผสมขนาดยักษ์ออกมาจากตัวหุ่น ก่อนจะเข้าไปอยู่ในมืออย่างมั่นคง
“เข้ามาได้เลย!”