ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 635 อี้ฝาน
บทที่ 635 อี้ฝาน
บทที่ 635 อี้ฝาน
อุบัติภัยปลุกบุรุษเกศาขาวขึ้นมาจากการหลับใหลไม่รู้จบ
ดวงตาของเขาเริ่มเบิกกว้าง สิ่งแรกที่สายตาพบปะก็คือแก้วผลึกชิ้นใหญ่ฉายแสงสลัว
ผลึกชิ้นนี้แขวนคว่ำและเรืองแสงอยู่กลางอากาศ ในขณะที่ส่วนล่างจมอยู่ในเพดาน บุรุษเกศาขาวหงอกเงยขึ้นมองผนังด้านบน เขาพบว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘เพดาน’ นั้นทำมาจากรากไม้จำนวนเหลือคณานับที่พัวพันกัน
อีกทั้งรากไม้เหล่านี้ยังขดกันเป็นเสาใหญ่อยู่ที่ด้านหลังของเขา และปรากฏเก้าอี้รากไม้ที่มีรูปร่างคล้ายบัลลังก์ที่เขาเคยประทับอยู่
รากของต้นไม้ยื่นออกมาจากบัลลังก์เหล่านี้ มันเจาะทะลุแขนขาของเขา และพัวพันให้ยึดติดกับบัลลังก์รากไม้อย่างแน่นหนา ทว่าน่าเหลือเชื่อนักที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด
รากซึ่งกำลังตรึงแขนตรึงขาเหล่านี้เน่าเปื่อยและเปราะบางมานานแล้ว ด้วยแรงเพียงเล็กน้อยจากบุรุษเกศาขาว รากเหล่านี้จึงพังทลายออกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังจากหลุดรอดจากโซ่ตรวนแห่งรากไม้ แม้จะมีบาดแผลจากการถูกรากไม้ทะลุทะลวง ทว่ากลับไม่มีโลหิตไหลรินแต่อย่างใด… มีเพียงแต่ความดำมืดในใจเท่านั้น
ภายใต้อิทธิพลของพลังที่อ่อนแออย่างคาดไม่ถึง บาดแผลบนแขนขาของชายผู้คนนั้นเริ่มฟื้นฟูกลับมาหายเป็นปกติ ร่างที่เหี่ยวเฉาเริ่มท้วมสมบูรณ์ รูปร่างหน้าตากลับมาเป็นเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองก็ยังสัมผัสถึงความรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่อาจอธิบายได้
ร่างกายของเขาเหมือนเปลือกกลวง ภายนอกดูสง่างาม แต่ภายในเกือบทั้งหมดซูบผอม
ภายในใจของบุรุษเกศาขาวหงอกมีความเข้าใจที่แจ่มแจ้งแต่ไม่สามารถอธิบายได้
มือของเขาวางบนพนักแขนบัลลังก์รากไม้ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินลงทางบันไดอย่างเชื้องช้า เมื่อก้าวเท้าเหยียบลงบนพื้นชั้นล่างสุดก็พลันฉงนใจ สิ่งที่ถูกเหยียบส่งเสียงกรอบแกรบ
เขายกเท้าขึ้นและพบกองเศษแก้วผลึกซึ่งดูเหมือนว่าจะตกลงมาจากผลึกทรงผิดรูปผิดร่างที่กำลังห้อยอยู่บนเพดาน ทว่ามันแตกต่างจากแก้วผลึกที่ฉายแสงเลือนราง เศษแก้วบนพื้นเหล่านี้สูญเสียความสว่างไสวไปแล้ว
ที่ตื่นจากภวังค์อันไร้ที่สิ้นสุดอาจเป็นเพราะเศษแก้วผลึกที่ตกลงใส่ศีรษะก็ย่อมได้
“ช่างโชคร้ายเสียจริง ข้า…”
ชายผู้นั้นคร่ำครวญขณะกุมหน้าผาก ดูเหมือนจะมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย
“ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหน ข้า… เป็นใคร?”
ครั้นเดินไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยรากไม้ก็ยังจำชื่อไม่ได้ ทว่าพบทางขึ้นที่ด้านข้างของห้อง
บุรุษเกศาขาวคิดอยู่ชั่วครู่ รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่จะไม่มีประโยชน์อันใด แสงสลัวจากแก้วผลึกคอยส่งสัญญาณแห่งความรู้สึกชวนไม่สบายใจและวิกฤตอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเร่งเร้าให้เดินหน้าต่อไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
“แปลก”
ขณะที่คลำหาทางออก บุรุษเกศาขาวพึมพำว่า
“หรือว่าผลึกแก้วนี้จะมีส่วนเกี่ยวพันกับข้าก่อนสูญเสียความจำ?”
เขาเดินออกไปตามทางที่มืดสนิท ยิ่งนานความมืดโดยรอบก็เริ่มทวีคูณ มันล้อมรอบและกลืนกินเขาจนมองไม่เห็นทางเข้าหรือทางออก
ครั้นหันมองไปที่ใดก็เห็นแต่ความมืด แม้ต้องการจะกลับไป ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินข้างหน้าต่อไปตามความรู้สึก
โป๊ก!
ขณะเดินอยู่นั้นศีรษะของเขากระแทกเข้ากับบางสิ่งที่เย็นและแข็ง! บุรุษเกศาขาวคลำหาทางตรงหน้าและตรงข้างก่อนจะพบว่าตนเองอยู่ในที่มืดและแคบ
เขาผลักไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี… ในที่สุดสิ่งที่อยู่ข้างหน้าตกลงสู่พื้น
ตู้ม!
สิ่งของถูกผลักล้มลงจนเกิดฝุ่นฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง ก่อนจะมีแสงพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า มันทำให้บุรุษเกศาขาวหงอกรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
ทันทีที่เปล่งเสียงตะโกน ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายพัดทะลุโพรงจมูกเข้าสู่ปอดอีกครั้ง ทำให้บุรุษเกศาขาวไออย่างหนัก
หลังจากอาการเริ่มดีขึ้น เขาจึงมีเวลามองไปโดยรอบ ในขณะนี้… บุรุษเกศาขาวรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าตนเพิ่งออกมาจากโลงหิน
เมื่อสัมผัสปลายล่างของโลงหินที่อยู่ด้านหลัง จึงยืนยันได้ว่าไม่มีทางที่นำไปสู่ความมืดดังกล่าว และไม่มีเศษกระดูกของบุคคลอื่นหลงเหลืออยู่ข้างใน
ด้านหน้าโลงปรากฏแผ่นศิลาอีกหนึ่งแผ่น บุรุษเกศาขาวหงอกเดินเข้ามา ใช้มือปัดฝุ่นที่สะสมบนโลงออกและเห็นข้อความด้านล่าง
บางทีอาจเป็นความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ก่อนหน้านี้ที่ทำให้จำข้อความนี้ได้โดยไร้อุปสรรค
“อี้… ฝาน?”
หารู้ไม่ว่าชื่อนี้เป็นชื่อของคนแปลกหน้าที่ถูกฝัง ณ ที่นี้ ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ใด ๆ หรืออาจเป็นชื่อเดิมของเขาก็ย่อมได้
“แต่ข้าออกมาจากสุสานโดยปราศความทรงจำใด ๆ”
บุรุษเกศาขาวหงอกสัมผัสแผ่นศิลาพลางพึมพำว่า
“ขอโทษด้วย ขอยืมใช้ชื่ออี้ฝานไปก่อนก็แล้วกัน”
แสงสว่างจากโลกภายนอกนั้นไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น
ไม่อาจทราบว่าเป็นเพราะกาลเวลาหรืออย่างใด ทว่าตะวันเริ่มลับขอบฟ้าเสียแล้ว อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งยามพลบค่ำ ยามนี้โลกทั้งใบถูกปกคลุมด้วยแสงลำสุดท้ายของดวงตะวันตกดิน สถานที่ซึ่งอี้ฝานยืนอยู่คือสุสาน แผ่นศิลาและโลงหินตกลงบนพื้นสร้างเส้นทางที่คดเคี้ยว
สุสานบางแห่งถูกขุด …โลงศพบางใบถูกแงะออก บางสุสานว่างเปล่าหรือแม้กระทั่งถูกทิ้งไว้นาน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครดูแลสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
อี้ฝานจ้องมองเสื้อที่ขาดหลุดลุ่ยของตน ก่อนจะหันมาที่ร่างในโรงศพใกล้เคียงซึ่งยังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่หลากหลายและเริ่มตัดสินใจ
ผ่านไปสองสามเค่อ บุรุษเกศาขาวก็ค้นพบชุดเกราะที่ขาดวิ่นและเสื้อคลุมที่เสียหายไปครึ่งหนึ่งจากศพใกล้เคียง
เขาสวมใส่ชุดเหล่านี้ก่อนจะเดินออกจากสุสานตามเส้นทางเดียวที่สถานที่แห่งนี้มีให้
หลังจากเดินได้ชั่วครู่ เสียงสั่นเครืออันแปลกประหลาดก็พลันปรากฏในสุสานใกล้เคียง
อี้ฝานมองไปโดยรอบอย่างหวาดระแวง สัญชาตญาณที่หลับใหลอยู่ในร่างถูกปลุกตื่นเพื่อตักเตือนถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา
โครม!
โลงหินที่อยู่ด้านหน้าอี้ฝานถูกเท้าด้านในเตะออกมา โครงกระดูกจำนวนมหาศาลพุ่งพรวดออกจากโลงศพ!!
ในมือหนึ่งของพวกมันถือดาบ กระบี่ หอก และค้อน
ส่วนอีกมือหนึ่งหยิบกะโหลกจากพื้นขึ้นมาวางไว้บนศีรษะ ในขณะที่กะโหลกศีรษะและกระดูกสันหลังส่วนคอกำลังเชื่อมต่อกัน ในดวงตาของเหล่าโครงกระดูกปรากฏแสงคล้ายหลอดไฟในผลึกแก้วแห่งความว่างเปล่า
จากนั้นพวกมันจึงก้าวไปหาอี้ฝานพร้อมเสียงกระดูกที่เสียดสีกันฟังดูเขย่าขวัญ