ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 634 มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ย่อมไม่ปล่อยไปยังไร่คนอื่น
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 634 มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ย่อมไม่ปล่อยไปยังไร่คนอื่น
บทที่ 634 มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ย่อมไม่ปล่อยไปยังไร่คนอื่น
บทที่ 634 มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ย่อมไม่ปล่อยไปยังไร่คนอื่น
ไป๋โม่เสวี่ยอธิบายให้ถังรั่วเวยฟังอย่างระมัดระวังว่าเหตุผลที่พวกเขายังอยู่ในโลกใบนี้ไม่ใช่เพราะหลี่ลี่ แต่เป็นไป๋ซวี่เซียง
คืนนั้น ถังรั่วเวยเชื่อมการสื่อสารอีกครั้ง และคราวนี้เป็นเจียงหลานที่ปรากฏตัวขึ้นผ่านม่านลำแสงเพื่อพูดคุยกับไป๋ซวี่เซียง
ไป๋ซวี่เซียงหยิบวัตถุเวทสัญญาณสื่อสารกลับไปที่ห้องเพื่อพูดคุยกับมารดาของตนตามลำพัง ไป๋โม่เสวี่ยและหลี่ลี่ไม่รู้ว่าเจียงหลานกล่าวคำใดบ้าง แต่หลังจากจบการสนทนาแล้ว ไป๋ซวี่เซียงจัดการงานทุกอย่างเสร็จสิ้นในวันเดียว จากนั้นจึงพาไป๋โม่เสวี่ยและหลี่ลี่ดำเนินการถอนตัวออกจากสำนักและพากลับสู่เก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน
แต่ไป๋ซวี่เซียงต้องกลับสู่แดนเซียนก่อนเพื่อรายงานผลของภารกิจ เช่นนี้ไป๋โม่เสวี่ยจึงไปที่แดนเซียนด้วย เขาจึงถือโอกาสนี้ซ่อมแซมหุ่นจักรกลของตนเอง ด้วยเหตุผลนี้สองพี่น้องจึงพาหลี่ลี่เข้าสู่แดนเซียน
หลังจากได้สัมผัสกับทิวทัศน์แดนเซียนแล้ว หลี่ลี่ติดตามไป๋ซวี่เซียงและไป๋โม่เสวี่ยเพื่อไปเยี่ยมเยียนเทพีซีเหอและเทพีอีกาสามขา หลี่ลี่รู้สึกเวียนหัวจากการพบปะผู้คนมากมายและเปลี่ยนแปลงโลกไปมาเมื่อติดตามทั้งสอง จนในที่สุดทั้งสามกลับสู่เก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน
“นี่คือสถานที่ตั้งหลักของสำนักเหอฮวน”
ขณะมาถึงใกล้ประตูสำนักเหอฮวนขนาดใหญ่แล้ว ไป๋โม่เสวี่ยจึงแนะนำให้หลี่ลี่ทราบ
“บ้านของเราอยู่ส่วนในสุดของเมืองนี้”
“สำนักเหอฮวน… ชื่อของสำนักนี้เกี่ยวข้องกับ เอ่อ…?”
หลี่ลี่ชำเลืองมองไป๋โม่เสวี่ยอย่างระมัดระวัง
“หัวขโมยกับนางคณิกา สำนักเหอฮวนคือนางคณิกาผู้นั้น”
ไป๋ซวี่เซียงพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ
“มันเคยมีสภาพเช่นนั้นและมันก็เลวร้ายมาก แต่หลังจากที่ท่านพ่อของข้ามีสัมพันธ์กับท่านแม่ของโม่เสวี่ย สำนักเหอฮวนจึงค่อย ๆ ดีขึ้น และตอนนี้นี่คือสำนักที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน ได้รับความนิยมยิ่งกว่าสำนักพุทธเทียนเซิง”
“ทำไมหรือ?”
หลี่ลี่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เหตุผลไม่เหมาะสำหรับผู้เยาว์ เช่นนั้นจงหาคำตอบด้วยตนเอง”
ไป๋ซวี่เซียงชำเลืองมอง
อีกด้านหนึ่ง ไป๋โม่เสวี่ยเริ่มเปลี่ยนชุดแต่งกายกลับมา ในคราแรกเขาสวมแว่นตาที่ไป๋ชิวหรานมอบให้เพื่อซ่อนความสามารถของตน แต่เวลานี้เขาคิดว่ามันไม่ปลอดภัย ไม่ทราบว่าเขาหยิบผ้าขาวมาจากที่ใด เวลานี้เขาห่อคลุมศีรษะทั้งหมดเอาไว้เหลือเพียงแค่จมูกกับดวงตา ไม่ต่างอะไรจากมัมมี่
หลี่ลี่หันศีรษะกลับมามองด้วยความตกใจ
“โม่เสวี่ย เจ้ากำลังทำสิ่งใด? นี่ไม่ใช่บ้านของเจ้าหรือ?”
“ก็เพราะเป็นบ้านของข้านี่แหละ”
ไป๋โม่เสวี่ยมองดูเหล่าหญิงสาวที่เดินไปเดินมาภายในสำนักเหอฮวนอย่างระมัดระวัง
“ในบ้านของข้ามีเพียงเหล่าปีศาจชั่วร้ายและผีสางแวะเวียนมาเสมอ”
“ปล่อยให้เขาทำไปเถิด”
ไป๋ซวี่เซียงไม่สนใจท่าทีของน้องชาย และเวลานี้นางจับมือหลี่ลี่เดินตรงเข้าสู่ประตูใหญ่ของสำนักเหอฮวน
“เราเข้าไปก่อน เดี๋ยวเขาจะติดตามมาภายหลัง”
เมื่อทั้งสองมาถึงประตู เหล่าสาวกสำนักเหอฮวนหลายคนที่มองเห็นไป๋ซวี่เซียงแล้วก็เผยแววตาประหลาดใจ
“คุณหนูไป๋กลับมาแล้ว! แล้วนายน้อยไป๋อยู่ที่ใด?”
“นู่น… นายน้อยอยู่ตรงนั้น”
ไป๋ซวี่เซียงชี้ที่ซ่อนของน้องชายให้กับเหล่าสาวกหญิงเหล่านั้น
“ขอบคุณคุณหนูแล้ว!”
สาวกหญิงกลุ่มนี้เผยรอยยิ้มสดชื่น ทุกคนเรียกร้องหาสหายของตนและวิ่งไล่ตามไป๋โม่เสวี่ยเป็นกลุ่มใหญ่
“บัดซบ!”
เมื่อเห็นว่าสาวกเหล่านี้กำลังพุ่งทะยานมาทางเขา ไป๋โม่เสวี่ยถึงกับอุทานด้วยความหวาดหวั่น
“พี่หญิง โปรดจดจำไว้!”
เขาสาปแช่งในขณะที่กำลังหนี ไม่นานนักเขาก็หายไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมกับเหล่าสาวกหญิงกลุ่มใหญ่ของสำนักเหอฮวน
“โม่เสวี่ยจะปลอดภัยหรือไม่?”
หลี่ลี่รู้สึกกังวล
“แต่สตรีเหล่านี้ดูชื่นชอบเขาไม่น้อย”
“ไม่ต้องกังวล เขาจะไม่เป็นไร”
ไป๋ซวี่เซียงกล่าวด้วยความผ่อนคลาย
“เขาวิ่งเล่นเช่นนี้มาร้อยปีแล้ว เราเข้าไปด้านในกันก่อนเถิด”
หลี่ลี่ถูกพาตัวเข้ามาด้านใน ทั้งสองเดินผ่านถนนเส้นยาวรายล้อมไปด้วยอาคารสูง สองฝั่งมากด้วยดอกไม้งดงาม หลี่ลี่เผยใบหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นสตรีใส่ชุดน้อยชิ้น สุดท้ายทั้งสองก็มาถึงสุดสายถนนด้านในสุด
ลานเงียบสงบในมุมนี้เป็นสถานที่ครอบครัวไป๋อาศัยอยู่
เมื่อไป๋ซวี่เซียงและหลี่ลี่มาถึงประตู มีเด็กหญิงตัวเล็กนั่งยอง ๆ อยู่ข้างประตู นางกำลังจดจ่ออยู่กับเตาเล่นแร่แปรธาตุตรงหน้าอย่างจริงจัง
บางครั้ง นางสามารถพ่นไฟจากปากได้ อีกทั้งปรับแต่งเม็ดยาครอบจักรวาลในเตาเล่นแร่แปรธาตุขนาดเล็กอย่างชำนาญ
เมื่อเห็นสาวน้อยคนนี้ แววตาของไป๋ซวี่เซียงเปล่งประกายราวกับนึกบางอย่างได้
นางวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วกอดอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแน่นหนา
“เฮ้! หลานจื่อ!”
“โอ้!”
ทั้งสองกอดกันกลมด้วยความยินดี
“พี่หญิงซวี่เซียง?!”
หลังจากที่ได้ทราบว่าคนที่กอดเป็นผู้ใด ไป๋หลานจื่อรีบดิ้นรนทันที
“รีบปล่อยข้าก่อน! เม็ดยาครอบจักรวาลใกล้จะหมดแล้ว!”
“โธ่ ของที่เจ้าใช้ฝึกฝนนั้นไม่ได้แพงมากมายหรอก ยังไม่ล้มเลิกความคิดเสริมหน้าอกอีกหรือ?”
ไป๋ซวี่เซียงกอดน้องสาวเอาไว้พร้อมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหัวเราะแล้วกล่าวว่า
“เจ้าทำอย่างกับว่าหากกินเม็ดยาครอบจักรวาลแล้วมันจะได้ผล พี่หญิงสัมผัสได้ขณะที่กอดกับเจ้า หน้าอกเจ้ายังคงแบนราบเช่นเดียวกับตอนที่พี่หญิงออกจากบ้านก่อนหน้านี้!”
“ข้าเกลียดพี่หญิง!”
ไป๋หลานจื่อพยายามดิ้นรนพร้อมใช้ขาเตะไป่ซวี่เซียง ก่อนจะหลุดออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย
เด็กหญิงวิ่งไปด้านหน้าด้วยความโกรธ นางนั่งลงที่เตาขนาดเล็กตรงหน้าพร้อมกับบ่นพึมพำใส่ไป๋ซวี่เซียง
“พี่หญิง ท่านมีสิทธิ์ใดมาหัวเราะข้า? ท่านน่ะไม่เพียงแต่ไม่มีหน้าอกเท่านั้น แต่ยังเตี้ยอีกด้วย! ในอีกสองสามปี ข้าจะสูงกว่าท่านแน่นอน!”
ไป๋ซวี่เซียงไม่ได้สนใจสิ่งนี้ก่อนจะกล่าวอย่างไม่แยแส
“แล้วอย่างไร? พี่หญิงเช่นข้าก็ยังมีส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่บ้าง อย่างไรมันก็ดีว่าลานจอดเครื่องบินใช่หรือไม่?”
“ฮึ่ม! อย่างไรแล้วพี่โม่เสวี่ยย่อมชื่นชอบสตรีที่มีหน้าอกและบั้นท้าย”
ไป๋หลานจื่อกลอกตาไปมา ก่อนจะกล่าวต่อด้วยความขุ่นเคือง
“เขาจะต้องออกไปค้นหาคนรักด้านนอก! เขาไม่ต้องการท่าน!”
“หืม?”
ไป๋ซวี่เซียงตกตะลึงก่อนจะหันมองหลี่ลี่
ไป๋หลานจื่อมองตามสายตานางก่อนจะกล่าวถามว่า
“สตรีผู้นี้คือใครหรือ?”
“อ่า…”
ไป๋ซวี่เซียงกล่าวอย่างยากลำบาก
“พี่ชายของเจ้ามีคนรักแล้ว”
“อะไรนะ?”
ไป๋หลานจื่อตกตะลึงก่อนจะรีบยกเตาหลอมขึ้นและตะโกนเสียงดัง
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! ท่านแม่เซียงเสวี่ย ท่านแม่จิ่นเหยา ท่านแม่หลาน! มีเรื่องแล้ว! พี่ชายข้ากลับมาบ้านพร้อมกับคนรัก!”
“เจ้าว่าอะไรนะ!?”
เสียงตะโกนของเด็กหญิงดังลั่นไปทั่วลาน หลังจากนั้นหลี่ลี่ก็ได้พบกับหญิงสาวในชุดสีแดงพร้อมกับมีครรภ์เดินออกมาบีบหูของไป๋หลานจื่อแล้วกล่าวว่า
“เป็นเรื่องที่ดีหากพี่ชายของเจ้ามีคนรักเสียที เราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะถูกปีศาจสาวพราวเสน่ห์ล่อลวงไปที่ไหน”
“ท่านแม่จิ่นเหยา”
ไป๋หลานจื่อเงยหน้าขึ้น
“ท่านกับท่านแม่เซียงเสวี่ยเป็นปีศาจหญิงที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้ไม่ใช่หรือ…”
“เราเป็นมิตร จึงไม่นับ”
สตรีในชุดสีแดงเดินไปที่ประตูพร้อมกล่าวอย่างผ่อนคลาย
“เมื่อครู่ข้าเหมือนได้ยินเสียงของซวี่เซียง นางหลบหนีออกจากบ้านไปนานหลายปี ไม่ทราบว่ายังจดจำทางกลับบ้านได้อยู่หรือไม่”
เมื่อนางมาถึงประตูแล้ว ไป๋ซวี่เซียงก้มศีรษะทำความเคารพทันที
“ยินดีที่ได้พบท่านแม่จิ่นเหยา”
“คุณหนูน้อย เจ้ายังจดจำทางกลับบ้านได้อยู่ ทราบหรือไม่ว่าทั้งบิดามารดาคิดถึงเจ้ามากเพียงใด?”
หลีจิ่นเหยาบ่นไป๋ซวี่เซียงเล็กน้อยก่อนจะหันมองหลี่ลี่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“เจ้าคือคนรักของโม่เสวี่ยใช่หรือไม่?”
“อะ… เอ่อ… ยินดีที่ได้พบท่านป้า”
หลี่ลี่ก้มศีรษะพร้อมกล่าวทักทาย
“อืม ก็ไม่เลว ค่อนข้างดูดีไม่น้อย”
หลีจิ่นเหยากล่าวกับไป๋ซวี่เซียง
“ซวี่เซียง ดูแลน้องสะใภ้ให้ดี ข้าจะกลับไปอ่านหนังสือในห้อง”
หลังจากนั้นนางจึงหันหลังเดินกลับไป
“เจ้าคิดว่าท่านแม่ของข้าเป็นโรคประสาทหรือไม่?”
หลังจากสตรีผู้นั้นหายลับไปแล้ว ไป๋ซวี่เซียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูของหลี่ลี่
หลี่ลี่ตื่นตระหนก ก่อนจะหันมองทิศทางที่หลีจิ่นเหยาจากไปพร้อมกล่าวตอบเสียงแผ่ว
“แม่นางซวี่เซียง ท่านกล่าวเช่นนั้นกับมารดาได้อย่างไร?”
“ไม่เป็นไรหรอก นางมีความกังวลก่อนคลอด ทุกคนในครอบครัวเราทราบเรื่องนี้ และท่านแม่จิ่นเหยาเองก็ทราบว่าก่อนหน้านี้นางไม่เคยมีอารมณ์เช่นนี้มาก่อน เวลานี้นางค่อนข้างหงุดหงิดง่ายจึงแยกตัวออกไป”
ไป๋ซวี่เซียงกล่าวพร้อมโบกมือ
“แต่เวลานี้นางกำลังตั้งครรภ์ และน้องสาวของข้าอยู่ในท้องของนาง ว่ากันว่าเวลานี้เด็กน้อยผู้นั้นฝึกฝนฝ่ามืออสูรแล้ว ท่านพ่อถึงกับต้องใช้เวทกาลเวลาเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของอีกฝ่าย ป้องกันไม่ให้เด็กน้อยผู้นั้นทำร้ายมารดาของตนเอง”
“ฝึกฝ่ามืออสูรเมื่ออยู่ในครรภ์?”
หลี่ลี่ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
“ใช่ ตอนพวกเราทราบเรื่องนี้เราก็ประหลาดใจ แต่ดูเหมือนว่าน้องสาวคนนี้จะได้รับพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของท่านแม่จิ่นเหยามา…”
ไป๋ซวี่เซียงยิ้มพร้อมกล่าวว่า
“และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือสัญชาตญานโดยกำเนิดของนางอาจทำให้นางสังหารมารดาของตนโดยไม่รู้ตัว มันก็เหมือนกับพฤติกรรมของท่านแม่จิ่นเหยาที่เป็นศิษย์คิดล้างครูและทำลายบรรพบุรุษ”
หลี่ลี่เริ่มคิดไตร่ตรองว่าตัวตนของไป๋โม่เสวี่ยคือแบบใด
ภายใต้การนำทางของไป๋ซวี่เซียง เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้าบ้าน ยกเว้นหลีจิ่นเหยาและไป๋ชิวหรานที่กำลังพักรับประทานอาหารกลางวัน อาวุโสคนอื่นในครอบครัวออกไปทำธุระด้านนอก
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหลาน ซูเซียงเสวี่ย และถังรั่วเวยกลับมาที่บ้านพร้อมกับไป๋โม่เสวี่ยที่ผมเผ้ารุงรัง และเสื้อผ้าไม่ค่อยเรียบร้อยดีนัก
“ซวี่เซียง! เจ้ารังแกน้องชายตนเองอีกครั้งแล้ว!”
ทันทีที่ได้พบ เจียงหลานก็กล่าวตำหนิบุตรสาวทันที
“เราไปพบเจอเขาขณะที่เขากำลังถูกสตรีฝูงใหญ่ไล่ล่า!”
“ท่านแม่ ข้าทราบความผิดแล้ว โปรดยกโทษให้ข้า”
เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดา ไป๋ซวี่เซียงกล่าวยอมรับผิดอย่างง่ายดาย และไม่คิดปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น
“เจ้าคือหลี่ลี่ใช่หรือไม่?”
เจียงหลานสังเกตเห็นหญิงสาวผมสีเกาลัดด้านข้าง ก่อนจะผลักบุตรสาวของตนออกไปและหันมายิ้มกว้างให้หลี่ลี่
“โอ้ เป็นเด็กที่น่ารักไม่น้อย โม่เสวี่ยนับว่ามีสายตาที่ยอดเยี่ยม”
“อ่า…”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ไป๋ซวี่เซียงอ้าปากพองลมอย่างไม่มีความสุข แต่นางก็ไม่อาจทำอะไรได้
“สมควรแล้ว”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูเซียงเสวี่ยพลันบีบแก้มของหญิงสาว
“เจ้าออกไปเล่นด้านนอกนานเกินไปแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ชิวหรานกลับมาและเห็นหลี่ลี่ตรงหน้า เขารู้สึกสดชื่นขึ้นทันที เวลานี้เขาต้องการออกไปจ่ายตลาดเพื่อให้ภรรยาตระเตรียมงานเลี้ยงของครอบครัว
เพราะหลีจิ่นเหยากำลังตั้งครรภ์ มื้ออาหารที่บ้านของเฒ่าไป๋จึงถูกตระเตรียมโดยซูเซียงเสวี่ย เจียงหลาน และถังรั่วเวย ในช่วงเวลานี้หลี่ลี่และไป๋ซวี่เซียงก็อาสาช่วยเหลืองานในครัวด้วย ซึ่งทำให้บรรดาแม่ ๆ ทั้งหลายถูกใจยิ่งขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารเย็นอย่างมีความสุข หลี่ลี่แยกตัวออกมาพักผ่อนในห้องที่ไป๋ชิวหรานและซูเซียงเสวี่ยจัดเตรียมไว้ให้ แน่นอนว่าในห้องนี้มีไป๋โม่เสวี่ยอยู่ด้วย
ไป๋โม่เสวี่ยได้ดื่มไปมากนักในงานเลี้ยงของครอบครัว และเขาก็เมาจนหมดสติไปเสียแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงร่างกายที่ล้มลงบนเตียงอย่างปวกเปียก
หลี่ลี่มองดูไป๋โม่เสวี่ยที่นอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของนางแดงก่ำ หัวใจเต้นรัว เวลานี้นางเดินออกมาในห้องด้านข้างเพื่อดื่มน้ำสงบสติอารมณ์ แต่นางกลับหันไปเห็นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะ โดยมีกระดาษบางอย่างไว้ใต้ขวด
นางหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาดู มีอักษรเขียนเอาไว้หนึ่งวรรค ลายมืองดงามอ่านง่าย
“ในขวดนี้คือยาสูตรลับของสำนักเหอฮวน ข้าใช้มันกับบิดาของโม่เสวี่ย หลี่ลี่โปรดใช้มันอย่างระมัดระวัง!”
นอกจากนี้ยังมีภาพนิ้วชี้ขึ้นด้านบนที่ด้านหลังของแผ่นกระดาษ
ใบหน้าของหลี่ลี่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจนแทบจะเป็นลม แต่หลังจากที่นางสงบจิตใจลงได้ นางก็หยิบขวดกระเบื้องเคลือบอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปข้างเตียง
“โม่เสวี่ย ทานยาสักหน่อยเถิด”
นางเปิดม่านเตียงเบา ๆ แต่พบว่าไป๋โม่เสวี่ยที่นอนหลับบนเตียงก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
“โม่เสวี่ย?!”
หลี่ลี่ตื่นตระหนกและเริ่มค้นหา ทว่านางมองเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
ซึ่งสิ่งนี้คือลายมือของไป๋ซวี่เซียง
“ท่านแม่ของข้าเคยบอกกล่าวกับโม่เสวี่ยและข้าว่า ‘มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ย่อมไม่ปล่อยไปยังไร่คนอื่น’ ฮ่า หลี่ลี่ เจ้าน่ะไร้เดียงสาไม่ต่างจากโม่เสวี่ย เจ้าคิดว่าน้ำอุดมสมบูรณ์คือข้างั้นหรือ? ผิดแล้ว! น้ำที่อุดมสมบูรณ์นั้นคือโม่เสวี่ย!”
“แม่นางซวี่เซียง!!!”
กลางดึกนั้น เสียงกรีดร้องของหลี่ลี่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า