ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 631 หนึ่งต่อสองหรือสองต่อหนึ่ง
บทที่ 631 หนึ่งต่อสองหรือสองต่อหนึ่ง
บทที่ 631 หนึ่งต่อสองหรือสองต่อหนึ่ง
เพียงเปิดตัวก็สร้างอานุภาพขู่ขวัญ หุ่นกลสีขาวเงินขนาดใหญ่ยกดาบโลหะผสมขึ้นฟาดฟัน ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวก็ทลายภูเขาตัดผ่านพุ่งไปยังหัวของผู้ฝึกตนปีศาจ
แม้ว่าการเคลื่อนไหวนี้จะเรียบง่าย ทว่าด้วยกำลังอันน่าสะพรึงกลัวของหุ่นกล จึงกลายเป็นการโจมตีที่อันตรายถึงตายได้ หากฟาดลงไปบนพื้น เกรงว่าจะเกิดเป็นรอยแยกกว้างยาวไปถึงต่างเมือง
ผู้ฝึกตนปีศาจในร่างแปลงที่มีหัวเป็นพยัคฆ์รีบยกตรีศูลขึ้นเพื่อตอบโต้ดาบโลหะผสม ยักษ์ใหญ่สูงตระหง่านทั้งสองพุ่งเข้าใส่กันอย่างแรง! เกิดเป็นคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามันระเบิดออกมาทันทีจากแรงปะทะ! หมู่เมฆกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง เผยให้เห็นท้องฟ้าสีแดงฉาน
ตู้ม!
ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษของโลกวัตถุนี้ที่อยู่บนภูเขาถึงกับยืนไม่มั่นคง ทำให้สมาชิกหน่วยเฉพาะกิจจากโลกแดนเซียนรีบพาพวกเขาออกจากพื้นดิน ลอยขึ้นไปกลางอากาศ หลบหลีกออกไปให้ไกลห่างจากยักษ์ทั้งสองที่กำลังต่อสู้กัน
ดาบฟาดกดลงบนตรีศูลของผู้ฝึกตนปีศาจ เสียงหัวเราะของไป๋โม่เสวี่ยเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนดังขึ้นมาจากด้านในหุ่นกล
“ค่อนข้างจะทนทานดีจริง”
เขาหัวเราะออกมา
“แต่เจ้าจะทนได้อีกนานสักเท่าไหร่กันเชียว?”
ตู้ม!
ขณะเดียวกันกับที่เขาหัวเราะออกมา ปีกแสงขนาดใหญ่ก็สยายออกมาจากด้านหลังหุ่นกลสีขาวเงิน ปีกแสงรวมตัวเข้าหากันกลายเป็นวงล้อแสงศักดิ์สิทธิ์ หมุนเวียนอยู่ด้านหลังหุ่นกลอย่างช้า ๆ
ภพมนุษย์ ภพสวรรค์ และภพอสูร อักขระจารึกสามเส้นทางสังสารวัฏสลักไว้บนพื้นผิวของหุ่นกล เวียนรอบตัวหุ่นเสมือนวงแหวนโคจรรอบดาวไปกลับไม่มีที่สิ้นสุด
ด้วยสภาพดังกล่าว ทำให้พลังของหุ่นเชิดเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล ทันใดนั้นมันก็กดผู้ฝึกตนปีศาจที่มีเขาวัวให้คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
“ว้ากกก!”
ผู้ฝึกตนปีศาจต่อต้านอย่างสุดชีวิต ดาบยักษ์จึงไม่สามารถกดลงไปบนไหล่ของเขาได้ ทำให้ไป๋โม่เสวี่ยที่เห็นดังนั้นตัดสินใจบังคับหุ่นกลให้เตะอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไป
ผู้ฝึกตนปีศาจตัวใหญ่กลิ้งกระเด็นไปบนภูเขาหลายตลบ ก่อนจะชนเข้ากับยอดเขาจนมันโค่นลงมาฝังมันไว้
“น่ารังเกียจ”
ทว่าภายใต้การสนับสนุนจากปราณปฐพี บาดแผลของผู้ฝึกตนปีศาจพลันสมานหายไปอย่างรวดเร็ว เขาลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเหลือเชื่อ
ท้องฟ้าและผืนดินถูกย้อมด้วยสีแดงดั่งโลหิตอีกครั้ง พลังปราณจากผืนดินถูกดึงขึ้นมาจากใต้พิภพ และแทรกซึมเข้าไปในร่างของผู้ฝึกตนปีศาจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขา
ผู้ฝึกตนปีศาจที่มีหัวพยัคฆ์ลุกขึ้นยืนบนพื้น ยกตรีศูลขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาหุ่นกลสีขาวเงินด้วยเพลิงที่โหมกระหน่ำทั่วร่าง ทว่าตรีศูลที่โจมตีออกไปก็ถูกหุ่นกลขวางเอาไว้อย่างง่ายดายด้วยดาบใหญ่!
ยักษ์ใหญ่ทั้งสองที่มีร่างกายใหญ่โตประดุจขุนเขากลับว่องไวคล้ายกับว่าร่างกายเบาหวิว ตรีศูลในมือของผู้ฝึกตนปีศาจหัวพยัคฆ์นั้นราวกับอสรพิษที่คอยหาช่องพุ่งแทงใส่ช่องโหว่ของคู่ต่อสู้
ทางด้านหุ่นกลที่ถูกควบคุมโดยไป๋โม่เสวี่ยก็แสดงทักษะเพลงดาบอันประณีตของสำนักกระบี่ชิงหมิง เมื่อทั้งคู่เข้าปะทะกัน ขุนเขาพลันพังทลาย ผืนดินสั่นสะเทือน แม้กระทั่งหมู่เมฆบนท้องฟ้ายังแตกกระจาย
“หากยังต่อสู้ต่อไปเช่นนี้ หุ่นกลของโม่เสวี่ยอาจไม่สามารถทนต่อไปได้”
ไป๋ซวี่เซียงที่เฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งผลักหลี่ลี่ออกไปหาผู้ช่วยของตน ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้น
“นี่ไม่ใช่การต่อสู้ท้าดวลอย่างยุติธรรม ดังนั้นข้าจะร่วมวงด้วย”
“แต่หัวหน้า หุ่นกลของท่านเพิ่งจะได้รับการซ่อมแซมไปไม่นาน”
ทหารผู้ช่วยของนางที่เฝ้าดูการต่อสู้อันสะเทือนฟ้าดินเอ่ยขึ้น
“หน่วยของพวกเรากำลังขาดแคลนงบประมาณ ท่านคงไม่ได้อยากจะส่งหุ่นกลกลับไปโลกแดนเซียนเพื่อทำเรื่องของซ่อมแซมอีกครั้งใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าจะไม่ใช้หุ่นกล”
ด้านหลังไป๋ซวี่เซียงปรากฏร่างเงาของตุ๊กตาราชวงศ์ที่มีมือคู่ใหญ่ออกมา
“ข้ายังมีมันอยู่”
นางกระโจนไปยังสนามรบ ขณะทหารที่ผู้ช่วยทะยานออกไปพร้อมกับหลี่ลี่ ทว่าในตอนนั้นเองหลี่ลี่ก็พยายามดิ้นแล้วกล่าวว่า
“พี่สาวผู้ช่วย รบกวนพาข้าไปส่งที่แห่งหนึ่งได้หรือไม่”
“คุณหนูหลี่ลี่”
หญิงสาวผู้ช่วยที่ดูเข้มงวดเอ่ยเกลี้ยกล่อมนาง
“สนามรบนี้ไม่ใช่ที่ของผู้ฝึกตนขั้นกลั่นลมปราณจะเข้าไปร่วม”
“ข้ารู้ แต่ว่า… ข้ามีความคิดขึ้นมาหนึ่งอย่าง บางที่นี่อาจช่วยเหลือพวกโม่เสวี่ยได้”
หลี่ลี่เอ่ยขอร้อง
“ดังนั้น ได้โปรดช่วยข้าด้วย”
…
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างร่างจำแลงหัวพยัคฆ์ของผู้ฝึกตนปีศาจกับหุ่นกลสีขาวเงินที่ควบคุมโดยไป๋โม่เสวี่ยยังคงดำเนินต่อไป
หุ่นกลยังคงถือดาบไว้ในมือ ทว่าทางด้านผู้ฝึกตนปีศาจถือโอกาสปล่อยตรีศูลในมือทิ้ง แล้วระดมเปลวเพลิงขึ้นมาบนหมัด จากนั้นจึงเข้าสู้ประชิดตัวหุ่นกล
ปราณที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจากผืนดินช่วยเพิ่มพลังมหาศาล ทำให้มันสามารถต่อกรกับหุ่นกลที่แข็งแกร่งกว่ามันได้ ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด หมัดของมันถูกหุ่นกลของไป๋โม่เสวี่ยตัดออกครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าภายในเปลวเพลิง ร่างกายของมันได้รับปราณจากผืนดินจนสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว มือที่ไร้อาการบาดเจ็บงอกกลับคืนมาอีกครั้ง
พลังที่มันปล่อยออกไปถูกดึงเข้ามาแทนที่เรื่อย ๆ ทำให้พลังปราณจากผืนดินจำนวนมากถูกดึงออกจากดินแดนแห่งนี้ จนพื้นพสุธาแตกระแหง ต้นไม้บนภูเขาเหี่ยวเฉาลง ก้อนหินแตกหล่นร่วงลงมา ดั่งขุนเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณที่เคยมี
แม้แต่ชีพจรผืนดินที่ฝังลึกลงไปยังแห้งเหือด ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พื้นที่แห่งนี้จักต้องประสบพบภัยพิบัติไม่น้อย
“เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้!”
ขณะที่กู่ร้องออกมา ผู้ฝึกตนปีศาจก็เหวี่ยงหมัดออกมาด้วยความโกรธจนเกิดประกายไฟปะทุขึ้นกลางอากาศ
“ตราบใดที่ปราณปฐพีไม่ไหลออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ สิ่งใดข้าก็ล้วนสามารถทำได้! เว้นเสียแต่พวกเจ้าจะสามารถหาผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าข้ามายึดการควบคุมค่ายกลไปจากข้า”
“ที่จริงก็ไม่เห็นจะต้องทำเรื่องยุ่งยากขนาดนั้น”
หุ่นกลที่ไป๋โม่เสวี่ยควบคุมอยู่กำมือซ้ายก่อนจะต่อยใส่ผู้ฝึกตนปีศาจ กำปั้นของผู้ฝึกตนปีศาจสลายแตกกระจาย ทว่ากำปั้นที่แตกกระจายกลายเป็นเปลวเพลิงโหมกระหน่ำทำให้ฝ่ามือของหุ่นกลกลายเป็นสีดำไหม้เกรียม
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับเจ้าแบบหนึ่งต่อหนึ่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พี่สาว!”
เขาตะโกนออกมาเสียงดัง ตามมาด้วยเสียงตอบกลับดังมาจากความว่างเปล่า
“พี่สาวมาแล้ว!”
ตุ๊กตาราชวงศ์ที่มีความสูงพอ ๆ กับพวกเขาพุ่งทะยานมากลางอากาศ ก่อนจะใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่ตบไปที่กระดูกสันหลังของผู้ฝึกตนปีศาจในทันที
ผู้ฝึกตนปีศาจหัวพยัคฆ์เขาวัวกระโจนออกมาด้วยความตกใจทันที แต่ส่วนหนึ่งของร่างกายมันยังคงไม่พ้นไปจากระหว่างฝ่ามือของตุ๊กตาราชวงศ์
เกิดเสียงตบดังขึ้นมาเพียงแผ่วเบา ทว่าร่างกายส่วนนั้นของผู้ฝึกตนปีศาจกลายเป็นระนาบแบนสีดำ ไร้ซึ่งรูปร่างเฉพาะ
“การจู่โจมทางมิติ?!”
เบ้าตาของผู้ฝึกตนปีศาจแทบจะถลนออกมา มันรีบเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลบเลี่ยงการโจมตีครั้งต่อไปของตุ๊กตาราชวงศ์
“อย่าลืมสิว่ายังมีข้าอยู่!”
คมดาบทอประกาย หุ่นกลที่อยู่อีกด้านฟันเข้าที่ไหล่ของผู้ฝึกตนปีศาจ เพียงออกแรงอีกครั้ง หยาดเลือดก็กระเซ็นเต็มท้องฟ้า ดาบโลหะผสมตัดแขนข้างหนึ่งของผู้ฝึกตนปีศาจออกมา
“อ๊าก!”
ผู้ฝึกตนปีศาจหัวพยัคฆ์กรีดร้องออกมาพร้อมถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะหยุดลงแล้วเริ่มควบคุมค่ายกลอีกครั้ง
ค่ายกลฟ้าดินปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระแสปราณพุ่งออกมาจากผืนดินรวมตัวกันที่ร่างของมันแล้วรักษาบาดแผล
“เปล่าประโยชน์!”
ผู้ฝึกตนปีศาจหัวเราะยกใหญ่พร้อมกล่าวออกมาว่า
“ตราบใดที่พวกเจ้าไม่สามารถปลิดชีพข้าได้ในคราวเดียว ปราณปฐพีก็สามารถทำให้ข้าฟื้นคืนกลับมาใหม่ได้เรื่อย ๆ …หือ?”
ทันใดนั้น ค่ายกลก็ถูกสิ่งลึกลับบางอย่างบุกรุกเข้ามา ปราณปฐพีที่ถูกดูดซับเข้ามาถูกปิดกั้นลงทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้ฝึกตนปีศาจรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก แต่ไป๋โม่เสวี่ยและไป๋ซวี่เซียงย่อมไม่ปลอยโอกาสให้มันได้ทันตั้งตัว
“ตายเสียเถิด!”
หุ่นกลสีขาวเงินถือดาบในมือเข้าโจมตีผู้ฝึกตนปีศาจพร้อมกับตุ๊กตาราชวงศ์